ว่าด้วย Gojuuonjun (五十音順) และลำดับการเรียงตัวอักษรญี่ปุ่นแบบโบราณ คือ ลำดับอิโระฮะ いろは ที่มีอะไรมากกว่าที่คุณคิด
กระทู้นี้ เป็นกระทู้ต่อเนื่องจาก กระทู้
เก็บตกจากลำดับการเดินพาเหรดนักกีฬาในโตเกียวโอลิมปิก--- มารู้จักลำดับตัวอักษรญี่ปุ่นที่เรียกว่า Gojuuon กันเถอะ
โดยที่จากกระทู้ก่อน ได้สรุปถึงลำดับการเรียงตัวอักษรญี่ปุ่น ตามเสียงของมัน ซึ่งมีทั้งหมด 50 เสียง (จริง ๆ มี 47 หรือ ณ ปัจจุบันเหลือ 45 ด้วยซ้ำ) ซึ่งลำดับดังกล่าวเรียกว่า โกะจูอนจุน (Gojuuonjun 五十音順) ซึ่งคนเรียนภาษาญี่ปุ่นจะคุ้นเคยกันดีเพราะมันคือ ตารางฮิรางานะ นั่นเอง (เพิ่มเสียงโบราณมา กับ ไม่มีตัว ん)
あいうえお
かきくけこ
さしすせそ
たちつてと
なにぬねの
はひふへほ
まみむめも
や ゆ よ
らりるれろ
わゐ ゑを
ทีนี้ ใครที่อยู่ที่ญี่ปุ่น หรือ เคยเรียนที่ญี่ปุ่น รวมทั้งคนที่เคยทำข้อสอบภาษาญี่ปุ่น หรือ เคยต้องอ่านเอกสารบางอย่าง เคยเห็นการกำหนดหัวข้อแบบนี้ไหมครับ
เช่น สมมติเป็นข้อสอบ
จงเลือกข้อที่ถูกต้อง (ข้อสอบปรนัย สมมติว่ามี 4 ตัวเลือก)
イ ตัวเลือกที่หนึ่ง
ロ ตัวเลือกที่สอง
ハ ตัวเลือกที่สาม
ニ ตัวเลือกที่สี่
หรือเอกสารสัญญา เอกสารทางกฎหมาย บางครั้งเราจะเจอแบบนี้
...........ทั้งนี้ โดยมีเงื่อนไข ดังต่อไปนี้
イ เงื่อนไขบลา ๆ ๆ
ロ บลา ๆ ๆ
ハ บลา ๆ ๆ
ニ บลา ๆ ๆ
(ปกติหัวข้อ จะใส่เป็น ตัวคะตะคะนะ นะครับ แต่ก็มีบ้างเหมือนกันที่ใช้ฮิรางานะ)
ซึ่งมันคือ การใส่หัวข้อเป็น ก ข ค ง แบบภาษาไทยนั่นเอง แต่แทนที่จะเป็น あ い う え หรือ ア イ ウ エ ซึ่งเอกสารส่วนใหญ่ปัจจุบันก็ใช้หัวข้อแบบนี้นะ แต่ทำไม เรายังพบเห็นเอกสารบางอย่างใช้หัวข้อย่อย เป็น イ ロ ハ ニ หรือ い ろ は に ล่ะ มันคือลำดับแบบไหน และทำไมต้องเป็น いろはに ด้วย
ย้อนกลับไปที่ gojuuonjun ข้างบนนะครับ ซึ่งถึงแม้เราเรียกมันว่า ลำดับเสียงห้าสิบเสียง แต่มันก็มีจริง ๆ แค่ 47 ตัวอักษรหรือ 47 เสียง
ได้มีอัจฉริยะท่านหนึ่ง แต่งบทกวี ที่มีฉันทลักษณ์เป็น หน้า 7 หลัง 5 ขึ้นมา โดยแต่งไว้ 4 บรรทัด และดึงเอาตัวอักษรจากตาราง Gojuuon นี้ มาใช้ แบบที่ ใช้ตัวอักษรครบทุกตัว ตัวละ 1 ครั้งเท่านั้น และไม่ใช้ซ้ำ ผลออกมาได้เป็นบทกวีนี้ ซึ่งถูกเรียกว่า อิโระฮะอุตะ
いろは歌
いろはにほへと ちりぬるを
わかよたれそ つねならむ
うゐのおくやま けふこえて
あさきゆめみし ゑ ひもせす
ในอิโระฮะอุตะ แต่ละบรรทัดมี 2 วรรค วรรคหน้า 7 วรรคหลัง 5 ดังนั้น จะมี 12 ตัวอักษรต่อบรรทัด ยกเว้น บรรทัดที่สอง ที่วรรคหน้ามีแค่ 6 ตัว รวมแล้วทั้ง 4 บรรทัดมีตัวอักษร 47 ตัว ก็คือ ใช้ตัวอักษรใน Gojuuonjun ครบทุกตัวและใช้ตัวละครั้งโดยไม่ซ้ำกัน
ทั้งนี้ตัว ゐ อ่านเป็น い และ ตัว ゑ อ่านเป็น え ไปเลยก็ได้ครับ สำหรับคนที่งงว่ามันจะอ่านยังไง ก็คือ เหมือนกับที่ปัจจุบันเราออกเสียง を เหมือนเสียง お นั่นแหละ
ซึ่งการที่มันใช้ตัวอักษรหรือเสียงในลำดับห้าสิบเสียง ครบทุกตัวตัวละครั้ง ทำให้บทกวี いろは歌 ถูกใช้ในการเรียงลำดับตัวอักษรในภาษาญี่ปุ่นด้วย โดยที่เรียกว่า ลำดับแบบอิโระฮะ いろは順 (อิโระฮะจุน irohajun)
ตรงนี้จึงเป็นที่มาของการใช้ลำดับอิโระฮะในเอกสารทางราชการ/กฎหมาย นั่นเอง รวมทั้งนำมาใช้ในข้อสอบปรนัยด้วย
นอกจากนี้ ในทางดนตรี ญี่ปุ่นยังใช้วรรคแรกของอิโระฮะมาเป็นชื่อโน้ตดนตรีด้วย
กล่าวคือ
สากล- โด เร มี ฟา ซอล ลา ที โด
ญี่ปุ่น- ドレミファソラシド (โดะ เระ มิ ฟะ โซะ ละ ชิ โดะ)
ญี่ปุ๊นญี่ปุ่น- ハニホヘトイロハ
กล่าวคือ โน้ตเสียง โด ญี่ปุ่น เรียกว่า โดะ (ド) ก็ได้ เรียกว่า ハ ก็ได้ มีวิธีเรียกสองแบบ
(ตรงนี้ เคยมีละครสืบสวนสอบสวน เอาไปใช้เป็นทริกดายอิ้งเมสเสจที่ใช้ชี้ตัวคนร้ายด้วย โดยที่คนที่ถูกฆ่าตายเป็นนักดนตรี แล้วแกโดนฆาตกรรม ก่อนที่จะตาย เลยทิ้ง Dying message ไว้ เป็น สัญลักษณ์บนกระดาษเขียนโน้ตดนตรีที่เป็นบรรทัด 5 เส้น เพื่อระบุชื่อคนร้ายด้วยชื่อโน้ตแบบภาษาญี่ปุ่นนี่แหละ แต่ผมจำไม่ได้แล้ว ว่า ชื่ออะไรนะ)
เรื่องของลำดับอิโระฮะ คงมีเพียงเท่านี้ครับ ขอบคุณทุกท่านที่อ่านมาถึงตรงนี้
จากตรงนี้ไป ผมจะเขียนถึงความหมายของบทกวี อิโระฮะอุตะ นะครับ ซึ่งน่าสนใจมากทีเดียว แต่อาจจะน่าเบื่อสำหรับท่านที่อ่านคันจิไม่ออก ดังนั้น ก็เลยขอคั่นจังหวะไว้ตรงนี้ก่อนครับ ว่า ใครที่อ่านคันจิไม่ออก อ่านเนื้อหาข้างล่างนี้อาจจะงงนะครับ
-- เริ่มนะ--
หลักฐานที่มี สามารถสืบย้อนได้แค่ว่า อิโระฮะอุตะนี้ ถูกแต่งขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 10 ถึงกลางศตวรรษที่ 11 แต่ไม่สามารถสืบทราบชื่อผู้แต่งได้ (มีบางสมมติฐานที่ระบุชื่อผู้แต่งไว้เช่นกัน ว่าเป็นพระรูปหนึ่ง แต่ก็มีประเด็นมาหักล้างอยู่ดี ว่าเป็นไปไม่ได้)
ในสมัยนั้นยังไม่มีการใช้เตนเตน ゛ หรือมารุ ゜ กำกับที่ตัวคานะ ดังนั้น จะมีแต่เสียงดั้งเดิมเท่านั้น จึงทำให้การตีความหมายค่อนข้างยาก และ ณ ปัจจุบัน ผู้เชี่ยวชาญบางคนก็บอกว่า ความหมายดั้งเดิมของบทกวีนี้ในแต่ละวรรคนั้น "ไม่เป็นที่แน่ชัด" เช่น ในบรรทัดสุดท้ายวรรคแรก ゆめみし นั้น ถ้าตีความว่าเป็น 夢見じ ก็จะได้ความหมายแบบหนึ่ง แต่ถ้าคิดว่ามันคือ 夢見し ก็จะมีความหมายอีกแบบหนึ่ง อย่างไรก็ดี เมื่อมองภาพรวมแล้ว คนส่วนใหญ่ "เชื่อ" ว่าน่าจะเป็น -- โดยเมื่อใส่คันจิ และเครื่องหมายเตนเตนแล้ว บทกวีนี้จะมีหน้าตาแบบนี้
色は匂へど 散りぬるを
我が世誰ぞ 常ならむ
有為の奥山 今日越えて
浅き夢見じ 酔ひもせず
ซึ่งอ่านแบบปัจจุบัน จะอ่านอย่างนี้
いろはにおえど ちりぬるを (สังเกต にほへど→におえど)
わがよだれぞ つねならん (สังเกต ならむ→ならん ซึ่งคือ ならない)
ういのおくやま きょうこえて (สังเกต けふ→きょう)
あさきゆめみじ えいもせず (บางที่ บอกว่าให้อ่านวรรคหลังเป็น よいもせず ไปเลยก็มี คนที่รู้จักคันจิตัว 酔 คงเข้าใจว่าทำไมเขาบอกแบบนี้)
ทีนี้ ความหมายของมันคืออะไร อย่างที่บอกว่า ถ้าจะตีความแต่ละวรรค จะค่อนข้างมีความกำกวมว่าตกลงแต่ละคำที่ปรากฏในวรรคนั้น ๆ คืออะไรกันแน่ แต่ถ้ามองภาพรวมแล้ว คนส่วนใหญ่เชื่อว่า บทกวีนี้ ต้องการแต่งขึ้นเพื่อให้เป็นคำแปลของบทคาถาในภาษาบาลี-สันสกฤต ที่ว่า
Aniccā vata saṅkhārā
uppādavayadhammino
Uppajjitvā nirujjhanti
tesaṃ vūpasamo sukho
คุ้น ๆ ไหมครับ ถ้าไม่คุ้น เอาแบบที่เขียนบาลีสันสกฤตเลยก็ได้ ก็คือ....
อนิจฺจา วต สงฺขารา
อุปฺปาทวยธมฺมิโน
อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌนฺติ
เตสํ วูปสโม สุโข
(คำอ่าน สำหรับท่านที่อ่านบาลีสันสกฤตไม่เป็น
อะนิจจา วะตะ สังขารา
อุปปาทะวะยะธัมมิโน
อุปปัชชิตวา นิรุชฌันติ
เตสัง วูปะสะโม สุโข)
ซึ่งความหมาย (บรรทัดต่อบรรทัด) คือ
สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงหนอ
มีการเกิดขึ้นและดับไปเป็นธรรมดา
เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป
การเข้าไประงับดับสังขารเหล่านั้นเสียได้ เป็นความสุข
ลองเทียบกับอิโระฮะอุตะ ทีละวรรคดูนะครับ
色は匂へど 散りぬるを
色 หมายถึง ดอกไม้ การที่ดอกไม้บาน ภาษาโบราณใช้ว่า 色が匂ふ
ในที่นี้ บรรทัดแรกนี้ แปลเป็นภาษาญี่ปุ่นปัจจุบัน ก็จะประมาณว่า 花が咲いても散ってしまうのに ดอกไม้นั้นถึงจะบานแล้ว สุดท้ายก็ต้องร่วงโรยไปอยู่ดี
我が世誰ぞ 常ならむ
我が世 นี่ หลายท่านคงแปลได้ ก็คือ "โลกของเรา" นั่นเอง
誰ぞ คือ ไม่ว่าใครก็ตาม
常ならむ คำว่า 常 อ่าน つね แปลว่า เป็นนิรันดร์ (จริง ๆ ในภาษาปัจจุบัน เรามีศัพท์ว่า 常に แปลว่า เสมอ ๆ หรือเป็นประจำ)
ならむ คือ ならない ไม่เป็น
ดังนั้นบรรทัดนี้ คือ โลกของเรานี้ ไม่ว่าใครก็ตาม ล้วนไม่คงอยู่ชั่วนิรันดร์ จริง ๆ ตีความไปกว้างขึ้นว่า ไม่ว่าสิ่งใดล้วนไม่จีรัง ก็ได้ ไม่ได้จำกัดเฉพาะมนุษย์
有為の奥山 今日越えて
有為 หมายถึง สิ่งที่มีตัวตนและไม่มีตัวตน
有為の奥山 ตีความว่า หมายถึง ชีวิตมนุษย์ที่มีอะไรหลาย ๆ อย่างมาเกี่ยวข้อง ทั้งสิ่งที่มีตัวตน (เช่น คนอื่น สัตว์ สิ่งของ) และไม่มีตัวตน (อารมณ์ต่าง ๆ)
今日越えて วันนี้ เราก็ได้ดำเนินชีวิตมนุษย์ดังกล่าวในวรรคต้น ไปอีกหนึ่งวันแล้ว
浅き夢見じ 酔ひもせず
บรรทัดนี้ตีความยากที่สุด เอาเป็นว่า สมมติฐานหนึ่งคือ ตีความดังนี้
浅き夢見じ คือ 浅い夢を見たくない ไม่อยากฝันถึงสิ่งที่เป็นสิ่งชั่วคราว (ไม่ยั่งยืน) อีกแล้ว ทั้ง ๆ ที่เราก็ไม่ได้เมา (酔ひもせず ตีความว่า 酔いもしないで โดย 酔い อ่านแบบปัจจุบันไปเลยว่า よい)
เป็นยังไงบ้างครับ พอเทียบว่า อิโระฮะอุตะ ก็คือ บท อนิจฺจา วต สงฺขารา ฯ ได้ไหมครับ
แหล่งอ้างอิง
ウィキペディア―いろは歌
อนิจฺจา วต สงฺขารา
音名「ハニホヘトイロハ」のなぜ?ドレミファソラシドとの違いは?
ว่าด้วย Gojuuonjun (五十音順) และลำดับการเรียงตัวอักษรญี่ปุ่นแบบโบราณ คือ ลำดับอิโระฮะ いろは ที่มีอะไรมากกว่าที่คุณคิด
กระทู้นี้ เป็นกระทู้ต่อเนื่องจาก กระทู้
เก็บตกจากลำดับการเดินพาเหรดนักกีฬาในโตเกียวโอลิมปิก--- มารู้จักลำดับตัวอักษรญี่ปุ่นที่เรียกว่า Gojuuon กันเถอะ
โดยที่จากกระทู้ก่อน ได้สรุปถึงลำดับการเรียงตัวอักษรญี่ปุ่น ตามเสียงของมัน ซึ่งมีทั้งหมด 50 เสียง (จริง ๆ มี 47 หรือ ณ ปัจจุบันเหลือ 45 ด้วยซ้ำ) ซึ่งลำดับดังกล่าวเรียกว่า โกะจูอนจุน (Gojuuonjun 五十音順) ซึ่งคนเรียนภาษาญี่ปุ่นจะคุ้นเคยกันดีเพราะมันคือ ตารางฮิรางานะ นั่นเอง (เพิ่มเสียงโบราณมา กับ ไม่มีตัว ん)
あいうえお
かきくけこ
さしすせそ
たちつてと
なにぬねの
はひふへほ
まみむめも
や ゆ よ
らりるれろ
わゐ ゑを
ทีนี้ ใครที่อยู่ที่ญี่ปุ่น หรือ เคยเรียนที่ญี่ปุ่น รวมทั้งคนที่เคยทำข้อสอบภาษาญี่ปุ่น หรือ เคยต้องอ่านเอกสารบางอย่าง เคยเห็นการกำหนดหัวข้อแบบนี้ไหมครับ
เช่น สมมติเป็นข้อสอบ
จงเลือกข้อที่ถูกต้อง (ข้อสอบปรนัย สมมติว่ามี 4 ตัวเลือก)
イ ตัวเลือกที่หนึ่ง
ロ ตัวเลือกที่สอง
ハ ตัวเลือกที่สาม
ニ ตัวเลือกที่สี่
หรือเอกสารสัญญา เอกสารทางกฎหมาย บางครั้งเราจะเจอแบบนี้
...........ทั้งนี้ โดยมีเงื่อนไข ดังต่อไปนี้
イ เงื่อนไขบลา ๆ ๆ
ロ บลา ๆ ๆ
ハ บลา ๆ ๆ
ニ บลา ๆ ๆ
(ปกติหัวข้อ จะใส่เป็น ตัวคะตะคะนะ นะครับ แต่ก็มีบ้างเหมือนกันที่ใช้ฮิรางานะ)
ซึ่งมันคือ การใส่หัวข้อเป็น ก ข ค ง แบบภาษาไทยนั่นเอง แต่แทนที่จะเป็น あ い う え หรือ ア イ ウ エ ซึ่งเอกสารส่วนใหญ่ปัจจุบันก็ใช้หัวข้อแบบนี้นะ แต่ทำไม เรายังพบเห็นเอกสารบางอย่างใช้หัวข้อย่อย เป็น イ ロ ハ ニ หรือ い ろ は に ล่ะ มันคือลำดับแบบไหน และทำไมต้องเป็น いろはに ด้วย
ย้อนกลับไปที่ gojuuonjun ข้างบนนะครับ ซึ่งถึงแม้เราเรียกมันว่า ลำดับเสียงห้าสิบเสียง แต่มันก็มีจริง ๆ แค่ 47 ตัวอักษรหรือ 47 เสียง
ได้มีอัจฉริยะท่านหนึ่ง แต่งบทกวี ที่มีฉันทลักษณ์เป็น หน้า 7 หลัง 5 ขึ้นมา โดยแต่งไว้ 4 บรรทัด และดึงเอาตัวอักษรจากตาราง Gojuuon นี้ มาใช้ แบบที่ ใช้ตัวอักษรครบทุกตัว ตัวละ 1 ครั้งเท่านั้น และไม่ใช้ซ้ำ ผลออกมาได้เป็นบทกวีนี้ ซึ่งถูกเรียกว่า อิโระฮะอุตะ いろは歌
いろはにほへと ちりぬるを
わかよたれそ つねならむ
うゐのおくやま けふこえて
あさきゆめみし ゑ ひもせす
ในอิโระฮะอุตะ แต่ละบรรทัดมี 2 วรรค วรรคหน้า 7 วรรคหลัง 5 ดังนั้น จะมี 12 ตัวอักษรต่อบรรทัด ยกเว้น บรรทัดที่สอง ที่วรรคหน้ามีแค่ 6 ตัว รวมแล้วทั้ง 4 บรรทัดมีตัวอักษร 47 ตัว ก็คือ ใช้ตัวอักษรใน Gojuuonjun ครบทุกตัวและใช้ตัวละครั้งโดยไม่ซ้ำกัน
ทั้งนี้ตัว ゐ อ่านเป็น い และ ตัว ゑ อ่านเป็น え ไปเลยก็ได้ครับ สำหรับคนที่งงว่ามันจะอ่านยังไง ก็คือ เหมือนกับที่ปัจจุบันเราออกเสียง を เหมือนเสียง お นั่นแหละ
ซึ่งการที่มันใช้ตัวอักษรหรือเสียงในลำดับห้าสิบเสียง ครบทุกตัวตัวละครั้ง ทำให้บทกวี いろは歌 ถูกใช้ในการเรียงลำดับตัวอักษรในภาษาญี่ปุ่นด้วย โดยที่เรียกว่า ลำดับแบบอิโระฮะ いろは順 (อิโระฮะจุน irohajun)
ตรงนี้จึงเป็นที่มาของการใช้ลำดับอิโระฮะในเอกสารทางราชการ/กฎหมาย นั่นเอง รวมทั้งนำมาใช้ในข้อสอบปรนัยด้วย
นอกจากนี้ ในทางดนตรี ญี่ปุ่นยังใช้วรรคแรกของอิโระฮะมาเป็นชื่อโน้ตดนตรีด้วย
กล่าวคือ
สากล- โด เร มี ฟา ซอล ลา ที โด
ญี่ปุ่น- ドレミファソラシド (โดะ เระ มิ ฟะ โซะ ละ ชิ โดะ)
ญี่ปุ๊นญี่ปุ่น- ハニホヘトイロハ
กล่าวคือ โน้ตเสียง โด ญี่ปุ่น เรียกว่า โดะ (ド) ก็ได้ เรียกว่า ハ ก็ได้ มีวิธีเรียกสองแบบ
(ตรงนี้ เคยมีละครสืบสวนสอบสวน เอาไปใช้เป็นทริกดายอิ้งเมสเสจที่ใช้ชี้ตัวคนร้ายด้วย โดยที่คนที่ถูกฆ่าตายเป็นนักดนตรี แล้วแกโดนฆาตกรรม ก่อนที่จะตาย เลยทิ้ง Dying message ไว้ เป็น สัญลักษณ์บนกระดาษเขียนโน้ตดนตรีที่เป็นบรรทัด 5 เส้น เพื่อระบุชื่อคนร้ายด้วยชื่อโน้ตแบบภาษาญี่ปุ่นนี่แหละ แต่ผมจำไม่ได้แล้ว ว่า ชื่ออะไรนะ)
เรื่องของลำดับอิโระฮะ คงมีเพียงเท่านี้ครับ ขอบคุณทุกท่านที่อ่านมาถึงตรงนี้
จากตรงนี้ไป ผมจะเขียนถึงความหมายของบทกวี อิโระฮะอุตะ นะครับ ซึ่งน่าสนใจมากทีเดียว แต่อาจจะน่าเบื่อสำหรับท่านที่อ่านคันจิไม่ออก ดังนั้น ก็เลยขอคั่นจังหวะไว้ตรงนี้ก่อนครับ ว่า ใครที่อ่านคันจิไม่ออก อ่านเนื้อหาข้างล่างนี้อาจจะงงนะครับ
-- เริ่มนะ--
หลักฐานที่มี สามารถสืบย้อนได้แค่ว่า อิโระฮะอุตะนี้ ถูกแต่งขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 10 ถึงกลางศตวรรษที่ 11 แต่ไม่สามารถสืบทราบชื่อผู้แต่งได้ (มีบางสมมติฐานที่ระบุชื่อผู้แต่งไว้เช่นกัน ว่าเป็นพระรูปหนึ่ง แต่ก็มีประเด็นมาหักล้างอยู่ดี ว่าเป็นไปไม่ได้)
ในสมัยนั้นยังไม่มีการใช้เตนเตน ゛ หรือมารุ ゜ กำกับที่ตัวคานะ ดังนั้น จะมีแต่เสียงดั้งเดิมเท่านั้น จึงทำให้การตีความหมายค่อนข้างยาก และ ณ ปัจจุบัน ผู้เชี่ยวชาญบางคนก็บอกว่า ความหมายดั้งเดิมของบทกวีนี้ในแต่ละวรรคนั้น "ไม่เป็นที่แน่ชัด" เช่น ในบรรทัดสุดท้ายวรรคแรก ゆめみし นั้น ถ้าตีความว่าเป็น 夢見じ ก็จะได้ความหมายแบบหนึ่ง แต่ถ้าคิดว่ามันคือ 夢見し ก็จะมีความหมายอีกแบบหนึ่ง อย่างไรก็ดี เมื่อมองภาพรวมแล้ว คนส่วนใหญ่ "เชื่อ" ว่าน่าจะเป็น -- โดยเมื่อใส่คันจิ และเครื่องหมายเตนเตนแล้ว บทกวีนี้จะมีหน้าตาแบบนี้
色は匂へど 散りぬるを
我が世誰ぞ 常ならむ
有為の奥山 今日越えて
浅き夢見じ 酔ひもせず
ซึ่งอ่านแบบปัจจุบัน จะอ่านอย่างนี้
いろはにおえど ちりぬるを (สังเกต にほへど→におえど)
わがよだれぞ つねならん (สังเกต ならむ→ならん ซึ่งคือ ならない)
ういのおくやま きょうこえて (สังเกต けふ→きょう)
あさきゆめみじ えいもせず (บางที่ บอกว่าให้อ่านวรรคหลังเป็น よいもせず ไปเลยก็มี คนที่รู้จักคันจิตัว 酔 คงเข้าใจว่าทำไมเขาบอกแบบนี้)
ทีนี้ ความหมายของมันคืออะไร อย่างที่บอกว่า ถ้าจะตีความแต่ละวรรค จะค่อนข้างมีความกำกวมว่าตกลงแต่ละคำที่ปรากฏในวรรคนั้น ๆ คืออะไรกันแน่ แต่ถ้ามองภาพรวมแล้ว คนส่วนใหญ่เชื่อว่า บทกวีนี้ ต้องการแต่งขึ้นเพื่อให้เป็นคำแปลของบทคาถาในภาษาบาลี-สันสกฤต ที่ว่า
Aniccā vata saṅkhārā
uppādavayadhammino
Uppajjitvā nirujjhanti
tesaṃ vūpasamo sukho
คุ้น ๆ ไหมครับ ถ้าไม่คุ้น เอาแบบที่เขียนบาลีสันสกฤตเลยก็ได้ ก็คือ....
อนิจฺจา วต สงฺขารา
อุปฺปาทวยธมฺมิโน
อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌนฺติ
เตสํ วูปสโม สุโข
(คำอ่าน สำหรับท่านที่อ่านบาลีสันสกฤตไม่เป็น
อะนิจจา วะตะ สังขารา
อุปปาทะวะยะธัมมิโน
อุปปัชชิตวา นิรุชฌันติ
เตสัง วูปะสะโม สุโข)
ซึ่งความหมาย (บรรทัดต่อบรรทัด) คือ
สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงหนอ
มีการเกิดขึ้นและดับไปเป็นธรรมดา
เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป
การเข้าไประงับดับสังขารเหล่านั้นเสียได้ เป็นความสุข
ลองเทียบกับอิโระฮะอุตะ ทีละวรรคดูนะครับ
色は匂へど 散りぬるを
色 หมายถึง ดอกไม้ การที่ดอกไม้บาน ภาษาโบราณใช้ว่า 色が匂ふ
ในที่นี้ บรรทัดแรกนี้ แปลเป็นภาษาญี่ปุ่นปัจจุบัน ก็จะประมาณว่า 花が咲いても散ってしまうのに ดอกไม้นั้นถึงจะบานแล้ว สุดท้ายก็ต้องร่วงโรยไปอยู่ดี
我が世誰ぞ 常ならむ
我が世 นี่ หลายท่านคงแปลได้ ก็คือ "โลกของเรา" นั่นเอง
誰ぞ คือ ไม่ว่าใครก็ตาม
常ならむ คำว่า 常 อ่าน つね แปลว่า เป็นนิรันดร์ (จริง ๆ ในภาษาปัจจุบัน เรามีศัพท์ว่า 常に แปลว่า เสมอ ๆ หรือเป็นประจำ)
ならむ คือ ならない ไม่เป็น
ดังนั้นบรรทัดนี้ คือ โลกของเรานี้ ไม่ว่าใครก็ตาม ล้วนไม่คงอยู่ชั่วนิรันดร์ จริง ๆ ตีความไปกว้างขึ้นว่า ไม่ว่าสิ่งใดล้วนไม่จีรัง ก็ได้ ไม่ได้จำกัดเฉพาะมนุษย์
有為の奥山 今日越えて
有為 หมายถึง สิ่งที่มีตัวตนและไม่มีตัวตน
有為の奥山 ตีความว่า หมายถึง ชีวิตมนุษย์ที่มีอะไรหลาย ๆ อย่างมาเกี่ยวข้อง ทั้งสิ่งที่มีตัวตน (เช่น คนอื่น สัตว์ สิ่งของ) และไม่มีตัวตน (อารมณ์ต่าง ๆ)
今日越えて วันนี้ เราก็ได้ดำเนินชีวิตมนุษย์ดังกล่าวในวรรคต้น ไปอีกหนึ่งวันแล้ว
浅き夢見じ 酔ひもせず
บรรทัดนี้ตีความยากที่สุด เอาเป็นว่า สมมติฐานหนึ่งคือ ตีความดังนี้
浅き夢見じ คือ 浅い夢を見たくない ไม่อยากฝันถึงสิ่งที่เป็นสิ่งชั่วคราว (ไม่ยั่งยืน) อีกแล้ว ทั้ง ๆ ที่เราก็ไม่ได้เมา (酔ひもせず ตีความว่า 酔いもしないで โดย 酔い อ่านแบบปัจจุบันไปเลยว่า よい)
เป็นยังไงบ้างครับ พอเทียบว่า อิโระฮะอุตะ ก็คือ บท อนิจฺจา วต สงฺขารา ฯ ได้ไหมครับ
แหล่งอ้างอิง
ウィキペディア―いろは歌
อนิจฺจา วต สงฺขารา
音名「ハニホヘトイロハ」のなぜ?ドレミファソラシドとの違いは?