..........งาน "นิรมิตภูษา มนตราเมืองเงิน"
เป็นการนำเสนองานแสดงเสื้อผ้าที่มาจากแรงบันดาลใจ และแนวความคิดของ "คุณน้อย หรือคุณธรรมนิติ์ ภูวเสถียร"
ที่เกิดมาจากความรู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
ที่ทรงอุทิศช่วยฟื้นฟูสิ่งทอพื้นบ้านเพื่อให้งานสิ่งทอเป็นที่นิยม และมีชีวิตยืนยาวต่อไปในแผ่นดิน

..........คุณธรรมนิติ์ ภูวเสถียร จึงพยายามที่จะลองนำเอาผ้าที่สั่งสมไว้หลายชนิด มาทดลองออกแบบชุดตามสไตล์ความชอบของตนขึ้นมา
โดยนำศิลปะในรูปแฟชั่นที่น่าสนใจ เป็นงานที่เริ่มจากการมีความคิดทางการดีไซน์ว่าอยากได้สิ่งต่างๆ อย่างไร
ได้พากเพียรทำขึ้นมาจากฝีมือตนเองอาศัยความตั้งใจมุ่งมั่นในที่สุดก็เกิดการเรียนรู้ในการสร้างชุดตัวแรกขึ้นมาสำเร็จ

......"มนตราเมืองเงิน" ดูจะเป็นส่วนสำคัญที่เกี่ยวข้องกับความลุ่มหลงชื่นชมกับส่วนของศิลปะ
ประเพณีและวัฒนธรรมอันเป็นสิ่งที่มีค่า มีความลึกล้ำของที่ใดสักที่หนึ่งที่เรียกว่า "เมืองเงิน"

......"เมืองเงิน" อยู่ที่ไหน เมืองเงินอยู่บริเวณพื้นที่ชายแดนไทย-ลาว ตั้งอยู่บนฝั่งขวาของแม่น้ำโขง
ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว แขวงไชยบุรี ทิศใต้ติดกับไทยที่จังหวัดน่าน
อยู่ระหว่างแม่น้ำโขงกับแม่น้ำน่าน ชุมชนมีส่วนผสมทางวัฒนธรรมทั้ง ลาว ไทย และจีน
ที่อยู่ด้านบนเมืองเงินเคยเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรล้านนาเช่นเดียวกับเชียงใหม่ ปกครองโดยเจ้าเมืองไทลื้อ
แต่ต่อมาตกอยู่ในความปกครองของสยามจนถึงปี พ.ศ.2447 และในยุคอาณานิคมดินแดนฝั่งขวาของแม่น้ำโขง
จึงตกอยู่ภายใต้อำนาจของฝรั่งเศส ซึ่งทำให้เป็นความเจ็บปวดของฝ่ายสยาม-ไทย ที่มีข้อตกลงว่า
แผ่นดินที่งอกเงยอยู่กลางแม่น้ำโขง เช่น เกาะแก่งของแม่น้ำทั้งหมด จะเป็นของฝรั่งเศสและลาว

......ที่จริงหากย้อนไปสู่อดีตอันไกลโพ้น ดินแดนและวัฒนธรรมเดิมก่อนเมืองเงิน น่าจะเป็นชนชาติขมุ
ซึ่งเป็นชุมชนที่เก่าแก่ที่สุดในสุวรรณภูมิ ขมุอาศัยอยู่ทั้งใน จีน เวียดนาม ลาว และไทย
ชาวขมุที่มีถิ่นกำเนิดจากสิบสองปันนา ตั้งแต่ 250-300 ปีมาแล้ว
ต่อมากลายเป็นชาวไทยลื้อสร้างเมืองเชียงรุ้ง และอพยพมาสู่เมืองเงิน กลายเป็นภาพรวมของล้านนา

......ชาวขมุเดิมเกือบจะไม่มีใครรู้จักแล้ว ชื่อที่ยังอยู่ในทุกวันนี้กลายเป็นชาวไทลื้อ
วัฒนธรรมที่เห็นกันอยู่อย่างชัดเจนก็คือ การทอผ้าแต่งกายแบบไทลื้อเมืองเงิน
ใช้เสื้อผ้าทอสีดำซึ่งไทลื้อเรียกว่า "เสื้อเมือง" ผู้ชายสวมเสื้อแขนยาว คอตั้ง สีดำหรือสีเข้ม

......ชาวไทลื้อถักทอผ้าเพื่อใช้กันเองในครอบครัว ใช้ในวาระสำคัญ หรือมอบเป็นของขวัญแก่ผู้ใหญ่และญาติพี่น้อง
หรือทำถวายวัดเพื่อการกุศลแก่ผู้ล่วงลับ
ความงดงามของผ้าถักทอและชุดแต่งกายของไทลื้อนี้แสดงถึงฐานะความสำคัญทางสังคม เศรษฐกิจ และการเมืองอีกด้วย
แต่สำหรับชาวล้านนาโดยรวมแล้วมีการโพกผ้าบนศีรษะที่เรียกว่า "ผ้าเคี่ยนหัว"
มีทั้งที่ตกแต่งหรูหรา และเรียบง่าย เดิมประเพณีโพกผ้าขาวมาจากชาวพม่า คนไทยล้านนาจะโพกผ้าสีแดง

......วัฒนธรรมการถักทอเสื้อผ้าของชาวไทลื้อ และชาวล้านนา ยังคงสืบต่อให้เห็นอยู่ในประเพณีวัฒนธรรมร่วมสมัย
ทำให้เห็นถึงความเป็นตัวของตัวเอง ซึ่งมีความแตกต่างระหว่างคนไทยภาคกลาง และภาคเหนืออย่างเด่นชัด
และกลายเป็นความภาคภูมิใจในความเข้มแข็งของวัฒนธรรมล้านนา
เชียงใหม่-นิทรรศการเครื่องแต่งกายและศิลปะสิ่งทอลื้อเมืองเงิน "นิรมิตภูษา มนตราเมืองเงิน"
เป็นการนำเสนองานแสดงเสื้อผ้าที่มาจากแรงบันดาลใจ และแนวความคิดของ "คุณน้อย หรือคุณธรรมนิติ์ ภูวเสถียร"
ที่เกิดมาจากความรู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
ที่ทรงอุทิศช่วยฟื้นฟูสิ่งทอพื้นบ้านเพื่อให้งานสิ่งทอเป็นที่นิยม และมีชีวิตยืนยาวต่อไปในแผ่นดิน
..........คุณธรรมนิติ์ ภูวเสถียร จึงพยายามที่จะลองนำเอาผ้าที่สั่งสมไว้หลายชนิด มาทดลองออกแบบชุดตามสไตล์ความชอบของตนขึ้นมา
โดยนำศิลปะในรูปแฟชั่นที่น่าสนใจ เป็นงานที่เริ่มจากการมีความคิดทางการดีไซน์ว่าอยากได้สิ่งต่างๆ อย่างไร
ได้พากเพียรทำขึ้นมาจากฝีมือตนเองอาศัยความตั้งใจมุ่งมั่นในที่สุดก็เกิดการเรียนรู้ในการสร้างชุดตัวแรกขึ้นมาสำเร็จ
......"มนตราเมืองเงิน" ดูจะเป็นส่วนสำคัญที่เกี่ยวข้องกับความลุ่มหลงชื่นชมกับส่วนของศิลปะ
ประเพณีและวัฒนธรรมอันเป็นสิ่งที่มีค่า มีความลึกล้ำของที่ใดสักที่หนึ่งที่เรียกว่า "เมืองเงิน"
......"เมืองเงิน" อยู่ที่ไหน เมืองเงินอยู่บริเวณพื้นที่ชายแดนไทย-ลาว ตั้งอยู่บนฝั่งขวาของแม่น้ำโขง
ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว แขวงไชยบุรี ทิศใต้ติดกับไทยที่จังหวัดน่าน
อยู่ระหว่างแม่น้ำโขงกับแม่น้ำน่าน ชุมชนมีส่วนผสมทางวัฒนธรรมทั้ง ลาว ไทย และจีน
ที่อยู่ด้านบนเมืองเงินเคยเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรล้านนาเช่นเดียวกับเชียงใหม่ ปกครองโดยเจ้าเมืองไทลื้อ
แต่ต่อมาตกอยู่ในความปกครองของสยามจนถึงปี พ.ศ.2447 และในยุคอาณานิคมดินแดนฝั่งขวาของแม่น้ำโขง
จึงตกอยู่ภายใต้อำนาจของฝรั่งเศส ซึ่งทำให้เป็นความเจ็บปวดของฝ่ายสยาม-ไทย ที่มีข้อตกลงว่า
แผ่นดินที่งอกเงยอยู่กลางแม่น้ำโขง เช่น เกาะแก่งของแม่น้ำทั้งหมด จะเป็นของฝรั่งเศสและลาว
......ที่จริงหากย้อนไปสู่อดีตอันไกลโพ้น ดินแดนและวัฒนธรรมเดิมก่อนเมืองเงิน น่าจะเป็นชนชาติขมุ
ซึ่งเป็นชุมชนที่เก่าแก่ที่สุดในสุวรรณภูมิ ขมุอาศัยอยู่ทั้งใน จีน เวียดนาม ลาว และไทย
ชาวขมุที่มีถิ่นกำเนิดจากสิบสองปันนา ตั้งแต่ 250-300 ปีมาแล้ว
ต่อมากลายเป็นชาวไทยลื้อสร้างเมืองเชียงรุ้ง และอพยพมาสู่เมืองเงิน กลายเป็นภาพรวมของล้านนา
......ชาวขมุเดิมเกือบจะไม่มีใครรู้จักแล้ว ชื่อที่ยังอยู่ในทุกวันนี้กลายเป็นชาวไทลื้อ
วัฒนธรรมที่เห็นกันอยู่อย่างชัดเจนก็คือ การทอผ้าแต่งกายแบบไทลื้อเมืองเงิน
ใช้เสื้อผ้าทอสีดำซึ่งไทลื้อเรียกว่า "เสื้อเมือง" ผู้ชายสวมเสื้อแขนยาว คอตั้ง สีดำหรือสีเข้ม
......ชาวไทลื้อถักทอผ้าเพื่อใช้กันเองในครอบครัว ใช้ในวาระสำคัญ หรือมอบเป็นของขวัญแก่ผู้ใหญ่และญาติพี่น้อง
หรือทำถวายวัดเพื่อการกุศลแก่ผู้ล่วงลับ
ความงดงามของผ้าถักทอและชุดแต่งกายของไทลื้อนี้แสดงถึงฐานะความสำคัญทางสังคม เศรษฐกิจ และการเมืองอีกด้วย
แต่สำหรับชาวล้านนาโดยรวมแล้วมีการโพกผ้าบนศีรษะที่เรียกว่า "ผ้าเคี่ยนหัว"
มีทั้งที่ตกแต่งหรูหรา และเรียบง่าย เดิมประเพณีโพกผ้าขาวมาจากชาวพม่า คนไทยล้านนาจะโพกผ้าสีแดง
......วัฒนธรรมการถักทอเสื้อผ้าของชาวไทลื้อ และชาวล้านนา ยังคงสืบต่อให้เห็นอยู่ในประเพณีวัฒนธรรมร่วมสมัย
ทำให้เห็นถึงความเป็นตัวของตัวเอง ซึ่งมีความแตกต่างระหว่างคนไทยภาคกลาง และภาคเหนืออย่างเด่นชัด
และกลายเป็นความภาคภูมิใจในความเข้มแข็งของวัฒนธรรมล้านนา