คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
สมัยตอนเป็นเด็กประถมถึงม.ต้นเคยสุขสะใจกับการฆ่าทำร้ายสัตว์ที่ตัวเองเรียนรู้มาแล้วรังเกียจมัน เช่น แมลงสาบ หนอนบุ้ง หนอนหัวค้อน หนู งู ฯลฯ จากนั้นมาจนถึงปัจจุบันก็ไม่ได้ไปสุขสะใจกับทุกข์ร้อนของสัตว์ใดๆครับ แต่อาจมีอารมณ์แนวเคืองแต่ไม่ได้ไปสุขสะใจอะไร ก็คือกับยุง ส่วนกรณีกับคนก็ไม่ได้ไปสุขสะใจอะไรแม้เขาอาจเคยทำไม่ดีกับเรา แต่พยายามอยู่แบบสงบปล่อยวางของเราไป จะได้ไม่หลงสุขไปทางนั้นทุกข์ไปทางนี้ (จริงๆแล้วการมีอารมณ์สุขทุกข์ขึ้นๆลงๆมันทุกข์มันเหนื่อยน่าสงสารตัวเอง แต่ถ้าเราไปหลงจมอยู่ในอารมณ์ทกข์สุขใดๆเข้าจะทำให้มองไม่เห็นความน่าสงสารของตัวเอง)
(เสนอแนะข้อเท็จจริงบาปบุญคุณโทษเพิ่มเติม)
การที่คุณรู้สึกผิดอยู่บ้างต่อการเกิดพฤติกรรมชาวบ้านแบบนั้น ถือเป็นความประเสริฐโดยหลักแล้วครับ เพราะเป็นการตระหนักที่จะละเว้นบาป(ประพฤติศีล,หิริโอตัปปะ,อภัย,ฯลฯ) ซึ่งเป็นมรรคหลักบุญหลักในธรรม โดยถ้าไม่นับรวมถึงมรรคภาคบังคับที่เป็นการเผชิญรับผลกรรมเก่าที่เป็นอาการทุกข์ทางกายใจใดๆอย่างรุนแรงหรือยาวนานเพื่อให้มรณาการสิ้นสุดพ้นผลบาปเก่าหรือพ้นทุกข์อย่างยิ่งยวดแล้ว ก็จะมีการประพฤติศีลนี่เองที่เป็นมรรคภาคทางเลือกหรือการก่อกรรมใหม่บุญใหม่ ที่จะนำพามนุษย์(ที่ไม่เยาว์วัยหรือพิการทางปัญญาจนเกินไป)ไปสู่สภาพพ้นทุกข์ที่แตกต่างกันโดยหลักในธรรม
พฤติกรรมชาวบ้านที่ว่ามานั้นแม้หลายๆคนโดยทั่วไปเห็นว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดาหรือบางคนเห็นว่าควรทำด้วยซ้ำ แต่จริงๆแล้วเป็นการก่อบาปใหม่ที่บริสุทธิ์รุนแรงมาก เพราะมีเหตุจากจิตที่เป็นบาปสมุทัยบริสุทธิ์ชัดแจ้งมาก และถ้าเป็นปัจจัยให้ผู้อื่นเกิดทุกข์ทางกายหรือใจอย่างรุนแรงสมตามเจตนารมณ์ ก็จะครบองค์ประกอบเป็นครุกรรมบาปหนักที่อาจบริสุทธิ์สูงล้ำถึงขั้นนำพาไปสู่ทุคติภูมิอันหนักได้ และยังไม่รวมการเสวยสุขจากการสะใจหรือหัวเราเยาะสมน้ำหน้า ซึ่งจะนำพาไปสู่การพ้นผลบุญเก่าหรือพ้นสุขตามหลักสังขารธรรมต่างๆอย่างยิ่งที่ซ้ำเติมเข้าไปอีกต่อหนึ่ง
(เสนอแนะข้อเท็จจริงบาปบุญคุณโทษเพิ่มเติม)
การที่คุณรู้สึกผิดอยู่บ้างต่อการเกิดพฤติกรรมชาวบ้านแบบนั้น ถือเป็นความประเสริฐโดยหลักแล้วครับ เพราะเป็นการตระหนักที่จะละเว้นบาป(ประพฤติศีล,หิริโอตัปปะ,อภัย,ฯลฯ) ซึ่งเป็นมรรคหลักบุญหลักในธรรม โดยถ้าไม่นับรวมถึงมรรคภาคบังคับที่เป็นการเผชิญรับผลกรรมเก่าที่เป็นอาการทุกข์ทางกายใจใดๆอย่างรุนแรงหรือยาวนานเพื่อให้มรณาการสิ้นสุดพ้นผลบาปเก่าหรือพ้นทุกข์อย่างยิ่งยวดแล้ว ก็จะมีการประพฤติศีลนี่เองที่เป็นมรรคภาคทางเลือกหรือการก่อกรรมใหม่บุญใหม่ ที่จะนำพามนุษย์(ที่ไม่เยาว์วัยหรือพิการทางปัญญาจนเกินไป)ไปสู่สภาพพ้นทุกข์ที่แตกต่างกันโดยหลักในธรรม
พฤติกรรมชาวบ้านที่ว่ามานั้นแม้หลายๆคนโดยทั่วไปเห็นว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดาหรือบางคนเห็นว่าควรทำด้วยซ้ำ แต่จริงๆแล้วเป็นการก่อบาปใหม่ที่บริสุทธิ์รุนแรงมาก เพราะมีเหตุจากจิตที่เป็นบาปสมุทัยบริสุทธิ์ชัดแจ้งมาก และถ้าเป็นปัจจัยให้ผู้อื่นเกิดทุกข์ทางกายหรือใจอย่างรุนแรงสมตามเจตนารมณ์ ก็จะครบองค์ประกอบเป็นครุกรรมบาปหนักที่อาจบริสุทธิ์สูงล้ำถึงขั้นนำพาไปสู่ทุคติภูมิอันหนักได้ และยังไม่รวมการเสวยสุขจากการสะใจหรือหัวเราเยาะสมน้ำหน้า ซึ่งจะนำพาไปสู่การพ้นผลบุญเก่าหรือพ้นสุขตามหลักสังขารธรรมต่างๆอย่างยิ่งที่ซ้ำเติมเข้าไปอีกต่อหนึ่ง
แสดงความคิดเห็น
เคยไหม? รู้สึกผิดที่ตนเองรู้สึกสะใจ สมน้ำหน้า หัวเราะเยาะคนที่เกลียดขี้หน้ามากๆ
เกี่ยวกับอดีตนายจ้างที่ทำให้เราอับอายขายหน้า
เป็นความทรงจำที่ลืมไม่ลง นึกได้เมื่อไหร่คือร้อนรุ่ม
เพราะมันรุนแรงถึงขนาดทำให้เราต้องออกจากงานในวันนั้น
พอนึกแล้วก็ห้ามตนเองมิได้ เลยไปส่องโปรไฟล์เขาดู
ด้วยสถานการณ์ต่างๆที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ในช่วงนี้
เห็นเขาได้รับผลกระทบ ตกต่ำ และกำลังพังทลาย
ทั้งครอบครัวที่จากไป ทั้งพิษเศรษฐกิจ เต็มไปด้วยความเครียด
ความรู้สึกแรกที่เห็น ไม่ปฏิเสธเลยว่าสะใจ ยิ้มดีใจ ที่เห็นคนที่เราเกลียดได้ทุกข์ทรมาน
ไม่พอแค่นั้น ใจยังนึกสนุกว่าอยากเห็นเขาลาโลกอย่างทรมานกับตาจริงๆ
แน่นอนระหว่างกำลังหัวเราะเยาะอยู่นั้น ใจก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ในทันที
ว่าเราจะคิดอะไรแบบนี้ไม่ได้นะ การจองเวรเป็นสิ่งที่ไม่ดี เราควรปล่อยวาง ถ้ามันย้อนเข้าตัวเราจะแย่นะ ฯลฯ
แต่แล้วเวลาผ่านไป ความคิดมันตีกันในหัว ว่าท้ายสุดแล้ว เราควรมองเขาในตอนนี้อย่างไร เราควรจัดการตัวเองอย่างไร
ณ เวลานี้ สติอยู่กับตัวคงสำคัญที่สุด อยู่กับปัจจุบัน คิดเสียว่าเรื่องที่เราโกรธแค้นมันผ่านมาแล้ว แก้ไขมิได้
มันไม่ผิดที่เราจะยังรู้สึกโกรธ ให้ยอมรับความโกรธนั้นไว้กับตัว และไม่ให้มันเข้ามาเปลี่ยนความคิดและชีวิตประจำวันของเรา
เท่านี้คงเพียงพอ
แล้วท่านที่อ่านมาจนถึงตรงนี้ เคยมีความรู้สึกแบบนี้กันบ้างหรือไม่ครับ แล้วแก้ปัญหาอย่างไร ลองเล่าสู่กันฟัง