มีเกาะหลายแห่งในอ่าวเปอร์เซียของอิหร่าน หนึ่งในนั้นตั้งอยู่ในจังหวัด Hormozgan ห่างจากแผ่นดินใหญ่ประมาณ 8 กม. เป็นเกาะเล็กๆที่มีชื่อว่าเกาะ Hormuz หรือ เกาะสายรุ้ง (rainbow island) ด้วยตำแหน่งที่อยู่ตรงกลางช่องแคบที่มีชื่อเดียวกับแผ่นดินใหญ่ทำให้เกาะ Hormuz เติบโตเป็นท่าเรือการค้าที่สำคัญ ซึ่งคงอยู่เป็นเวลาหลายศตวรรษ แต่ยุครุ่งเรืองในฐานะด่านหน้าทางยุทธศาสตร์ได้หายไปนานแล้ว วันนี้ สิ่งดึงดูดที่ใหญ่ที่สุดของเกาะไม่ใช่พ่อค้า แต่เป็นนักท่องเที่ยว
เกาะ Hormuz มีพื้นที่ 42 ตารางกม. (16 ตารางไมล์) จุดสูงสุดของเกาะอยู่ที่ประมาณ 186 เมตร (610 ฟุต) เหนือระดับน้ำทะเล เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยดินหลากสี ภูเขา และชายหาดที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และวัฒนธรรมที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง ซึ่งมีการดำรงอยู่ของแร่ธาตุและอัญมณีที่สวยงามทำให้มันได้รับชื่อว่า พิพิธภัณฑ์ทางธรณีวิทยา (geological museum)
นอกจากนั้นยังถือเป็นสิ่งมหัศจรรย์ทางธรณีวิทยา โดยทั้งเกาะเป็นโดมเกลือที่โผล่ขึ้นมาเหนือชั้นหินที่ซ้อนทับกัน กล่าวคือเมื่อเกลือสินเธาว์ (Halite) ที่อ่อนและลอยตัว เนื่องจากมีความเปราะบาง มันจะเคลื่อนตัวเหมือนของเหลวมากขึ้นเมื่ออยู่ภายใต้ความกดดันสูง มวลที่เพิ่มขึ้นไม่ได้ทำมาจากเกลือล้วนๆ แต่ที่ฝังอยู่ภายในนั้นคือชั้นของดินเหนียว คาร์บอเนต หินดินดาน และหินภูเขาไฟ ที่อุดมด้วยธาตุเหล็ก ซึ่งเมื่อสิ่งเหล่านี้เคลื่อนตัวขึ้นด้านบนและมีปฏิสัมพันธ์กับน้ำและแร่ธาตุจากชั้นหินอื่นๆ ทำให้บางส่วนมีเฉดสีแดง สีเหลือง และสีส้มที่น่าอัศจรรย์
สีที่โดดเด่นที่สุดบนเกาะที่สวยงามแห่งนี้คือสีแดงสด ซึ่งพบได้ทุกที่ตั้งแต่ชายหาดไปจนถึงหน้าผาที่ขรุขระ นอกจากดินสีแดงแล้วยังสามารถเห็นดินสีอื่นๆ ซึ่งเป็นความมหัศจรรย์อีกอย่างหนึ่งของเกาะ โดยสีต่างๆ เช่น สีทอง สีเงิน และสีขาวที่ให้เอฟเฟกต์พิเศษเหล่านี้ เป็นผลมาจากองค์ประกอบทางเคมีทั้งหมด โดยหนึ่งในหินที่พบในบริเวณนี้คือหินโลหะสีทองที่เรียกว่า pyrite ซึ่งเป็นที่รู้จักในหมู่คนทั่วไปว่า " iron pyrite " หรือ fool’s gold ซึ่งมีธาตุเหล็กซัลไฟด์อยู่มากมาย
ในขณะที่บนพื้นผิวของมันถูกปกคลุมด้วยหินตะกอนและชั้นของวัสดุภูเขาไฟ ทำให้เกาะ Hormuz นั้นแห้งแล้งมาก ไม่มีน้ำจืด ไม่มีพืชพันธุ์ อากาศร้อนจัดในฤดูร้อน และไม่มีฝน ทำให้ดินและน้ำมีความเค็ม ผู้เชี่ยวชาญจึงได้ช่วยปลูกป่าชายเลนด้วย white mangrove หรือต้น Hara ให้เติบโตในสภาพอากาศนี้ แต่ก็ยังขาดน้ำจืด ซึ่งต่อมาวิศวกรชาวอิหร่านได้สร้างท่อส่งน้ำจากแผ่นดินใหญ่ให้ โดยผู้อยู่อาศัยถาวรเพียงแห่งเดียวของเกาะคือชาวประมง และผู้ที่ทำเหมืองเกลือสินเธาว์บนเกาะนี้เท่านั้น
สำหรับดินสีแดงจากเกาะ ชาวพื้นเมืองเรียกมันว่า " Golak " เป็นดินสีแดงที่พวกเขานำไปใช้ประโยชน์เพื่อจุดประสงค์ทางศิลปะและการทำอาหาร โดยผู้คนในภูมิภาคนี้ใช้ดินนี้ในการทำปลาและในการอบขนมปังที่เรียกว่า “Tomshi” (หนึ่งในส่วนผสมของขนมปังนี้ก็คือดินสีจากเกาะนี้เช่นกัน) และใช้เตรียมผักดอง แยม และซอสเป็นเครื่องเทศ เพื่อสร้างรสชาติพิเศษสำหรับอาหารของพวกเขา
หนึ่งในอาหารที่มีชื่อเสียงของภูมิภาคนี้เรียกว่า Surag ซึ่งปรุงด้วยเครื่องเทศพิเศษดังกล่าวซึ่งอร่อยมาก ส่วนทรายจากเกาะ Hormuz จะถูกนำไปใช้ในสี แก้ว เครื่องสำอาง กระเบื้องเซรามิก และวัศดุสำหรับภายนอกอาคาร นอกจากนั้น ดินอันทรงคุณค่านี้ยังถูกส่งออกไปยังประเทศอื่น ๆ แต่มีการจำกัดปริมาณไว้เพื่อป้องกันการสูญเสียดินพิเศษนี้มากเกินไป
เกาะยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆเช่น ปราสาท Portoguese, หุบเขาประติมากรรม (Valley of Statues) และ Spanish Beach, Rainbow Valley, อุทยานภูเขา Silent Valley, Salt Cave, ภูเขาหิมะ,หาดสีเลือด, พิพิธภัณฑ์ Nad Alian และทะเลทราย Saffron เป็นต้น เวลาที่ดีที่สุดในการเยี่ยมชมเกาะคือช่วงฤดูหนาว ซึ่งจะมีเหตุการณ์ทางธรรมชาติเกิดขึ้นเช่น การอพยพของนกและเต่า รวมทั้งการตั้งแคมป์บนเกาะที่เป็นที่นิยมอย่างมาก ซึ่งเป็นหนึ่งในแรงจูงใจในการเดินทาง สำหรับผู้ชื่นชอบการท่องเที่ยวเชิงนิเวศของอิหร่าน และยังเป็นสวรรค์ของนักปีนเขาที่เต็มไปด้วยหินแปลกตาที่ดูเหมือนเปลือกหอยยักษ์ หรือภูเขาจากดาวอังคาร
Hormuz เป็นเกาะเก่าแก่ มีการบันทึกไว้ว่าเกาะนี้มีอายุกว่า 600 ล้านปี และยังระบุว่าเกาะมีการค้าขายที่โหดร้ายก่อนการโจมตีของชาวมองโกล ที่เข้ามายึดบ้านและหมู่บ้านของตน บางคนย้ายไปที่ Qeshm และคนอื่น ๆ ย้ายไปที่ท่าเรือ Gambaron และสร้างเมืองที่พวกเขาตั้งชื่อว่า New Hormuz และ เนื่องจากที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ของเกาะ ในไม่ช้า Hormuz แห่งใหม่ก็กลายเป็นศูนย์กลางการค้าที่สำคัญ ซึ่งต่อมาเกาะนี้ก็ถูกยึดครองโดยชาวโปรตุเกส
ภูมิประเทศที่มีลักษณะเหมือนโอปอลสีเหลือง สีส้ม สีแดง และสีรุ้งที่แปลกตาของเกาะแห่งนี้ได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับศิลปินนับไม่ถ้วน หนึ่งในนั้นคือ Dr. Ahmad Nadalian ที่ได้ก่อตั้งพิพิธภัณฑ์และแกลเลอรีที่จัดแสดงผลงานศิลปะสีสันสดใส ที่สะท้อนสีสันและพื้นผิวที่หลากหลายของเกาะ Hormuz
โดยเฉพาะ งานศิลปะบนผืนทราย
แผนที่ปี 1747 ของเกาะ Hormuz และเมือง New Hormuz โดย Johann Caspar Arkstee และ Henricus Merkus
เกาะ Hormuz ของอิหร่าน มีชื่อเสียงในด้านดินที่มีสีสันและการก่อตัวของหินที่มีเอกลักษณ์
the Silent Valley
ภาพถ่ายดาวเทียมของเกาะ Hormuz / Cr.ภาพ: NASA
(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)
" Hormuz island " เกาะที่มีสีสันของอิหร่านในอ่าวเปอร์เซีย
นอกจากนั้นยังถือเป็นสิ่งมหัศจรรย์ทางธรณีวิทยา โดยทั้งเกาะเป็นโดมเกลือที่โผล่ขึ้นมาเหนือชั้นหินที่ซ้อนทับกัน กล่าวคือเมื่อเกลือสินเธาว์ (Halite) ที่อ่อนและลอยตัว เนื่องจากมีความเปราะบาง มันจะเคลื่อนตัวเหมือนของเหลวมากขึ้นเมื่ออยู่ภายใต้ความกดดันสูง มวลที่เพิ่มขึ้นไม่ได้ทำมาจากเกลือล้วนๆ แต่ที่ฝังอยู่ภายในนั้นคือชั้นของดินเหนียว คาร์บอเนต หินดินดาน และหินภูเขาไฟ ที่อุดมด้วยธาตุเหล็ก ซึ่งเมื่อสิ่งเหล่านี้เคลื่อนตัวขึ้นด้านบนและมีปฏิสัมพันธ์กับน้ำและแร่ธาตุจากชั้นหินอื่นๆ ทำให้บางส่วนมีเฉดสีแดง สีเหลือง และสีส้มที่น่าอัศจรรย์
ในขณะที่บนพื้นผิวของมันถูกปกคลุมด้วยหินตะกอนและชั้นของวัสดุภูเขาไฟ ทำให้เกาะ Hormuz นั้นแห้งแล้งมาก ไม่มีน้ำจืด ไม่มีพืชพันธุ์ อากาศร้อนจัดในฤดูร้อน และไม่มีฝน ทำให้ดินและน้ำมีความเค็ม ผู้เชี่ยวชาญจึงได้ช่วยปลูกป่าชายเลนด้วย white mangrove หรือต้น Hara ให้เติบโตในสภาพอากาศนี้ แต่ก็ยังขาดน้ำจืด ซึ่งต่อมาวิศวกรชาวอิหร่านได้สร้างท่อส่งน้ำจากแผ่นดินใหญ่ให้ โดยผู้อยู่อาศัยถาวรเพียงแห่งเดียวของเกาะคือชาวประมง และผู้ที่ทำเหมืองเกลือสินเธาว์บนเกาะนี้เท่านั้น
สำหรับดินสีแดงจากเกาะ ชาวพื้นเมืองเรียกมันว่า " Golak " เป็นดินสีแดงที่พวกเขานำไปใช้ประโยชน์เพื่อจุดประสงค์ทางศิลปะและการทำอาหาร โดยผู้คนในภูมิภาคนี้ใช้ดินนี้ในการทำปลาและในการอบขนมปังที่เรียกว่า “Tomshi” (หนึ่งในส่วนผสมของขนมปังนี้ก็คือดินสีจากเกาะนี้เช่นกัน) และใช้เตรียมผักดอง แยม และซอสเป็นเครื่องเทศ เพื่อสร้างรสชาติพิเศษสำหรับอาหารของพวกเขา
เกาะยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆเช่น ปราสาท Portoguese, หุบเขาประติมากรรม (Valley of Statues) และ Spanish Beach, Rainbow Valley, อุทยานภูเขา Silent Valley, Salt Cave, ภูเขาหิมะ,หาดสีเลือด, พิพิธภัณฑ์ Nad Alian และทะเลทราย Saffron เป็นต้น เวลาที่ดีที่สุดในการเยี่ยมชมเกาะคือช่วงฤดูหนาว ซึ่งจะมีเหตุการณ์ทางธรรมชาติเกิดขึ้นเช่น การอพยพของนกและเต่า รวมทั้งการตั้งแคมป์บนเกาะที่เป็นที่นิยมอย่างมาก ซึ่งเป็นหนึ่งในแรงจูงใจในการเดินทาง สำหรับผู้ชื่นชอบการท่องเที่ยวเชิงนิเวศของอิหร่าน และยังเป็นสวรรค์ของนักปีนเขาที่เต็มไปด้วยหินแปลกตาที่ดูเหมือนเปลือกหอยยักษ์ หรือภูเขาจากดาวอังคาร
Hormuz เป็นเกาะเก่าแก่ มีการบันทึกไว้ว่าเกาะนี้มีอายุกว่า 600 ล้านปี และยังระบุว่าเกาะมีการค้าขายที่โหดร้ายก่อนการโจมตีของชาวมองโกล ที่เข้ามายึดบ้านและหมู่บ้านของตน บางคนย้ายไปที่ Qeshm และคนอื่น ๆ ย้ายไปที่ท่าเรือ Gambaron และสร้างเมืองที่พวกเขาตั้งชื่อว่า New Hormuz และ เนื่องจากที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ของเกาะ ในไม่ช้า Hormuz แห่งใหม่ก็กลายเป็นศูนย์กลางการค้าที่สำคัญ ซึ่งต่อมาเกาะนี้ก็ถูกยึดครองโดยชาวโปรตุเกส
ภูมิประเทศที่มีลักษณะเหมือนโอปอลสีเหลือง สีส้ม สีแดง และสีรุ้งที่แปลกตาของเกาะแห่งนี้ได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับศิลปินนับไม่ถ้วน หนึ่งในนั้นคือ Dr. Ahmad Nadalian ที่ได้ก่อตั้งพิพิธภัณฑ์และแกลเลอรีที่จัดแสดงผลงานศิลปะสีสันสดใส ที่สะท้อนสีสันและพื้นผิวที่หลากหลายของเกาะ Hormuz
โดยเฉพาะ งานศิลปะบนผืนทราย