กลุ่ม 'คนดูแลกันเอง' ไลฟ์ถาม กระทรวงแรงงานมีไว้ทำไม แถลงจี้เยียวยา ไม่คืบจ่อยกระดับ
https://www.matichon.co.th/politics/news_2841936
กลุ่ม ‘คนดูแลกันเอง’ ไลฟ์ถาม กระทรวงแรงงานมีไว้ทำไม แถลงจี้เยียวยา ไม่คืบจ่อยกระดับ
เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม กลุ่ม ‘
คนดูแลกันเอง’ ถ่ายทอดสดผ่านเฟซบุ๊กโดยอ่านแถลงการณ์ในเรื่อง “
เราจะมีกระทรวงแรงงานไว้ทำไม หากประชาชนต้องช่วยเหลือกันเอง” เพื่อส่งถึงนาย
สุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มีเนื้อหาดังนี้
เนื่องจาก 10 วันที่ผ่านมา กลุ่มคนดูแลกันเองได้ทำหน้าที่ประสานงานดูแลกลุ่มคนใช้แรงงานจากการที่รัฐสั่งปิดแคมป์คนงาน จากการได้ร่วมลงสำรวจแคมป์คนงานแต่ละแคมป์ เพื่อส่งข้อมูลกลับมาที่ส่วนกลางกลุ่มคนดูแลกันเองได้รับฐานข้อมูลมากกว่าและล่าสุด กว่าที่กระทรวงแรงงานนั้นมีอยู่ ทางกลุ่มคนดูแลกันเอง ได้มีอาสาสมัครเตรียมตัวเพื่อรอเข้าช่วยเหลือตลอดเวลาถึง 380 ทีม โดยไม่ต้องใช้เอกสารในการเข้ารับการช่วยเหลือ
จากการเข้าสังเกตการณ์แคมป์คนงาน จึงทำให้กลุ่มคนใช้แรงงานนั้นเห็นได้ว่ากลุ่มคนใช้แรงงานกลับมามีกิน อาการป่วยถูกบรรเทาและได้รับความเป็นมนุษย์มากกว่าที่เป็นอยู่
ในการเข้าดูแลแรงงานและกลุ่มผู้ได้รับผลกระทบนั้นเป็นหน้าที่ของกระทรวงแรงงานกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานประกันสังคม แต่ในกว่า 650 แคมป์แรงงาน พบว่า แทบไม่เห็นหน่วยงานของรัฐเข้ามาช่วยเหลือหรือเยียวยากลุ่มผู้ใช้แรงงานมากเท่าที่ควรจะเป็น
ซึ่งทำให้เห็นถึงคุณภาพชีวิตที่ประชาชนได้รับนั้นเหมือนติดในรัฐบาลมาเฟีย สิ่งที่ได้รับไม่เหมาะสมกับภาษีที่จ่ายไป และไม่ควรมีใครทั้งสิ้นออกมาอาสาเพื่อรักษาชีวิตเพื่อนมนุษย์ไว้ และจากนโยบายของรัฐเองนั้น รัฐต้องทำตามคำสัญญาและสิ่งที่รัฐได้ให้ไว้กับประชาชน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือประชาชนต้องดูแลกันเองเนื่องจากรัฐเมินเฉย และแทบไม่ได้รับการช่วยเหลือ
เนื่องจากในกรณีค่อนข้างละเอียดอ่อนดังนั้นรัฐต้องใส่ใจและห้ามเมินเฉย ต้องเข้าถึงแคมป์และรู้ว่าสิ่งที่กลุ่มคนใช้แรงงานนั้นต้องการอะไรเพื่อจะได้ให้การช่วยเหลืออย่างเต็มที่
จากที่ผ่านมาแม้ในเหตุการณ์โรงงานระเบิด รัฐยังไม่ให้กลุ่มคนใช้แรงงานนั้น อพยพไปยังพื้นที่ที่ปลอดภัยและยังมีการขัดขวางหน่วยงานอื่นที่พยายามเข้าให้ความช่วยเหลือ ดังนั้นในการเรียกร้องถึงรัฐสวัสดิการที่ดีหรือสิทธิในการเข้ารับการรักษานั้นเป็นสิ่งที่ประชาชนทุกคนควรได้รับ
ในประเด็นการตกงานของคนในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ถือเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากเพราะยังต้องหาเงินมาชำระหนี้ทั้งค่าบ้าน ค่ารถ ค่ากินค่าอยู่ และสิ่งจำเป็นในการดำรงชีวิตต่างๆ ดังนั้นการเข้าถึงรัฐสวัสดิการนั้นจำเป็นต่อประชาชนเป็นอย่างมาก
ประเทศเรามีกฎหมายควบคุมแรงงานที่ไม่เคยใช้ได้จริง แรงงานหลายแคมป์ถูกทิ้งให้อยู่เพียงลำพัง มีแม้กุญแจล็อคจากข้างนอก ไม่มีหน่วยงานรัฐเข้าไปดูแล และอ้างว่าไม่มีชื่อในระบบ ลักลอบเข้ามา หรือเป็นแรงงานต่างด้าว หากเอาความเป็นมนุษย์มาประเมินแล้ว ไม่มีข้ออ้างใดเลยที่รัฐไม่เข้าช่วยเหลือพวกเขาอย่างทันที
ดังนั้นกลุ่มคนดูแลกันเอง จึงเรียกร้องให้กระทรวงแรงงานหยุดพูด และออกมาฟังคำสั่งจากกลุ่มดูแลกันเองดังนี้
1. เงินเยียวยาต้องเข้าถึงได้ทันที
2. ข้าวเยียวยากินได้ครบมื้อ
3. ยาและอุปกรณ์การรักษาเครื่องมือทางการแพทย์ เข้าถึงได้ทันที
4. ข้อมูลเรียบเรียงอย่างเป็นระบบ
5. เยียวยาประชาชนให้ได้มากที่สุด
6. หยุดบอกให้เราดูแลตัวเอง
ช่วงท้ายของการแถลงได้ระบุว่า หากนาย
สุชาติ ชมกลิ่น ไม่ออกมาแถลงการแก้ไข หรือแก้ปัญหาทางกลุ่มคนต้องดูแลกันเองจำเป็นต้องยกระดับการสื่อสารทั้งต่อนายสุชาติ ชมกลิ่น และผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนอย่างเต็มที่
สลดอีก แม่ป่วยตาย ลูกป่วยนอนอยู่กับศพทั้งคืน ยังไม่มีใครเก็บศพ
https://www.nationtv.tv/news/378829809
สลดอีก แม่ป่วยโควิดตายอนาถ ลูกป่วยนอนอยู่กับศพทั้งคืน ยังไม่มีใครเก็บศพ
สลด !! คุณแม่ป่วยนอนเสียชีวิตอยู่ในบ้านชุมชนริมทางรถไฟท่าเรือคลองเตย โดยมีลูกที่ป่วยนอนอยู่ข้างๆศพแม่ ล่าสุดยังไม่มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปเก็บศพ มีเพียงอาสาพรรคไทยบสร้างไทยที่ทำหน้าที่ประสานอยู่เท่านั้น
โลกโซเชียลออนไลน์แชร์ภาพสลด อ้างเป็นศพ 2 แม่ลูกนอนเสียชีวิตจากโควิด-19 ภายในชุมชนริมทางรถไฟสายท่าเรือ เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร
ล่าสุด !! ทีมข่าวเนชั่นคุยกับ นาย
ภัชริ นิจสิริภัช (โก้) ทีมอาสาพรรคไทยสร้างไทยที่เข้าไปทำการช่วยเหลือ เล่าว่า ภาพดังกล่าวเกิดขึ้นที่ชุมชนริมทางรถไฟสายท่าเรือ เขตคลองเตยจริง
ขณะนี้ทีมงานประสานผู้เกี่ยวข้องหลายแห่งแล้ว แต่ยังไม่มีใครกล้าหรือว่างมาเก็บกู้ศพ โดยผู้เป็นแม่เสียชีวิตตั้งแต่เที่ยงคืนที่ผ่านมา ส่วนลูกชายยังไม่เสียชีวิต แต่ป่วยไม่สามารถดูแลตัวเองได้ นอนเคียงคู่กับศพแม่อย่างน่าอนาถใจ
ทางทีมอาสา จึงขอเรียกร้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้รีบเข้ามาช่วยเหลือเร่งด่วน เนื่องจากเกรงว่าลูกชายอาจจะติดเชื้อโควิดหรือเป็นอันตรายถึงชีวิตไปด้วยอีกคน
‘ป.ป.ช.’ ฟัน ทุจริตจัดซื้อจีที200 เกือบร้อยคน มีอดีตบิ๊ก ขรก.แต่ปัจจุบันเป็น ส.ว.ด้วย
https://www.matichon.co.th/politics/news_2841475
“ป.ป.ช.” ฟันทุจริตจัดซื้อจีที200 เกือบ 100 คน มีอดีตหัวหน้าส่วนราชการแต่ปัจจุบันเป็น ส.ว.
เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม รายงานข่าวจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคมที่ผ่านมา ที่ประชุม ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิด กรณีการจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิดและสารเสพติด (จีที200) ของหน่วยงานต่างๆ จำนวนทั้งหมด 20 สำนวน มีผู้ถูกชี้มูลความผิดเกือบ 100 คน โดยหน่วยงานที่ถูกชี้มูลความผิด อาทิ กรมสรรพาวุธทหารบก กรมสรรมพาวุธทหารอากาศ กรมศุลกากร สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ จ.ยะลา ภูเก็ต ระนอง เพชรบุรี สมุทรสงคราม นครปฐม ผู้ถูกชี้มูลความผิดส่วนใหญ่เป็นคณะกรรมการจัดซื้อจัดจ้าง และคณะกรรมการตรวจรับมอบงานของแต่ละหน่วยงาน และมีหัวหน้าส่วนราชการบางคนถูกร่วมชี้มูลความผิดด้วย ส่วนใหญ่เป็นความผิดทางวินัย มีทั้งวินัยร้ายแรงและไม่ร้ายแรง กรณีการตรวจรับงานไม่เป็นไปตามระเบียบ ส่วนโทษทางอาญามีเพียงบางส่วน อย่างไรก็ตามผู้ถูกชี้มูลความผิดบางคนมีตำแหน่งเป็นอดีตหัวหน้าส่วนราชการ และปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นส.ว. โดยขณะนี้ ป.ป.ช.กำลังสรุปรายละเอียดทั้งหมด เพื่อแถลงข่าวในเร็วๆ นี้
JJNY : 4in1 ไลฟ์ถามกระทรวงแรงงานมีไว้ทำไม│แม่ป่วยตาย ลูกป่วยนอนกับศพ│ป.ป.ช.ฟันจีที200มีส.ว.ด้วย│อุตฯสื่อโฆษณายังโคม่า
https://www.matichon.co.th/politics/news_2841936
เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม กลุ่ม ‘คนดูแลกันเอง’ ถ่ายทอดสดผ่านเฟซบุ๊กโดยอ่านแถลงการณ์ในเรื่อง “เราจะมีกระทรวงแรงงานไว้ทำไม หากประชาชนต้องช่วยเหลือกันเอง” เพื่อส่งถึงนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มีเนื้อหาดังนี้
เนื่องจาก 10 วันที่ผ่านมา กลุ่มคนดูแลกันเองได้ทำหน้าที่ประสานงานดูแลกลุ่มคนใช้แรงงานจากการที่รัฐสั่งปิดแคมป์คนงาน จากการได้ร่วมลงสำรวจแคมป์คนงานแต่ละแคมป์ เพื่อส่งข้อมูลกลับมาที่ส่วนกลางกลุ่มคนดูแลกันเองได้รับฐานข้อมูลมากกว่าและล่าสุด กว่าที่กระทรวงแรงงานนั้นมีอยู่ ทางกลุ่มคนดูแลกันเอง ได้มีอาสาสมัครเตรียมตัวเพื่อรอเข้าช่วยเหลือตลอดเวลาถึง 380 ทีม โดยไม่ต้องใช้เอกสารในการเข้ารับการช่วยเหลือ
จากการเข้าสังเกตการณ์แคมป์คนงาน จึงทำให้กลุ่มคนใช้แรงงานนั้นเห็นได้ว่ากลุ่มคนใช้แรงงานกลับมามีกิน อาการป่วยถูกบรรเทาและได้รับความเป็นมนุษย์มากกว่าที่เป็นอยู่
ในการเข้าดูแลแรงงานและกลุ่มผู้ได้รับผลกระทบนั้นเป็นหน้าที่ของกระทรวงแรงงานกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานประกันสังคม แต่ในกว่า 650 แคมป์แรงงาน พบว่า แทบไม่เห็นหน่วยงานของรัฐเข้ามาช่วยเหลือหรือเยียวยากลุ่มผู้ใช้แรงงานมากเท่าที่ควรจะเป็น
ซึ่งทำให้เห็นถึงคุณภาพชีวิตที่ประชาชนได้รับนั้นเหมือนติดในรัฐบาลมาเฟีย สิ่งที่ได้รับไม่เหมาะสมกับภาษีที่จ่ายไป และไม่ควรมีใครทั้งสิ้นออกมาอาสาเพื่อรักษาชีวิตเพื่อนมนุษย์ไว้ และจากนโยบายของรัฐเองนั้น รัฐต้องทำตามคำสัญญาและสิ่งที่รัฐได้ให้ไว้กับประชาชน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือประชาชนต้องดูแลกันเองเนื่องจากรัฐเมินเฉย และแทบไม่ได้รับการช่วยเหลือ
เนื่องจากในกรณีค่อนข้างละเอียดอ่อนดังนั้นรัฐต้องใส่ใจและห้ามเมินเฉย ต้องเข้าถึงแคมป์และรู้ว่าสิ่งที่กลุ่มคนใช้แรงงานนั้นต้องการอะไรเพื่อจะได้ให้การช่วยเหลืออย่างเต็มที่
จากที่ผ่านมาแม้ในเหตุการณ์โรงงานระเบิด รัฐยังไม่ให้กลุ่มคนใช้แรงงานนั้น อพยพไปยังพื้นที่ที่ปลอดภัยและยังมีการขัดขวางหน่วยงานอื่นที่พยายามเข้าให้ความช่วยเหลือ ดังนั้นในการเรียกร้องถึงรัฐสวัสดิการที่ดีหรือสิทธิในการเข้ารับการรักษานั้นเป็นสิ่งที่ประชาชนทุกคนควรได้รับ
ในประเด็นการตกงานของคนในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ถือเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากเพราะยังต้องหาเงินมาชำระหนี้ทั้งค่าบ้าน ค่ารถ ค่ากินค่าอยู่ และสิ่งจำเป็นในการดำรงชีวิตต่างๆ ดังนั้นการเข้าถึงรัฐสวัสดิการนั้นจำเป็นต่อประชาชนเป็นอย่างมาก
ประเทศเรามีกฎหมายควบคุมแรงงานที่ไม่เคยใช้ได้จริง แรงงานหลายแคมป์ถูกทิ้งให้อยู่เพียงลำพัง มีแม้กุญแจล็อคจากข้างนอก ไม่มีหน่วยงานรัฐเข้าไปดูแล และอ้างว่าไม่มีชื่อในระบบ ลักลอบเข้ามา หรือเป็นแรงงานต่างด้าว หากเอาความเป็นมนุษย์มาประเมินแล้ว ไม่มีข้ออ้างใดเลยที่รัฐไม่เข้าช่วยเหลือพวกเขาอย่างทันที
ดังนั้นกลุ่มคนดูแลกันเอง จึงเรียกร้องให้กระทรวงแรงงานหยุดพูด และออกมาฟังคำสั่งจากกลุ่มดูแลกันเองดังนี้
1. เงินเยียวยาต้องเข้าถึงได้ทันที
2. ข้าวเยียวยากินได้ครบมื้อ
3. ยาและอุปกรณ์การรักษาเครื่องมือทางการแพทย์ เข้าถึงได้ทันที
4. ข้อมูลเรียบเรียงอย่างเป็นระบบ
5. เยียวยาประชาชนให้ได้มากที่สุด
6. หยุดบอกให้เราดูแลตัวเอง
ช่วงท้ายของการแถลงได้ระบุว่า หากนายสุชาติ ชมกลิ่น ไม่ออกมาแถลงการแก้ไข หรือแก้ปัญหาทางกลุ่มคนต้องดูแลกันเองจำเป็นต้องยกระดับการสื่อสารทั้งต่อนายสุชาติ ชมกลิ่น และผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนอย่างเต็มที่
สลดอีก แม่ป่วยตาย ลูกป่วยนอนอยู่กับศพทั้งคืน ยังไม่มีใครเก็บศพ
https://www.nationtv.tv/news/378829809
สลดอีก แม่ป่วยโควิดตายอนาถ ลูกป่วยนอนอยู่กับศพทั้งคืน ยังไม่มีใครเก็บศพ
สลด !! คุณแม่ป่วยนอนเสียชีวิตอยู่ในบ้านชุมชนริมทางรถไฟท่าเรือคลองเตย โดยมีลูกที่ป่วยนอนอยู่ข้างๆศพแม่ ล่าสุดยังไม่มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปเก็บศพ มีเพียงอาสาพรรคไทยบสร้างไทยที่ทำหน้าที่ประสานอยู่เท่านั้น
โลกโซเชียลออนไลน์แชร์ภาพสลด อ้างเป็นศพ 2 แม่ลูกนอนเสียชีวิตจากโควิด-19 ภายในชุมชนริมทางรถไฟสายท่าเรือ เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร
ล่าสุด !! ทีมข่าวเนชั่นคุยกับ นายภัชริ นิจสิริภัช (โก้) ทีมอาสาพรรคไทยสร้างไทยที่เข้าไปทำการช่วยเหลือ เล่าว่า ภาพดังกล่าวเกิดขึ้นที่ชุมชนริมทางรถไฟสายท่าเรือ เขตคลองเตยจริง
ขณะนี้ทีมงานประสานผู้เกี่ยวข้องหลายแห่งแล้ว แต่ยังไม่มีใครกล้าหรือว่างมาเก็บกู้ศพ โดยผู้เป็นแม่เสียชีวิตตั้งแต่เที่ยงคืนที่ผ่านมา ส่วนลูกชายยังไม่เสียชีวิต แต่ป่วยไม่สามารถดูแลตัวเองได้ นอนเคียงคู่กับศพแม่อย่างน่าอนาถใจ
ทางทีมอาสา จึงขอเรียกร้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้รีบเข้ามาช่วยเหลือเร่งด่วน เนื่องจากเกรงว่าลูกชายอาจจะติดเชื้อโควิดหรือเป็นอันตรายถึงชีวิตไปด้วยอีกคน
‘ป.ป.ช.’ ฟัน ทุจริตจัดซื้อจีที200 เกือบร้อยคน มีอดีตบิ๊ก ขรก.แต่ปัจจุบันเป็น ส.ว.ด้วย
https://www.matichon.co.th/politics/news_2841475
“ป.ป.ช.” ฟันทุจริตจัดซื้อจีที200 เกือบ 100 คน มีอดีตหัวหน้าส่วนราชการแต่ปัจจุบันเป็น ส.ว.
เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม รายงานข่าวจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคมที่ผ่านมา ที่ประชุม ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิด กรณีการจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิดและสารเสพติด (จีที200) ของหน่วยงานต่างๆ จำนวนทั้งหมด 20 สำนวน มีผู้ถูกชี้มูลความผิดเกือบ 100 คน โดยหน่วยงานที่ถูกชี้มูลความผิด อาทิ กรมสรรพาวุธทหารบก กรมสรรมพาวุธทหารอากาศ กรมศุลกากร สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ จ.ยะลา ภูเก็ต ระนอง เพชรบุรี สมุทรสงคราม นครปฐม ผู้ถูกชี้มูลความผิดส่วนใหญ่เป็นคณะกรรมการจัดซื้อจัดจ้าง และคณะกรรมการตรวจรับมอบงานของแต่ละหน่วยงาน และมีหัวหน้าส่วนราชการบางคนถูกร่วมชี้มูลความผิดด้วย ส่วนใหญ่เป็นความผิดทางวินัย มีทั้งวินัยร้ายแรงและไม่ร้ายแรง กรณีการตรวจรับงานไม่เป็นไปตามระเบียบ ส่วนโทษทางอาญามีเพียงบางส่วน อย่างไรก็ตามผู้ถูกชี้มูลความผิดบางคนมีตำแหน่งเป็นอดีตหัวหน้าส่วนราชการ และปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นส.ว. โดยขณะนี้ ป.ป.ช.กำลังสรุปรายละเอียดทั้งหมด เพื่อแถลงข่าวในเร็วๆ นี้