เพจ warat
มาเลเซีย ก็มีปัญหาโควิดและวัคซีน และดูจะหนักกว่าไทยด้วย ถ้าพิจารณาจากจำนวนยอดผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตต่อประชากร 1 ล้านคน ที่สูงกว่าไทยประมาณ 4-5 เท่า (มาเลเซีย:ไทย ยอดผู้ติดเชื้อต่อประชากร 1 ล้าน = 28,655 : 6,094 ; ยอดผู้เสียชีวิตต่อประชากร 1 ล้าน = 221 : 50) (มาเลเซียประชากรประมาณ 32.8 ล้านคน)
ปัจจุบันมาเลเซีย มีวัคซีน 3 ตัว คือ
1. ไฟเซอร์ สั่งไป 44.8 ล้านโดส ได้มา 4.08 ล้านโดส และจะได้บริจาคอีก 1 ล้านโดสจากอเมริกาเหมือนไทย
2. แอสตราเซเนกา สั่งตรงไป 6.4 ล้านโดส ได้มาแค่ 8.3 แสนโดส สั่งจาก COVAX ไป 1.39 ล้านโดส ได้มา 8.28 แสนโดส และได้บริจาคมา 1 ล้านโดสจากญี่ปุ่นเหมือนไทย
3. ซิโนแวค สั่งไป 12.4 ล้านโดส ได้มา 3.69 ล้านโดส
~รวมแล้ว 11.428 ล้านโดส (รวม 2 ล้านที่จะได้รับบริจาค เพราะไม่ทราบว่าได้หรือยัง)
ส่วนของไทย รวมทั้งหมดได้มาทั้งหมด (รวมซิโนฟาร์มและที่จะได้รับบริจาคอีก 1.5 ล้านโดสปลายเดือนนี้) 27.19 ล้านโดส (ฉีดไปแล้ว 14.54 ล้านโดส)
ซึ่งเมื่อวานนี้ มีข่าวที่น่าสนใจจากมาเลเซีย 2 ข่าว จากสำนักข่าว The Star สื่อของมาเลเซีย
ข่าวแรกคือ ข่าวว่า อธิบดีกรมควบคุมโรคของมาเลเซีย Dr. Noor Hisham โพสต์เฟซบุ๊กบอกว่า ประสิทธิภาพในการป้องกันการป่วยหนักของวัคซีนไฟเซอร์ และซิโนแวค นั้นเท่ากัน โดยอ้างการศึกษาจากที่ต่างๆ
ส่วนข่าวที่สองก็คือ บทความชื่อ Is there really a 'best' Covid-19 vaccine? (มีวัคซีนโควิดที่ดีที่สุดจริงหรือ?) เขียนโดย Dr. Milton Lum ซึ่งเป็นอดีตประธานสมาพันธ์สมาคมแพทย์เอกชน และประธานสมาคมแพทย์แห่งประเทศมาเลเซีย ซึ่งเท่ากับเป็นแพทย์ใหญ่ที่น่าจะได้รับความเคารพเชื่อถือพอสมควรเลยทีเดียว
Dr. Lum เขียนไว้หลายประเด็นในการวิเคราะห์ว่า "วัคซีนโควิดตัวใดดีที่สุด" แต่จริงๆแล้วก็เขียนไว้คล้ายๆกับที่ผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกเคยวิเคราะห์ไว้ คือ
- เปรียบเทียบวัคซีนกันไม่ได้
- ประสิทธิภาพจากการใช้ในโลกจริง ที่แตกต่างพื้นที่กัน
- ประสิทธิภาพต่อไวรัสกลายพันธุ์ ที่ยังไม่ครบถ้วน
แล้วสุดท้าย Dr. Lum ก็สรุปว่า การต้องการวัคซีนที่ดีที่สุด ก็มีเหตุมีผลอยู่ แต่อย่างไรก็ตาม เราก็ต้องประเมินจากสถานการณ์ของวัคซีนที่มีอยู่ในปัจจุบัน และสรุปเหมือนกับผู้เชี่ยวชาญอื่นๆทั่วโลกว่า "วัคซีนที่ดีที่สุด คือวัคซีนที่ได้เข้าไปในตัวของคุณ" ("The best vaccine is the one in your body") เพราะวัคซีนทุกตัวนั้นป้องกันการป่วยหนักและเสียชีวิตได้อย่างดี และวัคซีนทุกตัวไม่ได้ป้องกันการติดเชื้อได้ 100% จึงต้องใช้มาตรการทางสังคม (ใส่แมสก์ อยู่ห่าง ล้างมือ และอื่นๆ)
ต้องยอมรับว่าสถานการณ์บ้านเราตอนนี้ไม่ค่อยจะดี แต่ถ้าหันไปมองเพื่อนบ้าน มองทั่วโลก ก็จะเห็นว่าแทบไม่มีประเทศไหนในโลกนี้ที่ไม่เจอกับวิกฤตอยู่ในขณะนี้ ทั่วโลกกำลังหาทางรับมือกับสถานการณ์ตอนนี้อยู่ทั้งนั้น ซึ่งหนึ่งในทางออกหลักก็คือวัคซีน ไม่ว่าจะเป็นตัวไหนก็ช่วยป้องกันการป่วยหนักและเสียชีวิตได้ทั้งสิ้น จึงควรต้องเป็นเป้าหมายหลักที่ทุกคนช่วยกัน ไม่ใช่การด้อยค่า สร้างความกลัววัคซีนตัวใดตัวหนึ่ง ทั้งสื่อและพวกเราทุกคน
@@@@ กระจายวัคซีนเร็วๆ @@@
มาเลเซีย ก็มีปัญหาโควิดและวัคซีน และดูจะหนักกว่าไทยด้วย ถ้าพิจารณาจากจำนวนยอดผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตต่อประชากร 1 ล้านคน ที่สูงกว่าไทยประมาณ 4-5 เท่า (มาเลเซีย:ไทย ยอดผู้ติดเชื้อต่อประชากร 1 ล้าน = 28,655 : 6,094 ; ยอดผู้เสียชีวิตต่อประชากร 1 ล้าน = 221 : 50) (มาเลเซียประชากรประมาณ 32.8 ล้านคน)
ปัจจุบันมาเลเซีย มีวัคซีน 3 ตัว คือ
1. ไฟเซอร์ สั่งไป 44.8 ล้านโดส ได้มา 4.08 ล้านโดส และจะได้บริจาคอีก 1 ล้านโดสจากอเมริกาเหมือนไทย
2. แอสตราเซเนกา สั่งตรงไป 6.4 ล้านโดส ได้มาแค่ 8.3 แสนโดส สั่งจาก COVAX ไป 1.39 ล้านโดส ได้มา 8.28 แสนโดส และได้บริจาคมา 1 ล้านโดสจากญี่ปุ่นเหมือนไทย
3. ซิโนแวค สั่งไป 12.4 ล้านโดส ได้มา 3.69 ล้านโดส
~รวมแล้ว 11.428 ล้านโดส (รวม 2 ล้านที่จะได้รับบริจาค เพราะไม่ทราบว่าได้หรือยัง)
ส่วนของไทย รวมทั้งหมดได้มาทั้งหมด (รวมซิโนฟาร์มและที่จะได้รับบริจาคอีก 1.5 ล้านโดสปลายเดือนนี้) 27.19 ล้านโดส (ฉีดไปแล้ว 14.54 ล้านโดส)
ซึ่งเมื่อวานนี้ มีข่าวที่น่าสนใจจากมาเลเซีย 2 ข่าว จากสำนักข่าว The Star สื่อของมาเลเซีย
ข่าวแรกคือ ข่าวว่า อธิบดีกรมควบคุมโรคของมาเลเซีย Dr. Noor Hisham โพสต์เฟซบุ๊กบอกว่า ประสิทธิภาพในการป้องกันการป่วยหนักของวัคซีนไฟเซอร์ และซิโนแวค นั้นเท่ากัน โดยอ้างการศึกษาจากที่ต่างๆ
ส่วนข่าวที่สองก็คือ บทความชื่อ Is there really a 'best' Covid-19 vaccine? (มีวัคซีนโควิดที่ดีที่สุดจริงหรือ?) เขียนโดย Dr. Milton Lum ซึ่งเป็นอดีตประธานสมาพันธ์สมาคมแพทย์เอกชน และประธานสมาคมแพทย์แห่งประเทศมาเลเซีย ซึ่งเท่ากับเป็นแพทย์ใหญ่ที่น่าจะได้รับความเคารพเชื่อถือพอสมควรเลยทีเดียว
Dr. Lum เขียนไว้หลายประเด็นในการวิเคราะห์ว่า "วัคซีนโควิดตัวใดดีที่สุด" แต่จริงๆแล้วก็เขียนไว้คล้ายๆกับที่ผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกเคยวิเคราะห์ไว้ คือ
- เปรียบเทียบวัคซีนกันไม่ได้
- ประสิทธิภาพจากการใช้ในโลกจริง ที่แตกต่างพื้นที่กัน
- ประสิทธิภาพต่อไวรัสกลายพันธุ์ ที่ยังไม่ครบถ้วน
แล้วสุดท้าย Dr. Lum ก็สรุปว่า การต้องการวัคซีนที่ดีที่สุด ก็มีเหตุมีผลอยู่ แต่อย่างไรก็ตาม เราก็ต้องประเมินจากสถานการณ์ของวัคซีนที่มีอยู่ในปัจจุบัน และสรุปเหมือนกับผู้เชี่ยวชาญอื่นๆทั่วโลกว่า "วัคซีนที่ดีที่สุด คือวัคซีนที่ได้เข้าไปในตัวของคุณ" ("The best vaccine is the one in your body") เพราะวัคซีนทุกตัวนั้นป้องกันการป่วยหนักและเสียชีวิตได้อย่างดี และวัคซีนทุกตัวไม่ได้ป้องกันการติดเชื้อได้ 100% จึงต้องใช้มาตรการทางสังคม (ใส่แมสก์ อยู่ห่าง ล้างมือ และอื่นๆ)
ต้องยอมรับว่าสถานการณ์บ้านเราตอนนี้ไม่ค่อยจะดี แต่ถ้าหันไปมองเพื่อนบ้าน มองทั่วโลก ก็จะเห็นว่าแทบไม่มีประเทศไหนในโลกนี้ที่ไม่เจอกับวิกฤตอยู่ในขณะนี้ ทั่วโลกกำลังหาทางรับมือกับสถานการณ์ตอนนี้อยู่ทั้งนั้น ซึ่งหนึ่งในทางออกหลักก็คือวัคซีน ไม่ว่าจะเป็นตัวไหนก็ช่วยป้องกันการป่วยหนักและเสียชีวิตได้ทั้งสิ้น จึงควรต้องเป็นเป้าหมายหลักที่ทุกคนช่วยกัน ไม่ใช่การด้อยค่า สร้างความกลัววัคซีนตัวใดตัวหนึ่ง ทั้งสื่อและพวกเราทุกคน