สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 4
ต้องมองในมุมธนาคารก่อนครับ
เวลาที่ธนาคารให้ลูกค้ากู้เงิน สิ่งที่ธนาคารอยากได้กลับคืนมีเพียงอย่างเดียว คือ "เงินต้น + ดอกเบี้ย"
เพราะเงินที่ธนาคารปล่อยกู้ เป็นเงินที่ระดมมาจากประชาชนผ่านการให้ออมเงินและมีภาระต้องจ่ายดอกเบี้ยเงินออม
ถ้าหากบอกว่า การกู้นั้นมีหลักประกัน เช่น บุคคลหรือสถาบันค้ำประกันให้, ใช้หลักทรัพย์หรืออสังหาริมทรัพย์เป็นหลักประกัน ไม่เห็นต้องทำประกันเพิ่มเลย มีปัญหาก็ไปเอาเงินจากหลักประกันสิ
ต้องไม่ลืมว่า การที่ธนาคารจะได้เงินจากหลักประกันไม่ใช่เรื่องง่ายครับ ส่วนใหญ่ต้องฟ้องร้องกันยาวนานกว่าจะได้เงินจากคนค้ำประกัน หลักทรัพย์ก็อาจต้องขายทอดตลาด หลายครั้งก็มีปัญหาจนไม่สามารถขายได้ หลักทรัพย์เสื่อมราคาไม่คุ้มมูลหนี้ ฯลฯ
การลดความเสี่ยงจากการปล่อยกู้ในปัจจุบัน กรณีที่ผู้กู้เสียชีวิต ธนาคารจึงเลือกการ "ทำประกันภัยคุ้มครองลูกหนี้" ครับ เพราะได้เงินง่ายกว่า คุ้มมูลหนี้ ไม่ค่อยมีปัญหาตามหลัง
ถ้า จขกท. จะกู้เงินแต่ไม่ทำประกันภัย ก็ต้องพิจารณาว่าจะลดความเสี่ยงให้ธนาคารในกรณีนี้ได้อย่างไร
หรือถ้าดึงดันจะไม่ทำ แล้วธนาคารมองว่ามีความเสี่ยงสูงเกินไปจนไม่พิจารณาอนุมัติ อันนี้ก็เป็นสิทธิ์ของธนาคาร
วิธีแก้ปัญหาเบื้องต้น ก็ตามที่หลายท่านเสนอ คือ คุยกับธนาคารอื่นที่เค้าอาจจะรับความเสี่ยงได้มากกว่าครับ
😌
เวลาที่ธนาคารให้ลูกค้ากู้เงิน สิ่งที่ธนาคารอยากได้กลับคืนมีเพียงอย่างเดียว คือ "เงินต้น + ดอกเบี้ย"
เพราะเงินที่ธนาคารปล่อยกู้ เป็นเงินที่ระดมมาจากประชาชนผ่านการให้ออมเงินและมีภาระต้องจ่ายดอกเบี้ยเงินออม
ถ้าหากบอกว่า การกู้นั้นมีหลักประกัน เช่น บุคคลหรือสถาบันค้ำประกันให้, ใช้หลักทรัพย์หรืออสังหาริมทรัพย์เป็นหลักประกัน ไม่เห็นต้องทำประกันเพิ่มเลย มีปัญหาก็ไปเอาเงินจากหลักประกันสิ
ต้องไม่ลืมว่า การที่ธนาคารจะได้เงินจากหลักประกันไม่ใช่เรื่องง่ายครับ ส่วนใหญ่ต้องฟ้องร้องกันยาวนานกว่าจะได้เงินจากคนค้ำประกัน หลักทรัพย์ก็อาจต้องขายทอดตลาด หลายครั้งก็มีปัญหาจนไม่สามารถขายได้ หลักทรัพย์เสื่อมราคาไม่คุ้มมูลหนี้ ฯลฯ
การลดความเสี่ยงจากการปล่อยกู้ในปัจจุบัน กรณีที่ผู้กู้เสียชีวิต ธนาคารจึงเลือกการ "ทำประกันภัยคุ้มครองลูกหนี้" ครับ เพราะได้เงินง่ายกว่า คุ้มมูลหนี้ ไม่ค่อยมีปัญหาตามหลัง
ถ้า จขกท. จะกู้เงินแต่ไม่ทำประกันภัย ก็ต้องพิจารณาว่าจะลดความเสี่ยงให้ธนาคารในกรณีนี้ได้อย่างไร
หรือถ้าดึงดันจะไม่ทำ แล้วธนาคารมองว่ามีความเสี่ยงสูงเกินไปจนไม่พิจารณาอนุมัติ อันนี้ก็เป็นสิทธิ์ของธนาคาร
วิธีแก้ปัญหาเบื้องต้น ก็ตามที่หลายท่านเสนอ คือ คุยกับธนาคารอื่นที่เค้าอาจจะรับความเสี่ยงได้มากกว่าครับ
😌
libra-cat ถูกใจ, Nepatak ถูกใจ, jimkong ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 2992959 ถูกใจ, อิ อิ อิ ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 4852604 ถูกใจ, แฟนสวย ถูกใจ, ลูกป๋าโย ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 3424205 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1333907 ถูกใจรวมถึงอีก 3 คน ร่วมแสดงความรู้สึก
ความคิดเห็นที่ 5
มีอีกหลายธนาคารที่ไม่บังคับค่ะ
เมื่อก่อนเราก็เลือกที่ไม่บังคับ และให้ดอกเบี้ยต่ำสุดเท่าที่มีตัวเลือก
แต่การรีไฟแนนท์รอบนี้ (ซึ่งหวังว่าเป็นรอบสุดท้ายของเรา)
ธนาคารสีเหลืองให้ดอกเบี้ยต่ำสุด แต่ให้ทำประกันชีวิตแบบปิดบ้านทั้งหมดในกรณีที่เราเสียชีวิตด้วย
คราวนี้เราทำค่ะ เห็นตัวอย่างจากญาติอายุแค่สามสิบต้นๆ
เมื่อสามปีก่อน ซื้อบ้านราคา 12 ล้าน ดาวน์ไป 3 ล้าน เหลือผ่อนอีก 9 ล้าน
ผ่อนไปได้ไม่ถึงสิบงวด อุบัติเหตุเสียชีวิต ประกันปิดหนี้บ้าน ทำธุรกรรมส่งต่อให้ทายาทเรียบร้อย
เราเห็นตัวอย่างแบบนี้ชัดเจนมาก รอบนี้เลยซื้อประกัน แต่ต่อรองกับตัวแทนธนาคาร(ซึ่งก็คือโบรกเกอร์นั่นแหละ)
อะไรที่ไม่จำเป็น ประกันสุขภาพ ถ้ามีอยู่แล้ว ก็ให้ตัดทิ้ง ให้เหลือแค่การประกันชีวิตจริงๆอย่างเดียว
แต่ถ้าคุณไม่มีประกันชีวิต ก็ลองดูความคุ้งด้วยก็ได้ค่ะ ที่เรานั่งอ่านก็ไม่แย่เลย
มันถือเป็นการคุ้มครองเราและธนาคารอย่างหนึ่งที่ดีทีเดียวค่ะ
เมื่อก่อนเราก็เลือกที่ไม่บังคับ และให้ดอกเบี้ยต่ำสุดเท่าที่มีตัวเลือก
แต่การรีไฟแนนท์รอบนี้ (ซึ่งหวังว่าเป็นรอบสุดท้ายของเรา)
ธนาคารสีเหลืองให้ดอกเบี้ยต่ำสุด แต่ให้ทำประกันชีวิตแบบปิดบ้านทั้งหมดในกรณีที่เราเสียชีวิตด้วย
คราวนี้เราทำค่ะ เห็นตัวอย่างจากญาติอายุแค่สามสิบต้นๆ
เมื่อสามปีก่อน ซื้อบ้านราคา 12 ล้าน ดาวน์ไป 3 ล้าน เหลือผ่อนอีก 9 ล้าน
ผ่อนไปได้ไม่ถึงสิบงวด อุบัติเหตุเสียชีวิต ประกันปิดหนี้บ้าน ทำธุรกรรมส่งต่อให้ทายาทเรียบร้อย
เราเห็นตัวอย่างแบบนี้ชัดเจนมาก รอบนี้เลยซื้อประกัน แต่ต่อรองกับตัวแทนธนาคาร(ซึ่งก็คือโบรกเกอร์นั่นแหละ)
อะไรที่ไม่จำเป็น ประกันสุขภาพ ถ้ามีอยู่แล้ว ก็ให้ตัดทิ้ง ให้เหลือแค่การประกันชีวิตจริงๆอย่างเดียว
แต่ถ้าคุณไม่มีประกันชีวิต ก็ลองดูความคุ้งด้วยก็ได้ค่ะ ที่เรานั่งอ่านก็ไม่แย่เลย
มันถือเป็นการคุ้มครองเราและธนาคารอย่างหนึ่งที่ดีทีเดียวค่ะ
แสดงความคิดเห็น
กู้เงินแต่เจ้าหน้าที่ธนาคารบังคับให้ทำประกันชีวิตคุ้มครองเท่าวงเงินกู้ หากไม่ทำจะกู้เงินไม่ผ่าน มีแบบนี้ด้วยเหรอคะ
เราสงสัยว่ามีบังคับให้ทำประกันแบบนี้จริงมั้ย แล้วธนาคารอื่นเป็นมั้ย หรือเจ้าหน้าที่ดูแลเห็นว่ายอดเงินบัญชีเข้าเดือนนึงเยอะ เลยจะบังคับให้ทำประกันเพราะคิดว่าเราคงจ่ายได้??
เรามีประกันชีวิตหลายตัวแล้ว และไม่อยากทำเพิ่มอีก ถึงแม้ว่าจะจ่ายแค่ 5ปี แต่กว่าจะเวรคืนกรมธรรม์ได้ก็อีก20ปีเลยกว่าจะคุ้มทุน
ตอนนี้กำลังตัดสินใจว่าจะกู้ดีมั้ยถ้าต้องพ่วงประกันชีวิตอีก เราต้องการกู้เพื่อสำรองใช้และลงทุนใหม่ในธุรกิจช่วงโควิดนี้ แต่ถ้าไม่กู้ก็แค่ยังไม่พร้อมที่จะต่อยอดธุรกิจใหม่เท่านั้นเอง ( ธุรกิจที่จะทำใหม่ ได้วิเคราะห์และพิจารณาแล้วค่ะว่าจะเหมาะสำหรับช่วงโควิดเลยตัดสินใจจะทำ)
ขอความเห็นเรื่องกู้เงินพ่วงทำประกันหน่อยค่ะ
ส่วนเรื่องธุรกิจ ขอบคุณหากมีคนเป็นห่วงและหวังดีแนะนำว่าอย่าเพิ่งลงทุน ขอแจ้งว่าธุรกิจเราได้รับผลกระทบแต่ไม่มากเท่าธุรกิจอื่น แต่หากสามารถต่อยอดช่วงโควิดนี้ได้ก็จะดี และคู้แข่งน้อย ทำให้มีโอกาสทางธุรกิจมากขึ้นไปอีกค่ะ ขอบคุณค่ะ