ทำยังไงให้พ่อแม่เลิกถามเรื่องเงินเดือนเพราะท่านชอบเจ้ากี้เจ้าการเงินของเรา

เรื่องมีอยู่ว่าเราเป็นมนุษย์เงินเดือนสายเดปคนนึงค่ะ
เรียนจบจากมหาลัยมีชื่อและเริ่มทำงานเมื่อสองปีก่อนโดยที่ทำงานที่แรกเป็นบริษัทต่างชาติทำให้รายได้ค่อนข้างดี
ตอนนั้นเรายังเด็กค่ะเราก็เล่าให้พ่อแม่ฟังว่าเราได้เงินเริ่มต้นที่35K
แต่บ้านเราไม่ได้มีภาระอะไรค่ะ บ้านไม่ต้องเช่าไม่ต้องผ่อน และรถก็ไม่ต้องซื้อด้วย เราเลยให้เงินคุณพ่อกับคุณแม่เดือนละ3K
แต่ในส่วนอื่นๆเราก็ไม่ได้ขอท่านเพิ่มนะคะ พอได้รับเงินเดือนเดือนแรกเราก็ออกค่าใช้จ่ายในบ้านที่เป็นพวกค่าน้ำค่าไฟค่าอินเตอร์เน็ตหมดเพราะเห็นว่าเหมือนเรากำลังอยู่บ้านของพวกท่าน
ตัวคุณพ่อคุณแม่ยังมีรายได้ค่ะ คุณแม่เป็นข้าราชการระดับสูงแล้วเงินค่อนข้างดีไม่มีปัญหาอะไร
ติดก็แต่ญาติรอบๆข้างคุณพ่อคุณแม่น่ะค่ะ
คุณแม่มีหลานชายคนนึงเป็นลูกชายของน้องชายแกที่เสียไปตั้งแต่เด็ก ว่าง่ายๆคือเป็นลูกพี่ลูกน้องเราที่มีลูกแล้วตั้งแต่สมัยเราเรียนมัธยมทั้งหมดสี่คน
ส่วนคุณพ่อมีน้องสาวที่ไม่ได้อ่าวอีกคนนึงค่ะแต่พี่น้องของคุณพ่อคนอื่นๆก็ลงหลักปักฐานกันหมดแล้ว
ทีนี้เรื่องก็เกิดจากพวกๆคนนอกนี่แหละค่ะ
คนพวกนั้นพอคุณพ่อคุณแม่เราอายุมากเขาก็เริ่มหันมาหยิบยืมพึ่งพา
รวมถึงพอเราเริ่มทำงานสักพักและมีลู่ทางขยับขยายเพื่อเพิ่มเงินเดือนเราก็ได้เงินขึ้นเรื่อยๆจนตอนนี้ได้รับเงินเดือนอยู่ที่60Kและเราตั้งใจว่าจะให้ที่บ้านมากขึ้น
แต่มันก็ดันมาสะดุดที่คุณแม่มาพูดกับเราว่าอยากให้ช่วยส่งเสียหลานที่เป็นลูกของลูกพี่น้องด้วยถึงอย่างไรก็สายเลือดเดียวกัน
ตอนนั้นเราชอคเลยค่ะ ออกตัวนิดนึงแม่เราเป็นคนธรรมะธรรมโมและจิตใจดีมากๆๆๅๆ เป็นพวกเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ส่วนพ่อเป็นคนจีนเอาพี่เอาน้องมากๆๆเช่นกัน แต่ตัวเราไม่เลยค่ะ และไม่คิดจะเป็นด้วย เรามีพี่ชายคนนึงและเรากับพี่รักและสนิทกันดีในทุกแผนของชีวิตเราก็มีพี่ชายเราและเขาก็มีเราพวกเราคิดว่าจะพึ่งพากันไปเรื่อยๆแต่เราไม่ได้อยากเอาญาติคนอื่นค่ะ
ทีนี้แม่เรากะพ่อก็มาละ แกเอาเงินเดือนเรามาพูดว่าอายุเท่านี้ได้ตั้งเท่านี้ทำไมไม่คิดจะเผื่อแผ่คนอื่นบ้างเรานี่ชอคเลยค่ะ
เห้ยตอนสอบเข้ามหาลัย ตอนเขียนโค้ดตอนสัมภาษณ์งานเราก็ทำทุกอย่างด้วยตัวเราเองหมดเลยนะ ไอ้คนอื่นที่ว่ามันอยู่ตรงไหนในสมการอะทำไมเราต้องช่วยมันด้วยเราไม่เข้าใจ
ยิ่งพ่อมาเสริมว่าอยากให้ส่งเงินให้อาอีกเดือนละสองพันอย่างน้อยเขาก็เคยดูแลเราตอนเด็กๆเรายิ่งไม่พอใจค่ะแต่พ่อกลับบอกว่ามันเป็นการตอบแทนบุญคุณเรานี่ยิ่งหงุดหงิดเลยเพราะเขาไม่ได้เลี้ยงเราค่ะเราเจอเขาน้อยมากๆๆๆ
แต่เราอยากตอบแทนพ่อแม่นะคะ ให้เราให้เงินพ่อแม่มากกว่านี้เราก็ให้ได้ค่ะ ให้ชีวิตก็ให้ได้ แต่มาให้ให้คนอื่นเนี่ยเราทำใจไม่ได้ค่ะ
ทำยังไงไม่ให้พ่อแม่รู้เงินเดือนต่อไปของเราดีคะเราไม่อยากให้ค่ะเราไม่ได้อยากแบ่งปันใครค่ะ แล้วเราก็ไม่ได้อยากพึ่งพาใครนอกจากพี่ชายของเราแล้วก็ไม่อยากให้ใครมาพึ่งพาเรานอกจากพี่ชายของเราด้วย
รบกวนขอคำปรึกษาทีค่ะ เครียดมาก ไม่อยากทะเลาะกะที่บ้าน แต่เราไม่ชอบมายเซทนี้ค่ะ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 10
ไม่เข้าใจคำแนะนำที่ให้โกหก หลีกเลี่ยงการตอบคำถาม หรือใช้เทคนิคปิดบังเพื่อจะได้ไม่ต้องตอบ
ไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้นครับ เพราะไม่อย่างนั้นคุณก็ต้องคอยโกหก หรือใช้มารยาอยู่ร่ำไป

คุณไม่อยากบอก คุณก็ไม่จำเป็นต้องบอก
แต่ผมกลับสนับสนุนให้บอก ไม่เห็นจะต้องปิดบังอะไร หากเราไม่ปิดบัง เขาก็ไม่ต้องคอยมาถาม

ประเด็นสำคัญอยู่ตรงที่พ่อแม่คุณ จะขอให้คุณเอาเงินไปคอยช่วยเหลือญาติพี่น้องนั่นแหละ ว่าควรทำหรือไม่
เพราะผมเห็นพ้องกับคุณว่า คุณไม่มีความจำเป็นจะต้องเหนื่อยกับการทำงานหาเงิน
แล้วเอาเงินไปให้กับคนที่ไม่ต้องทำงาน ไม่ต้องเหนื่อย แล้วมารอเงินจากคุณ

คุณสามารถบอกพ่อแม่ไปตามตรงว่าคุณไม่เห็นด้วย และจะไม่ให้
เพราะคุณก็แสดงเจตนารมณ์อยู่แล้วว่า สำหรับพ่อแม่คุณยินดีให้เงินเลี้ยงดูพ่อแม่อย่างไม่รอรี ไม่ใช่สำหรับคนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง
การใช้เงินของคุณย่อมประกอบด้วยเหตุผล ซึ่งท่านทั้งสองน่าจะเข้าใจ
ความคิดเห็นที่ 7
เล่นใหญ่ โวยวาย ร้องไห้   ว่าบริษัทกำลังทยอยปลดพนักงานออก  ตัวเองก็อาจจะโดน  บริษัทให้เลือกว่าจะลดเงินเดือน 30% หรือ ให้เงินชดเชยแล้วลาออก

ที่ผ่านมาไม่ได้บอกพ่อแม่  เพราะไม่อยากให้พ่อแม่กลุ้มใจ  แต่ตอนนี้ถึงเวลาที่ต้องบอกความจริงแล้ว

บอกว่าเราก็ต้องเก็ยเงินไว้ใช้ในอนาคต  เกิดไม่ได้แต่งงาน  ตอนแก่ หรือตกงานใครจะเลี้ยง

ลูกใคร ก็คนนั้นเลี้ยงเอง อาจจะมีเมตตาช่วยค่าเทอมบ้าง แต่ไม่ได้ต้องจ่ายทั้งหมด  (เลี้ยงลูกไม่ไหวแต่ดันมีลูก 4 คน)
ความคิดเห็นที่ 3
เอางี้ บอกไปว่าผลกระทบโควิด โดนลดเงินเดือน 50% คงส่งเสียใครไม่ได้ พอพ่อแม่ถามก็บอกว่าเท่าเดิม ๆ แล้วก็ทำฟึดฟัด ถามปุ๊บก็ฟึดฟัด เหวี่ยงเยอะ ๆ ทีหลังจะได้ไม่ต้องถาม อ่อ ถ้าจะให้ดียืมเงินพ่อแม่บ้างเป็นครั้งคราว มันเป็นกลยุทธ์
อาไม่ใช่เด็ก 3 ขวบที่คุณต้องซัพพอร์ท โต ๆ กันแล้ว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่