บทความนี้เป็นการแปลงานตีพิมพ์ในวารสาร The New England Journal of Medicine วันที่ 14 กรกฎาคม 2021 (ความรู้ใหม่ๆ อาจจะอัพเดทหรือเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคต) ซึ่งเป็น 1 ในวารสารทางวิชาการทางการแพทย์ระดับ Top ๆ ของโลกตีพิมพ์งานวิจัยจากทีมแพทย์และนักวิทยาศาสตร์จากประเทศสวีเดน ออกมารายงานผลการทดลองทางคลินิกว่า..
จากการเก็บข้อมูล บุคลากรทางการแพทย์ 88 คน ซึ่งได้รับวัคซีน ChAdOx1 nCoV-19 (อ็อกฟอร์ด-แอสตร้าเซนเนก้า) เป็นเข็มที่ 1 แล้วหลังจากนั้น 9-12 อาทิตย์ ได้รับวัคซีนเข็มบูส (เข็มที่2) และจะเก็บข้อมูลภูมิคุ้มกัน 3 ครั้งคือ
1. ในวันที่ฉีดเข็มที่ 2
2. 7-10 วันหลังจากฉีดเข็มที่ 2
3. 30 วันหลังจากฉีดเข็มที่ 2
โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่มการเก็บข้อมูล คือ
กลุ่ม A ได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 เป็น แอสตร้าเซนเนก้า จำนวน 37 คน โดยกลุ่มนี้มีอายุตั้งแต่ 28 ถึง 62 ปี (ค่ากลางมัธยฐาน 46 ปี)
กลุ่ม B ได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 เป็น mRNA-1273 (Moderna) โมเดอร์น่า จำนวน 51 คน โดยกลุ่มนี้มีอายุตั้งแต่ 23 ถึง 59 ปี (ค่ากลางมัธยฐาน 40 ปี)
โดยจากการเก็บข้อมูลแล้วพบว่า ณ วันที่ฉีดเข็มที่ 2 นั้น ระดับภูมิคุ้มกันของกลุ่ม A และ B นั้นมีระดับใกล้เคียงกัน แต่หลังจากนั้น จะมีความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด.....
· หลังจากฉีดเข็มที่ 2 ระยะเวลา 7-10 วัน กลุ่ม A นั้นมีภูมิ ฯ (S-specific IgG) ขึ้นมาประมาณ 5.22 เท่า ภูมิ ฯ (RGB-specific IgG) ขึ้นมาประมาณ 4.83 เท่า วัดจากวันที่ฉีดเข็มที่ 2 ในขณะที่ กลุ่ม B นั้นภูมิ ฯ (S-specific IgG) เพิ่มขึ้นถึง 115 เท่า ภูมิ ฯ (RGB-specific IgG) ขึ้นมาประมาณ 127 เท่า
· หลังจากฉีดเข็มที่ 2 ระยะเวลา 30 วัน กลุ่ม A นั้นมีภูมิ ฯ (S-specific IgG) ขึ้นมาประมาณ 8.9 เท่าจากวันที่ฉีดเข็มที่ 2 ในขณะที่ กลุ่ม B นั้นภูมิ ฯ (RGB-specific IgG) เพิ่มขึ้นถึง 94 เท่า
นอกจากนี้ ทีมวิจัยยังค้นพบอีกว่า การกระตุ้นด้วย mRNA หลังจากฉีดแอสตร้าเซนเนก้านั้น มีส่วนช่วยในการเพิ่มความสามารถในการต่อต้านไวรัสสายพันธุ์ B.1.351 หรือ สายพันธุ์เบต้า ได้ด้วยจาก ภาพ B.
ดังนั้นจากข้อมูลสามารถสรุปได้ว่า หากฉีดเข็มที่ 1 เป็น ChAdOx1 nCoV-19 (แอสตร้าเซนเนก้า) แล้ว เข็มที่ 2 ที่เป็นเข็มกระตุ้นนั้นเป็น mRNA-1273 (โมเดอร์น่า) นั้นมีประสิทธิภาพในการกระตุ้นภูมิ ฯ ได้มากกว่าแอสตร้าเซนเนก้า และ การที่ฉีดโมเดอร์น่าเป็นเข็ม2นี้ จะเพิ่มความสามารถในการต่อต้านไวรัสสายพันธุ์เบต้าได้ดี รวมไปถึงการพิจารณาเป็นเข็มที่ 3 ในการกระตุ้นภูมิจากผู้ที่ได้รับแอสตร้าเซนเนก้ามาแล้ว 2 เข็มด้วย
อ้างอิง :
https://www.nejm.org/doi/full/10.1056/NEJMc2110716?fbclid=IwAR1ymoQyXN0lhSiAWTxDjvejoPKG7AC50ztSD2VtKQ5ot4aoj9oCQan_VRE
รายชื่อทีมแพทย์และนักวิจัย
วารสารวิชาการ The New England Journal of Medicine รายงาน..ฉีด AZ->Moderna นั้นกระตุ้นภูมิได้ดีกว่า AZ->AZ อย่างมีนัยยะ!
จากการเก็บข้อมูล บุคลากรทางการแพทย์ 88 คน ซึ่งได้รับวัคซีน ChAdOx1 nCoV-19 (อ็อกฟอร์ด-แอสตร้าเซนเนก้า) เป็นเข็มที่ 1 แล้วหลังจากนั้น 9-12 อาทิตย์ ได้รับวัคซีนเข็มบูส (เข็มที่2) และจะเก็บข้อมูลภูมิคุ้มกัน 3 ครั้งคือ
1. ในวันที่ฉีดเข็มที่ 2
2. 7-10 วันหลังจากฉีดเข็มที่ 2
3. 30 วันหลังจากฉีดเข็มที่ 2
โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่มการเก็บข้อมูล คือ
กลุ่ม A ได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 เป็น แอสตร้าเซนเนก้า จำนวน 37 คน โดยกลุ่มนี้มีอายุตั้งแต่ 28 ถึง 62 ปี (ค่ากลางมัธยฐาน 46 ปี)
กลุ่ม B ได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 เป็น mRNA-1273 (Moderna) โมเดอร์น่า จำนวน 51 คน โดยกลุ่มนี้มีอายุตั้งแต่ 23 ถึง 59 ปี (ค่ากลางมัธยฐาน 40 ปี)
โดยจากการเก็บข้อมูลแล้วพบว่า ณ วันที่ฉีดเข็มที่ 2 นั้น ระดับภูมิคุ้มกันของกลุ่ม A และ B นั้นมีระดับใกล้เคียงกัน แต่หลังจากนั้น จะมีความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด.....
· หลังจากฉีดเข็มที่ 2 ระยะเวลา 30 วัน กลุ่ม A นั้นมีภูมิ ฯ (S-specific IgG) ขึ้นมาประมาณ 8.9 เท่าจากวันที่ฉีดเข็มที่ 2 ในขณะที่ กลุ่ม B นั้นภูมิ ฯ (RGB-specific IgG) เพิ่มขึ้นถึง 94 เท่า
อ้างอิง : https://www.nejm.org/doi/full/10.1056/NEJMc2110716?fbclid=IwAR1ymoQyXN0lhSiAWTxDjvejoPKG7AC50ztSD2VtKQ5ot4aoj9oCQan_VRE
รายชื่อทีมแพทย์และนักวิจัย