Emmy ปีนี้ ถือว่าค่อนข้างเงียบเหงา มีซีรีส์ส่งเข้าประกวดน้อยลงจากปีก่อนๆ อย่างเห็นได้ชัด เพราะหลายเรื่องต้องเลื่อนการถ่ายทำเนื่องจากการระบาดของ COVID-19
โดยซีรีส์ที่มาแรงที่สุด ก็มาจากฝั่ง Drama Series ทั้งสองเรื่อง นั่นก็คือ The Crown และ The Mandalorian ที่ต่างก็เข้าชิงกันเรื่องละ 24 รางวัล
โดยเฉพาะ The Crown ซีซั่น 4 ที่พีคสุดๆ และเป็นเต็งหนึ่งที่จะคว้ารางวัลใหญ่สุดในฝั่ง Drama เพราะเดินสายกวาดรางวัลใหญ่ๆ จากทั้งเวที Critics Choice, Golden Globe และ SAG Awards มาได้หมด และมีนักแสดงที่ได้เข้าชิงจากซีซั่นนี้ทั้งหมด 9 คน รวมถึงอดีตผู้ชนะ Emmy อย่าง Claire Foy ที่กลับมารับเชิญกับบท Queen Elizabeth II ในช่วงวัยสาว
ส่วน The Handmaid’s Tale หลังจากที่ปีที่แล้วมีนักแสดงเข้าชิงเพียง 3 คน ปีนี้ได้ comeback ครั้งยิ่งใหญ่กับนักแสดงที่พาเหรดกันเข้าชิงมากถึง 10 คน และเข้าชิงทั้งหมดรวม 21 รางวัล
ในขณะที่ Mj Rodriguez จากเรื่อง Pose ก็สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเป็นหญิงข้ามเพศคนแรกที่ได้เข้าชิง Emmy ในสาขานักแสดงนำ หลังจากที่ Laverne Cox เคยได้เข้าชิงมาก่อนแล้ว 4 ครั้งในสาขานักแสดงรับเชิญจาก Orange is the New Black และ Rain Valdez ได้เข้าชิงในสาขา Short Form เมื่อปีที่แล้ว
ในฝั่ง Comedy ซีรีส์เรื่อง Ted Lasso ก็สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเป็น Comedy Series ที่ได้เข้าชิงมากที่สุดจากผลงานในซีซั่นแรก โดยได้เข้าชิงมากถึง 20 รางวัล ทำลายสถิติที่ Glee ซีซั่นแรกเคยทำไว้ที่ 19 รางวัลเมื่อปี 2010
ซีรีส์อีก 2 เรื่องในฝั่ง Comedy ที่มาแรง ก็เป็นซีรีส์หน้าใหม่เช่นเดียวกัน และมาจาก HBO Max ทั้งคู่ นั่นก็คือเรื่อง Hacks ที่ได้เข้าชิง 15 รางวัล และ The Flight Attendant ที่ได้เข้าชิง 9 รางวัล
ในฝั่ง Limited Series/TV Movie ซีรีส์ในจักรวาล Marvel อย่าง WandaVision ก็ได้เข้าชิงมากสุดถึง 23 รางวัล
ส่วนซีรีส์ฮิตกระแสดีอีก 2 เรื่องอย่าง The Queen's Gambit และ Mare Of Easttown ก็ไม่น้อยหน้า เพราะได้เข้าชิง 18 รางวัลและ 16 รางวัลตามลำดับ
ส่วนเรื่องที่มาแรงเกินคาด ก็คือบันทึกการแสดงสด Broadway musical ชื่อดังอย่าง Hamilton โดย original cast ที่เคยได้เข้าชิง/ชนะรางวัล Tony ตั้งแต่ตอนแสดงสดที่ Broadway ก็ได้เข้าชิง Emmy จากการแสดงเดียวกันเกือบยกทีม ขาดก็แต่ Christopher Jackson ที่อดเข้าชิง Emmy แต่ก็ได้ Anthony Ramos ซึ่งพลาดเข้าชิง Tony ในตอนนั้น มาเข้าชิง Emmy แทน
และเรื่องที่ทำผลงานได้ไม่ดีเลยก็คือ ซีรีส์ขวัญใจนักวิจารณ์ 2 เรื่องอย่าง Small Axe และ The Underground Railroad
John Boyega จาก Small Axe ที่เป็นตัวเต็งสาขาสมทบชายหลังจากชนะ Critics Choice และ Golden Globe ก็อดเข้าชิง Emmy โดย Small Axe ได้เข้าชิงสาขากำกับภาพเพียงสาขาเดียว
ในขณะที่ The Underground Railroad แม้จะได้เข้าชิง Limited Series ยอดเยี่ยมและสาขาผู้กำกับโดย Barry Jenkins ตามคาด แต่กลับไม่มีนักแสดงจากเรื่องนี้ที่ได้เข้าชิงซักคน
Ethan Hawkes ที่เป็นเต็งหนึ่งสาขานำชาย ก็หลุดเข้าชิง แต่ซีรีส์เรื่อง The Good Lord Bird ก็ไม่ได้รับการคาดหวังว่าจะมาแรงอยู่แล้ว
และนักแสดงจากเรื่อง The Undoing ที่ผ่านเข้าชิงเพียงคนเดียวก็คือ Hugh Grant ในสาขานำชาย ปล่อยให้ Nicole Kidman และ Donald Sutherland หลุดเข้าชิง
73rd Primetime Emmy Awards Nominations… The Crown, Ted Lasso และ WandaVision มาแรงสุดๆ
โดยซีรีส์ที่มาแรงที่สุด ก็มาจากฝั่ง Drama Series ทั้งสองเรื่อง นั่นก็คือ The Crown และ The Mandalorian ที่ต่างก็เข้าชิงกันเรื่องละ 24 รางวัล
โดยเฉพาะ The Crown ซีซั่น 4 ที่พีคสุดๆ และเป็นเต็งหนึ่งที่จะคว้ารางวัลใหญ่สุดในฝั่ง Drama เพราะเดินสายกวาดรางวัลใหญ่ๆ จากทั้งเวที Critics Choice, Golden Globe และ SAG Awards มาได้หมด และมีนักแสดงที่ได้เข้าชิงจากซีซั่นนี้ทั้งหมด 9 คน รวมถึงอดีตผู้ชนะ Emmy อย่าง Claire Foy ที่กลับมารับเชิญกับบท Queen Elizabeth II ในช่วงวัยสาว
ส่วน The Handmaid’s Tale หลังจากที่ปีที่แล้วมีนักแสดงเข้าชิงเพียง 3 คน ปีนี้ได้ comeback ครั้งยิ่งใหญ่กับนักแสดงที่พาเหรดกันเข้าชิงมากถึง 10 คน และเข้าชิงทั้งหมดรวม 21 รางวัล
ในขณะที่ Mj Rodriguez จากเรื่อง Pose ก็สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเป็นหญิงข้ามเพศคนแรกที่ได้เข้าชิง Emmy ในสาขานักแสดงนำ หลังจากที่ Laverne Cox เคยได้เข้าชิงมาก่อนแล้ว 4 ครั้งในสาขานักแสดงรับเชิญจาก Orange is the New Black และ Rain Valdez ได้เข้าชิงในสาขา Short Form เมื่อปีที่แล้ว
ในฝั่ง Comedy ซีรีส์เรื่อง Ted Lasso ก็สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเป็น Comedy Series ที่ได้เข้าชิงมากที่สุดจากผลงานในซีซั่นแรก โดยได้เข้าชิงมากถึง 20 รางวัล ทำลายสถิติที่ Glee ซีซั่นแรกเคยทำไว้ที่ 19 รางวัลเมื่อปี 2010
ซีรีส์อีก 2 เรื่องในฝั่ง Comedy ที่มาแรง ก็เป็นซีรีส์หน้าใหม่เช่นเดียวกัน และมาจาก HBO Max ทั้งคู่ นั่นก็คือเรื่อง Hacks ที่ได้เข้าชิง 15 รางวัล และ The Flight Attendant ที่ได้เข้าชิง 9 รางวัล
ในฝั่ง Limited Series/TV Movie ซีรีส์ในจักรวาล Marvel อย่าง WandaVision ก็ได้เข้าชิงมากสุดถึง 23 รางวัล
ส่วนซีรีส์ฮิตกระแสดีอีก 2 เรื่องอย่าง The Queen's Gambit และ Mare Of Easttown ก็ไม่น้อยหน้า เพราะได้เข้าชิง 18 รางวัลและ 16 รางวัลตามลำดับ
ส่วนเรื่องที่มาแรงเกินคาด ก็คือบันทึกการแสดงสด Broadway musical ชื่อดังอย่าง Hamilton โดย original cast ที่เคยได้เข้าชิง/ชนะรางวัล Tony ตั้งแต่ตอนแสดงสดที่ Broadway ก็ได้เข้าชิง Emmy จากการแสดงเดียวกันเกือบยกทีม ขาดก็แต่ Christopher Jackson ที่อดเข้าชิง Emmy แต่ก็ได้ Anthony Ramos ซึ่งพลาดเข้าชิง Tony ในตอนนั้น มาเข้าชิง Emmy แทน
และเรื่องที่ทำผลงานได้ไม่ดีเลยก็คือ ซีรีส์ขวัญใจนักวิจารณ์ 2 เรื่องอย่าง Small Axe และ The Underground Railroad
John Boyega จาก Small Axe ที่เป็นตัวเต็งสาขาสมทบชายหลังจากชนะ Critics Choice และ Golden Globe ก็อดเข้าชิง Emmy โดย Small Axe ได้เข้าชิงสาขากำกับภาพเพียงสาขาเดียว
ในขณะที่ The Underground Railroad แม้จะได้เข้าชิง Limited Series ยอดเยี่ยมและสาขาผู้กำกับโดย Barry Jenkins ตามคาด แต่กลับไม่มีนักแสดงจากเรื่องนี้ที่ได้เข้าชิงซักคน
Ethan Hawkes ที่เป็นเต็งหนึ่งสาขานำชาย ก็หลุดเข้าชิง แต่ซีรีส์เรื่อง The Good Lord Bird ก็ไม่ได้รับการคาดหวังว่าจะมาแรงอยู่แล้ว
และนักแสดงจากเรื่อง The Undoing ที่ผ่านเข้าชิงเพียงคนเดียวก็คือ Hugh Grant ในสาขานำชาย ปล่อยให้ Nicole Kidman และ Donald Sutherland หลุดเข้าชิง