JJNY : อาลัย‘หมอหนึ่ง’ติดโควิดเสียชีวิตฉีดซิโนแวค2เข็ม│งัดข้อมูลโต้ก.แรงงาน│ส.ว.ประชุมสั้นสุด20นาที│หาดใหญ่ขายโรงแรมอื้อ

ผู้ว่าฯสมุทรสาคร อาลัย ‘หมอหนึ่ง’ จนท.ด่านหน้า ติดโควิดเสียชีวิต แม้ฉีดซิโนแวค 2 เข็ม
https://www.matichon.co.th/social/news_2824772

 
เมื่อวันที่ 12 กรฎกาคม นายวีระศักดิ์ วิติตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร โพสต์เฟซบุ๊ก อาลัย หมอหนึ่ง พิเชษฐ์ สหกิจ เจ้าหน้าที่โรงพยาบาล สต.สวนหลวง โดยว่า
 
“ใกล้แค่เอื้อม
 
บ่ายสามถึงวัดอ่างทอง กระทุ่มแบน ร่วมพิธีฌาปนกิจ​ศพ​ จนท.รพ.สต.สวนหลวง พิเชษฐ์​ สหกิจ​ หรือ หมอหนึ่ง ที่เสียชีวิตจากโควิดเมื่อคืนที่ผ่านมา
ผช.สสอ.กระทุ่มแบนติดโควิด ทำให้ สสอ.กลายเป็นกลุ่มเสี่ยง หากผลออกมาว่า สสอ.ติดด้วย นายอำเภอ ปลัดจังหวัด รอง ผวจ. หรือแม้แต่ ผวจ.คงไม่รอด สถานการณ์ที่สมุทรสาครตึงเครียดสุดขีดแต่ตึงเครียดแค่ไหน เรายังคงไม่ยอมแพ้ง่ายๆ

เรากำลังเร่งเรื่อง รพ.สนาม และ Community Isolation หรือ ศูนย์พักคอยคนสาครไม่ทอดทิ้งกันอย่างเข้มข้น
เดินทางกลับ พร้อมอธิษฐานให้ดวงวิญญาณ ”หนึ่ง” ไปสู่สุขคติในสัมปรายภพ พวกเราที่ยังอยู่ พร้อมที่จะเป็นด่านหน้า ที่บางคนเคยปรามาสว่า “เห็นแก่ตัว” ทั้งที่เจ็บ และตาย อยู่ใกล้แค่เอื้อม อนาคตสุดจะคาดเดา”

ทั้งนี้ เฟซบุ๊กของ รติรัตน์ รถทอง ได้โพสต์ เล่าเรื่องราวของหมอหนึ่ง ไว้ว่า
 
“ข้าว…ทราบข่าวนี้สักสองวันแล้ว
แต่ยังไม่สามารถเขียนออกมาเป็นข่าวสารเพื่อสื่อให้คนเข้าใจสถานการณ์ได้ว่าสมุทรสาครมีอะไรที่มากกว่าความเงียบงัน…ของคนสมุทรสาคร
หมอหนึ่ง นายพิเชษฐ์ สหกิจ หมออนามัย รพสต.สวนหลวง อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร เวลาปะทะคนไข้แรกๆ จะเป็นหมอโรงพยาบาลชุมชนตำบลเหล่านี้ พวกเขาและเธอต่างต้องรับมือคนเจ็บคนป่วยที่เข้ามารักษาใน รพ.ด่านแรกที่เจอโควิด…ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเราเข้าใจผิดว่าเรามีด่านแรกที่เข้มแข็ง มี อสม. มีทุกอย่างดูแลโรคระบาดได้ในครั้งแรกๆ แต่ลืมไปว่า หมอหรือเจ้าหน้าที่เหล่านี้ก็พลาดและหมดแรงได้ พอมาระลอก 3 มาเต็ม ๆ เราถึงมีข่าวว่าหมอ พยาบาล จนท.ติดกันเยอะ…ทุกคนกล้ำกลืน…แบบให้งานมาแต่ไม่ได้ติดอาวุธป้องกันให้พวกเขาทัพหน้าของไทย
 
หมอหนุ่มๆ หมอสาว ๆ ด่านหน้าเหล่านี้…หลายคนอายุน้อย โสดเป็นอนาคตของประเทศ อย่างหมอหนึ่ง ที่เป็นความหวังของครอบครัว. เป็นความภูมิใจของคนรอบข้างในสังคมได้พึ่งพา ดูแลคนไข้มากมาย เป็นเพื่อนเป็นน้องของคนที่รักเขา เขาก็รักคนเหล่านั้น
 
ขนาดน้องได้รับการฉีดซิโนแวดแล้วสองเข็มด้วยซ้ำแต่ป้องกันอะไรได้บ้างมั้ย ไม่เลย บางคนบอกข้าวว่าเหมือนฉีดน้ำเปล่ากันตาย. ที่ข้าวโมโหคือเพราะที่ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเราเป็นหมอยังออกมาเชียร์ หลายคนบอกว่าดีที่สุดของคนไทยสมควรได้รับการฉีด…ลองมาเป็นพวกเขาบ้างซิแล้วตายบ้างซิ
เสียดายอนาคตหมอหนึ่งในอนาคตเราอาจมี ผอ.รพ.สต.ที่ดีๆ หรือเปล่า?…สังคมไทยเรากว่าจะสร้างคนดีคนเก่งมาทำงานยากเย็นขนาดไหนใครรู้
ตอนแรกข้าวว่าจะไม่เขียนแบบนี้…เพราะข้าวไม่รู้จักน้อง แต่เห็นน้องจบมหาลัยเดียวกันก็อดไม่ได้…
 
เพราะยังไงคงไม่ใช่รายเดียวที่ถูกลืม ขนาดเผาศพญาติพ่อแม่พี่น้องยังไปเปิดดูหน้าก่อนตายไม่ได้เลยจะมีอีกสักกี่คนคะที่ต้องสูญเสียอีก จะตายคาบ้านอีกกี่ร้อยกี่พันกี่หมื่นคน…ตอนปีที่แล้วข้าวยังคิดว่า ประเทศอื่นๆ อย่างอเมริกา อังกฤษ ยุโรปเขาโชคร้ายนะศพกองเป็นหมื่นฝั่งรวมกัน น่าสงสารนะแต่เปล่าเลย เราคนไทยนี่ต่างหากที่ลำบากลำบนมากว่าเขามากมายหลายร้อยเท่าเพราะว่าผู้หลักผู้ใหญ่เราอยู่บนปราสาทหอคอยงาช้าง
 
สองวันก่อนอ่านข่าวเป็ด เชิญยิ้มว่าพ่อแม่เขาตายหมดทั้งคู่ แม่ตายมิถุนายน พ่อตายต้นกรกฏาคมนี้เองเป็ดร้องไห้ยังกับเด็กๆ ใครจะดูแลพวกเราประชาชนคนไทยที่เดือดร้อนและคาดว่าจะเจ็บกันไปอีกนาน…เจ็บและไม่จบ อาจรอวัคซีนกว่าจะได้ครบเมื่อไหร่ เราอยากเดินภายใต้ดวงอาทิตย์แบบไม่ใส่แมสบ้าง. นี่สองปีแล้ว เป็นปี ๆ แล้วที่ออกไปกินข้าวนอกบ้านไม่ได้..เหนื่อยนะช่วยตื่นจากฝันที่วาดไว้บ้าง มองสถานะความเป็นจริงของเราบ้าง?
 
พี่ครูข้าวในสถานะคนสมุทรสาครเหมือนกันและเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน แม้เราจะอยู่คนละคณะคนวงการการทำงานพี่ข้าวที่น่าจะแก่กว่ามาก ๆ คนนี้ก็ขอให้หมอหนึ่งสู่ภพภูมิที่ดีและสุขคติเถิดน้อง…
 
ปล.เคตดิตภาพจากเฟสบุ๊กของหมอหนึ่ง ขอบคุณที่อ่านค่ะ ร่วมอาลัยกันนะคะ…ข้าวเป็นนักเขียนอยากให้ทุกคนตระหนักรู้ความน่ากลัวของโควิด 19. ดูแลตัวเองด้วยทุกคน”
 

 
งัดข้อมูลโต้ ก.แรงงาน ยัน ปิดแคมป์คนงาน 14 วัน เกือบ 7 แสนคน ยังไม่ได้รับชดเชย เยียวยา
https://www.matichon.co.th/politics/news_2824822

งัดข้อมูลโต้ ก.แรงงาน ยัน’ปิดแคมป์คนงาน 14 วัน เกือบ 7 แสนคน ยังไม่ได้รับชดเชย เยียวยา
 
เมื่อวันที่ 12 ก.ค. ไชยวัฒน์ วรรณโคตร เลขานุการและอนุกรรมาธิการ คณะอนุกรรมาธิการศึกษาสถานการณ์ด้านแรงงานสวัสดิการ คุ้มครองแรงงาน และแรงงานสัมพันธ์ เขียนบทความ เรียบเรียงข้อมูลการชดเชยแรงงานจากคำสั่งปิดแคมป์คนงาน โดย ระบุว่า
 
ผ่านมา 14 วัน หลัง คำสั่งฉบับที่ 25 ตามกฎหมายฉุกเฉิน สาระสำคัญคือสั่งหยุดทำงานก่อสร้างพร้อมปิดแคมป์คนงานเพื่อตรวจหา และควบคุมโรคระบาดโควิด-19 ในพื้นที่ 10 จังหวัด แบ่งเป็นชายแดนภาคใต้ 4 จังหวัด กรุงเทพฯ -ปริมณฑล อีก 6 มีผลบังคับใช้ 28 มิถุนายน – 27 กรกฎาคม 2564
หากเราย้อนกลับไปดูแผนงานการสั่งปิดแคมป์คนงานในครั้งนี้ จะพบว่า แผนของรัฐบาลแบ่งออกเป็นสองส่วนหลัก ๆ หนึ่งคือมาตรการด้านการเยียวยา สองมาตราการตรวจเชิงรุกและจัดการกับผู้ป่วยภายในแคมป์ ในส่วนของการเยียวยา รัฐบาลได้ประกาศออกมาว่า มาตรการเยียวยาหลังล็อคดาวน์ จะจัดให้มีข้าวสามมื้อให้แก่คนงาน สุดท้ายก็โยนให้แต่ละบริษัทจัดหาเอง บางบริษัทก็มีการจัดหา บางบริษัทก็ปล่อยคนงานตามกรรม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เห็นได้ตามข่าว ที่คนงานออกมาขอรับบริจาคเต็มไปหมด ผมเข้าใจว่าผู้มีอำนาจในรัฐบาลก็คงได้อ่านข่าวแต่ทำไมเข้ามาบริหารจัดการปัญหานี้สักที จนตอนนี้ประชาชน ต้องตั้ง ‘กลุ่มคนดูแลกันเอง’ ขึ้นมาแล้วเพราะทนเห็นเพื่อนมนุษย์ลำบากไม่ได้
 
ส่วนการ ชดเชย และเยียวยา รัฐบาลมีมาตรการดังนี้
 
ผู้อยู่ในระบบประกันสังคม กระทรวงแรงงานจ่ายค่าแรงให้กับแรงงาน 50% ของฐานเงินเดือน สูงสุดไม่เกิน 7,500 บาท รัฐบาลจะจ่ายเงินให้ลูกจ้างเพิ่มเติมอีก 2,000 บาท และกระทรวงแรงงานจ่ายเงินช่วยเหลือนายจ้าง 3,000 บาทต่อการจ้างงาน 1 คน แต่สูงสุดไม่เกิน 200 คน เป็นเวลาเวลา 1 เดือน ผู้ที่อยู่นอกระบบประกันสังคม มีฐานข้อมูลผู้ประกอบการจากระบบถุงเงิน หากต้องการได้รับการช่วยเหลือ ต้องขึ้นทะเบียนเข้าระบบประกันสังคมภายใน 1 เดือน จากนั้นรัฐบาลจะช่วยเหลือให้ลูกจ้างที่เป็น ‘สัญชาติไทย’ เป็นเงิน 2,000 บาท เวลา 1 เดือน และนายจ้าง 3,000 บาทต่อการจ้างงาน 1 คน แต่สูงสุดไม่เกิน 200 คน เป็นเวลาเวลา 1 เดือน
 
มาตรการชดเชยจากประกันสังคมและเยียวยาจาก พ.ร.ก เงินกู้ ข้างต้นนี้ ผ่านมา 14 วัน แล้ว ปัจจุบันผมยังได้รับเรื่องร้องเรียนเข้ามาอยู่เลยว่า คนงานที่ถูกสั่งปิดแคมป์ยังไม่ได้รับเงินเยียวยาแม้แต่บาทเดียว ข้อมูลจากทางฝั่งรัฐบาลโดยการออกมาให้สัมภาษณ์ของกระทรวงแรงงานก็ดูเหมือนจะสับไปสับมา วันที่ 9 ก.ค. โฆษกกระทรวงแรงงาน (ฝ่ายการเมือง) ออกมาเปิดเผยว่า กระทรวงแรงงาน โดยสำนักงานประกันสังคม ได้จ่ายสิทธิประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานเหตุสุดวิสัยโควิด-19 โดยตัดจ่ายระยะเวลา 5 วัน ตั้งแต่วันที่ 28 มิถุนายน-2 กรกฎาคม 2564 ได้มีการจ่ายให้แก่ลูกจ้างจำนวน 13,655 ราย เป็นเงิน 28,494,966.60 บาท พอมาถึงวันที่ 11 ก.ค. รองโฆษกสำนักงานประกันสังคม ก็ออกมาบอกว่า เบื้องต้นได้ช่วยเหลือแรงงานให้ได้รับสิทธิประโยชน์กรณีว่างงานเพราะเหตุสุดวิสัย ร้อยละ 50 ของค่าจ้างแต่ไม่เกิน 7,500 บาท ล่าสุด สปส. ได้เริ่มจ่ายเยียวยาตั้งแต่วันที่ 28 มิถุนายน – 2 กรกฎาคม ที่ผ่านมา รวมเป็นเงิน 878,167.25 บาท และ ‘กำลังดำเนินการวินิจฉัย’ เพื่ออนุมัติเงินให้กับลูกจ้าง ผู้ประกันตน ในงวดถัดไป อีกจำนวน 13,665 ราย วงเงินรวม 28,494,966.60 บาท
 
ถ้าสรุปตามที่ รองโฆษกสำนักงานประกันสังคม ออกมาให้ข่าวล่าสุด ก็คือยังไม่ได้จ่ายนั่นแหละ จ่ายไปแค่ 8 แสนกว่าบาท ไม่ใช่ 28 ล้านแบบที่โฆษกกระทรวงแรงงานให้ข่าวในตอนแรก คำถามถัดไปคือ แล้ววันไหนจะจ่าย วันไหนจะพิจารณาอนุมัติเสร็จ ปกติพวกเขาต้องได้รายได้วันต่อวัน แต่ปัจจุบันคนงานที่ถูกสั่งหยุดงานปิดแคมป์ วันนี้ไม่มีรายได้มา 14 วันแล้ว นี่ยังไม่นับรวมคนงานก่อสร้างส่วนใหญ่ ซึ่งอยู่นอกระบบที่หากจะได้เงินเยียวยาจำนวน 2,000 ในส่วนของเงินจาก พ.ร.ก. เงินกู้ต้องรอถึงวันที่ 23 ก.ค. แถมยังมีเงื่อนไขในการรับเต็มไปหมด คนงานกำลังจะตายในช่วงวิกฤติแต่ระบบราชการยังคงทำงานตามกรอบที่วางไว้ต่อไป นี่แสดงให้เห็นว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉินที่รัฐบาลต่ออายุเรื่อย ๆ มาเนี่ย ไม่ได้ถูกนำมาปรับใช้กับการดำเนินนโยบายในภาวะวิกฤติเลย
 
ในส่วนของ มาตราการตรวจเชิงรุกและจัดการกับผู้ป่วยภายในแคมป์ ตอนที่รัฐมนตรีแรงงานออกมาชี้แจงมาตรารช่วงแรก ได้ประกาศไว้ว่า ในส่วนของการ ตรวจเชิงรุกแบบ Swab Test จะทำโดยทีมแพทย์ในเครือประกันสังคม กรณีเจอผู้ติดเชื้อก็นำไปรักษา คนไม่ติดเชื้อก็ให้อยู่ที่แคมป์ แยกออกจากกัน เพื่อตอบสังคมให้ได้ว่าปิดเพื่อทำการค้นหาเชิงรุกตรวจโควิด รวมถึงกำลังหารือว่าระหว่างกักตัวหากถึงคิวฉีดวัคซีนโควิด-19 แต่ปัจจุบัน ก็ไม่แน่ใจว่ามีทีมเข้าไปตรวจจริงกี่แคมป์ ปัจจุบันก็ยังไม่มีการเปิดเผยตัวเลขการเข้าไปตรวจออกมา แล้วเมื่อตรวจแล้วมีการแยกคนป่วยออกอย่างมีประสิทธิภาพแค่ไหน หลายภาพที่ออกมาตอนนี้ก็น่าจะตอบคำถามได้ดี (ภาพแคมป์คนงานย่านวิภาวดี 20)
 
ปัจจุบันนี้ เราทราบในเบื้องต้นจากการแถลงของ รัฐมนตรีแรงงานว่า มีคนงานในแคมป์ประมาณ 697,000 คน อีกทั้งยังไม่มีการเปิดเผยตัวเลขคนงานที่มีสิทธิต้องได้รับเงินชดเชยส่วนของประกันสังคม และตัวเลขคนงานที่ตกหล่นจากระบบ ตัวเลขคนงานข้ามชาติ รวมไปถึงตัวเลขการเข้าไปตรวจหาโรคตามแคมป์คนงาน จากทางกระทรวงแรงงานแต่อย่างใด
 
14 ผ่านไปรัฐบาลนำเงินคนงานส่วนประกันสังคมชดเชยคนงานแคมป์ไป 8 แสนกว่าบาท และกำลังทำเรื่องอยู่อีกกว่า 28 ล้านบาท สำหรับคน 13,665 คน คิดเป็น 1.96% ของจำนวนคนงานทั้งหมด แล้วคนอีก 6 แสนกว่าคนที่ไม่มีรายได้แถมถูกกักมาเกินครึ่งเดือนแล้วรัฐบาลจะทำยังไงต่อไป แล้วคนงานทั้งหมด 6.97 แสนคนจะได้ชดเชยเยียวยาครบถ้วนเพียงพอหรือไม่ เพราะคนเหล่านี้ขับเวลาเคลื่อนเศรษฐกิจ คนงานทุกคนทำหน้าที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แต่พอรัฐจะชดเชยเยียวยา จะมาเลือกปฏิบัติไม่ได้ และที่สำคัญที่สุด คนงานแคมป์เหล่านี้มีความเป็นมนุษย์เท่ากันทุกคน เท่ากับผม เท่ากับท่านรัฐมนตรีแรงงาน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่