มะเร็งก้านสมอง

สวัสดีค่ะ เราเพิ่งเคยเขียนกระทู้ pantip ครั้งเเรกในชีวิต และ มันเป็นการเขียนกระทู้แรกที่ยาวหน่อย เพราะเราต้องการที่จะบอกเล่าเรื่องราวผ่านตัวหนังสือเพื่อเป็นวิทยาทานและเป็นการแชร์ประสบการณ์ของคนในครอบครัวของเราเอง ซึ่งหนึ่งในครอบครัวเราได้ป่วยเป็น " โรคมะเร็งก้านสมอง "  แต่เราจะบอกว่าตอนนี้น้องตาลได้เสียชีวิตลงแล้วนะคะ  (เราเคยพยายามหาข้อมูลอาการของโรคมะเร็งที่ก้านสมองและวิธีการรักษาค่อนข้างยากค่ะ)                                        น้องตาล เป็นน้องสาวคนเล็กของเราเอง น้องตาลอายุ 18 ย่างเข้า 19 ตั้งแต่เด็กจนโตน้องร่างกายเเข็งเเรงเป็นเด็กอารมณ์ดีมาตลอด แต่ช่วงปลายเดือน ก.ค 2563 ที่ผ่านมาน้องเริ่มบ่นเวียนหัว บ้านหมุน ไม่มีเเรง เราพาน้องไปหาหมอที่ รพ.เอกชนแห่งหนึ่งใน จ.ชลบุรี คุณหมอแจ้งว่าน้องเป็นไข้หวัดให้ยามากิน ก็ไม่ดีขึ้น พอกลับไปหาคุณหมอแจ้งคุณหมอว่าน้องไม่ดีขึ้นเลยหมอบอกว่า น้องน่าจะน้ำในหูไม่เท่ากัน ก็ให้ยากลับมาทานที่บ้าน แต่อาการก็ไม่ดีขึ้น น้องตาลบ่นเวียนหัว บ้านหมุน เหมือนเดิม เราก็เลยพาน้องไปหาหมอที่คลินิก หู คอ จมูก ใน จ.ชลบุรี แทนเพราะคิดว่า น้องน่าจะน้ำในหูไม่เท่ากัน คุณหมอตรวจดูแล้วคุณหมอแจ้งว่า น้องไม่น่าจะเป็น โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน เพราะที่ถามประวัติมาก็ไม่มีอะไรที่บ่งชี้ว่าน้องจะเป็นโรคน้ำในหูไม่เท่ากัน แต่อาการคล้ายๆกับ คนไข้ของคุณหมอเคสนึงที่อาการคล้ายๆน้องตาล และ อายุไร่เรี่ยกัน แต่น้องเป็นเนื้องอกที่สมอง คุณหมอแนะนำให้เราพาน้องตาลไป x-ray สมองดู เพื่อที่จะตรวจดูว่าถ้าไม่ใช่ก็จะได้หาทางรักษากันต่อไป 9 ส.ค 2563 อาการน้องตาลไม่ดีขึ้นเลย เริ่มเดินเซ บ้านหมุน ไม่มีแรง เเต่น้องสามารถทานอาหารได้ปกติ เราพาน้องตาลกลับไปที่ รพ.เดิม คุณหมอให้ admit เพื่อที่จะให้น้ำเกลือน้องตาลจะได้มีแรง แต่คุณหมอก็ยังบอกว่า น้องตาลเป็นน้ำในหูไม่เท่ากัน เหมือนเดิม แต่นอน รพ.ได้ 1-2 วัน อาการน้องตาลเหมือนจะดีขึ้น แต่ก็ไม่เลย น้องตาลทานข้าวมีอาการไอ ดื่มน้ำแล้วไม่สามารถกลืนน้ำได้หมด น้ำมักจะไหลออกมา เดินแล้วล้ม พอแจ้งคุณหมอ คุณหมอแจ้งว่าเกิดจากน้ำในหูไม่เท่ากัน+ขาดสารอาหาร เพราะน้องตัวเล็ก เราเลยขอให้คุณหมอทำการ x-ray ให้กับน้องตาลเพื่อความสบายใจของเรา เพราะเรากลัวน้องตาลเป็นเนื้องอกในสมอง แต่คุณหมอที่ รพ.แจ้งว่า ไม่ต้อง x-ray หรอกเพราะยังไงน้องตาลไม่เป็นเนื้องอกในสมองแน่นอน ค่าเลือดน้องตาลปกติดีหมดและถ้า x-ray ค่าใช้จ่ายก็ค่อนข้างสูง เรายินดีที่จะจ่ายและเพื่อความสบายใจ เราต้องการให้น้องตาลได้ x-ray และคุณหมอก็ยอมให้น้องตาลได้ x-ray ตามที่เราดึงดันว่ายังไง เราก็จะให้น้องตาล x-ray ให้ได้ ฝันร้ายในคืนวันแม่ 12 ส.ค. 2563 วันที่ได้ x-ray ผลออกมาน้องมีเนื้องอกที่ก้านสมอง แต่ฟิลม์ x-ray ไม่แน่ชัด จึงทำ MRI ในคืนนั้น ผลออกมาว่าน้องเป็นเนื้องอกที่ก้านสมอง (ก้านสมองเป็นส่วนที่ควบคุมการทำงานทุกอย่าง ควบคุมการหายใจ การเต้นของหัวใจ ความดันโลหิต ควบคุมอุณหภูมิและการหลั่งน้ำย่อย การเคลื่อนไหวบริเวณใบหน้า การกลืน ฯลฯ) ซึ่งลักษณะตัวก้อนของน้องตาลไม่ดีนักและดูลักษณะแทรกซึมเข้าสู่ก้านสมอง และตัวเนื้อสมองบวมเพราะตัวก้อน คุณหมอเริ่มให้ยาสเตียรอยด์แบบฉีดให้กับน้องตาล คุณหมอที่ รพ. แจ้งว่าทาง รพ. ไม่สามารถรักษาน้องตาลได้และจะส่งตัวน้องเพื่อทำการรักษาที่ รพ.ใน กทม. ให้เราติดต่อ รพ. เราได้ติดต่อผ่านญาติที่ทำงานที่ รพ. เพื่อขอคำปรึกษาและ บทสรุปเราได้เลือก รพ.กึ่งรัฐกึ่งเอกชนมีชื่อเสียง เพื่อที่จะรีบทำการรักษาน้องตาลให้เร็วที่สุด 13 ส.ค 2563 คุณหมอแผนกอายุรกรรมระบบประสาทมาตรวจ น้องเริ่มพูดไม่ชัด ไม่มีแรง บ้านหมุน แต่ยังไม่มีปวดหัว เดินเซ เขียนหนังสือโย้ไปมา ไม่เหมือนเเต่ก่อน ทานอาหารเริ่มสำลักบ้าง ดื่มน้ำก็ไม่สามารถกลืนได้หมดมักมีไหลออกบ้างหรือพุ่งออกมาบ้าง 14 ส.ค. 2563 เราพาน้องไป รพ. อาการของน้องตาลเริ่มมีอาการปวดหัว ริมฝีปากด้านขวาเริ่มตก มีอาการชา คุณหมอที่ รพ.ใหม่ แจ้งว่า น้องเป็นมะเร็งที่ก้านสมอง ไม่สามารถรักษาหายได้ และ อาการก็จะ drop ลงไปเรื่อยๆ จนในที่สุดน้องก็จะเสียชีวิต วิธีการรักษาก็จะฉายแสง และ ให้คีโม หรืออาจจะเจาะดูว่าเป็นมะเร็งชนิดไหนเท่านั้น ไม่มีการผ่าตัดเพื่อเอาก้อนออกได้เพราะอันตรายมาก แต่ทางคุณหมอจะส่งให้คุณหมอแผนกรังสีรักษา และ อายุรกรรมระบบประสาท อีกทีว่าจะทำการเจาะ หรือ ไม่เจาะทางคุณหมอแผนกรังสีรักษา และ อายุรกรรมระบบประสาท แจ้งว่าจะไม่เจาะเพื่อหาชิ้นเนื้อ แต่ คุณหมอคาดการณ์ว่าน้องน่าจะเป็นมะเร็งก้านสมอง ชนิด Glioblastoma หรือ GBM ทางคุณหมอให้ admit ที่ รพ. เพื่อจะทำการรักษาเนื้อสมองที่บวม โดยการฉีดยาสเตียรอยด์ เมื่อเริ่มดีขึ้นน้องตาลกลับไปพักรักษาตัวที่บ้านในระหว่างรอการตัดสินใจว่าจะฉายแสงหรือไม่ เมื่อกลับไปพักรักษาตัวที่บ้านคุณหมอให้ทานยาสเตียรอยด์ไปด้วย ทางคุณแม่เริ่มปั่นน้ำผักออร์แกนิค งดเนื้อสัตว์น้องตาล ให้ทานถั่วแทนโปรตีน ผลปรากฎว่าอาการน้องเริ่มดีวันดีคืน แต่น้องตาลไม่หลับทั้งวันทั้งคืน ทานข้าวเก่งกว่าแต่ก่อน เริ่มพูดชัด เดินได้ตรงขึ้น เขียนหนังสือเริ่มกลับมาเหมือนเดิม แต่ระบบขับถ่ายดีมากขึ้น วันนึงถ่ายวันละ 2 -3 รอบ (น้องตาลไม่ท้องเสียนะคะ) ปกติน้อง 2-3 วันถ่ายที เราคิดเข้าข้างตัวเองว่าสิ่งที่เราทำให้น้องตาลดีขึ้นเรามาถูกทางแล้วที่ทำการรักษาน้องตาลแบบธรรมชาติบำบัด ในที่สุดเราต้องตืนจากความฝันของเราเองเมื่อมาพบหมออีกครั้งตามวันเวลาที่หมอนัด
   ช่วงปลายเดือน ส.ค 2563 น้องตาลมีนัดกับคุณหมอที่ รพ. ทั้งแผนกศัลยกรรมระบบประสาท (ในช่วงเช้า ) และ แผนกรังสีรักษา (ในช่วงบ่าย) เราและคุณแม่ไปแจ้งกับทางคุณหมอว่าน้องดีขึ้นนะ ไม่จำเป็นต้องฉายแสงแล้ว คุณหมอแจ้งว่าไม่ใช่ที่เราเห็นว่าน้องดีขึ้นเกิดจากยาสเตียรอยด์ ที่คุณสมบัติของตัวยาดีจนครอบจักรวาลเลยก็ว่าได้ มันสามารถคุมอาการของตัวโรคน้องได้แบบเหมือนหายเป็นปกติในช่วงระยะเวลานึงเท่านั้น แต่ถ้าอาการเริ่มกลับมาก็จะเพิ่มโดสยาไปเรื่อยๆ จนตัวยาไม่สามารถคุมอาการของโรคได้เเล้ว อาการทุกอย่างก็จะกลับมาทั้งหมด พอช่วงบ่ายมีนัดกับคุณหมอแผนกรังสีรักษา คุณหมอแจ้งว่า การฉายแสงครั้งนี้ไม่ใช่การรักษาให้หาย แต่เป็น "การยืดเวลา" เท่านั้น น้องก็อาจจะอยู่ได้ 1 ปี เท่านั้น หรือมากกว่านั้นก็เเล้วแต่คนบนฟ้ากำหนด สรุป น้องตาลเลือกที่จะฉายแสง เริ่มทำการนัดทำหน้ากากเพื่อใส่ครอบตอนฉายแสง และคุณหมอทำการนัดฉายแสงต้นเดือนกันยายน ฉายแสงทั้งหมด 27 แสง อาทิตย์ละ 5 วัน หยุดเสาร์-อาทิตย์ ทำติดต่อกันจนครบ 27 ครั้ง (แต่กำลังแสงที่ปล่อยออกมาจะไม่แรง เพราะต้องฉายแสงไปที่ก้านสมอง)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่