เรากับแฟนคบกันมาได้สัก 2 ปี (อยู่คนละจังหวัด )จนถึงขั้นให้ผู้ใหญ่มาทาบทาม (ไม่แน่ใจว่ามาพบเจอกันเพื่อตกลงสินสอด เรียกว่าทาบทามหรือสู่ขอ แต่ไม่ได้ระบุวันว่าจะแต่งเมื่อไหร่) แต่เมื่อทางฝ่ายชายรับทราบสินสอด เขาเริ่มท้อแท้ เหมือนไม่อยากไปต่อ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เราก็ตกลงกันเองแล้วว่าจะช่วยกันเก็บ ฝั่งชายรายได้ไม่มาก และไม่มีเงินเก็บ (เป็นพ่อหม้าย ส่งเงินให้ลูกทุกเดือน) สินสอดที่ทางเราเรียกไปเขาต้องใช้เวลา และเราก็บอกแล้วว่าไม่รีบ แต่ฝั่งชายดูเขารีบ เขาอยากแต่งงานเร็วๆ เขาทำ2อาชีพ คือ รับเงินเดือนซึ่งไม่มาก กับทำสวนเป็นรายได้เสริมอีกนิดหน่อย และเขายังเคยโอนเงินให้เราช่วยเก็บไว้ให้ แต่เมื่อทะเลาะกันทีไร เราก็จะโอนเงินทุกบาททุกสตางค์คืนให้เขาทุกครั้ง เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นบ่อยมากๆ น่าจะมากกว่า4 ครั้ง ที่ต้องโอนเงินมาฝากแล้วโอนคืน ไปทุกครั้งที่ทะเลาะกัน เขาเคยบอกว่า เราเป็นคนบอกเลิกเองตลอด แต่เหตุการณ์ทุกครั้งมันกดดันให้เราเป็นคนบอกเลิก และเราจะเป็นคนขอคืนเงินกลับไป เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าเราไม่ได้คิดจะโกงเงินใคร และล่าสุดเราเลิกกันน่าจะสัก8เดือนได้แล้ว มีประโยคนึงเขาบอกว่า เขายอมรับว่าเขาหาสินสอดมาให้ไม่ได้ และอีกสาเหตุที่เราอดทนเขามานานคือความหึงหวง เขาจะโทถาม ตลอด และให้รายงานเขาตลอดว่าเราไปไหนมาไหนบ้าง ล่าสุดเราไปอบรมกับเพื่อนที่ทำงานซึ่งเป็นผู้หญิง เขาให้เราถ่ายรูปเพื่อนร่วมงานคนนั้นและคนที่ขับรถมารับที่สนามบินซึ่งเป็นญาติของเพื่อนร่วมงานเรา ถ่ายให้เขาดู ว่าเป็นเพื่อนร่วมงานจริงหรือไม่ จังหวะนั้นเราโกรธมาก เราว่ามันมากเกินไป เราทนไม่ไหว บวกกับเหตุการจับผิดเราในหลายๆอย่างมาตลอด ทั้งๆที่เราก็ใช้ชีวิตปกติ ไม่มีคบซ้อนใดๆ เราเลยเลิกตั้งแต่ตอนนั้น // แต่พอมานั่งนึกถึงข้อดี คือ พ่อแม่เราประทับใจในความอะไรก็ได้เวลาที่เขามาเยี่ยมบ้านเรา และไม่เกี่ยงงาน พูดจาดี ตรงไปตรงมา อ่อนน้อม เข้ากับผู้ใหญ่และคนในครอบครัวเราได้ แม่เคยพูดไว้ว่า อยากให้เขามาช่วยงานแม่ ซึ่งดูเขาน่าจะรับช่วงต่อทำได้ และรายได้ก็มากกว่างานที่เขากำลังทำที่บ้านของเขา (พี่น้องเราไม่มีใครทำต่อ ส่วนเราทำงานเงินเดือนใกล้บ้านอยู่แล้ว แม่อายุมากแล้วเริ่มไม่ไหว) เพื่อนๆคิดว่า เราควรกลับไปคืนดีต่อ หรือ พอแค่นี้ ค่ะ เขาเคยบอกว่าเขาไม่เคยลืมเรา และจะรอเรา...
ไปต่อ หรือพอแค่นี้