JJNY : คนบันเทิงทยอย call out│“หมอเจี๊ยบ”เล่าประสบการณ์ด่านหน้า│แม่ค้ากับข้าวใส่บาตร ผูกคอลาโลก│ชี้โควิดฉุดอสังหาฯวิกฤติ

คนบันเทิง ทยอย call out ชีวิตคนมีค่า จี้ภาครัฐเรื่องวัคซีน
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_6497941
 
คนบันเทิง ทยอย call out ชีวิตคนมีค่า จี้ภาครัฐเรื่องวัคซีน
   
 คนบันเทิง ต่างตบเท้ากันออกมา call out ถึงเรื่องของการบริหารงานของภาครัฐที่ผิดพลาด โดยเฉพาะเรื่องของการวัคซีนที่ล่าช้าเป็นอย่างมาก ล่าสุดนักร้องสาว โบว์ สุนิตา ได้ออกมาโพสต์จดหมายน้อยเปิดผนึกถึงรัฐบาลว่า
 
 ฝากถึงภาครัฐ
1 ชีวิต..มีค่ากว่าที่คุณคิด เค้าอาจจะเป็นแม่เด็ก 1,2,3 คนหรือมากกว่านั้น เค้าอาจเป็นภรรยา หรือสามีที่ดีของคู่เค้า เค้าอาจเป็นครูที่มีเด็กๆ รัก และชอบเรียนกับครูคนนี้มากที่สุด
เค้าอาจเป็นเสาหลัก ที่พึ่งของทุกคนในครอบครัว เค้าอาจเป็นผู้ใหญ่คนสุดท้ายของครอบครัวที่เหลืออยู่ เค้าอาจใกล้ได้แต่งงานกับคนที่เค้ารัก เค้าอาจกำลังได้งาน ที่ตอนนี้หาได้ยากเหลือเกิน
 พวกเราของวัคซีน mRNA ประชาชนควรได้ฉีดฟรี!!! เร็วที่สุดเท่าที่รัฐจะทำให้พวกเราได้ อย่าทำให้ประชาชนต้องเสียคนที่เค้ารัก ไปมากกว่านี้เลยค่ะ
 
พร้อมเขียนแคปชั่น ว่า ประชาชนรู้ว่าความเป็นจริงมันมากกว่าตัวเลขที่เป็นข่าว #หดหู่ที่สุด
 มีประชาชนเข้ามาคอมเมนต์ แสดงความคิดเห็นว่า คนตายวันนี้75คนแยอะมากๆเลยะค่ะหดหู่ทุกวันเวลาดูข่าว😔😔,เห็นขั้นตอนการทำงานของรัฐแล้วหดหู่มากครับพี่โบว์, ❤️❤️เห็นด้วยอย่างยิ่งคะ ที่สุดแล้วจริงๆๆ, ได้เวลาต้อง.......แล้ว ไม่งั้นเราจะตายกันหมดค่ะ😭 ฯลฯ
ยังมี ตั๊ก ศิริพร ที่ได้โพสต์ภาพข้อความเดียวกัน พร้อมกับเขียนแคปชั่นว่า 

พี่รู้ว่าทุกคนท้อพี่จะไม่โกหกตัวเองว่าบางทีพี่ก็ท้อสงสารประชาชนและทีมแพทย์แต่พี่ก็ต้องสู้และคอยเป็นกำลังใจให้แก่คนที่เค้าเดือดร้อนกว่าเราซึ่งเยอะมากกกกกก
 
อะไรที่เราช่วยได้เราทำค่ะสู้ๆนะคะสู้เท่าที่แรงเรามีเราไหวถ้าอะไรมันจะเกิดก็ถือว่าเราได้สู้แล้วเราทำดีที่สุดแล้วนะคะทุกคน#เมื่อวานสัมภาษณ์ทีวีหลายช่องพี่ก็ฝากไปยังภาครัฐถึงเรื่องนี้หวังว่าแค่เสียงเล็กๆเสียงหนึ่งจะไปถึงนะคะ..สู้ต่อไปแม้จะยังไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ก็ตาม💪💪💪

https://www.instagram.com/beau_sunita/
https://www.instagram.com/p/CRDcAFrNv-R/
https://www.instagram.com/tucknuipooh/
https://www.instagram.com/p/CRDhwNYp5mU/

 
“หมอเจี๊ยบ” เล่าประสบการณ์ด่านหน้า วอนขอวัคซีนมีประสิทธิภาพทั่วถึงให้ประชาชน 
https://www.pptvhd36.com/news/ข่าวบันเทิง/151167
 
“เจี๊ยบ - ลลนา ก้องธรนินทร์” โพสต์ร่ายยาว เล่าประสบการณ์ด่านหน้าช่วยสถานการณ์โควิด วอนขอวัคซีนที่มีประสิทธิภาพทั่วถึงให้แก่ประชาชน
 
เป็นอีกหนึ่งคนที่อยู่ด่านหน้าในสถานการณ์โควิด-19 ที่แพร่ระบาดอย่างหนัก สำหรับ เจี๊ยบ - ลลนา ก้องธรนินทร์ ที่ทำหน้าที่คุณหมอในห้องฉุกเฉิน ในการรักษาผู้ป่วยติดเชื้อ และหลังจากยอดผู้ติดเชื้อโควิดที่ทะลุ 7 พัน สูงที่สุดตั้งแต่เมืองไทยต้องเผชิญสถานการณ์โควิดมา
 
ทางด้าน หมอเจี๊ยบ ก็ได้ออกมาโพสต์เล่าเรื่องราวในฐานะด่านหน้าช่วยชีวิตผู้ป่วย พร้อมบอกว่า สถานการณ์ในตอนนี้มันแย่มาก วอนขอวัคซีนที่มีประสิทธิภาพทั่วถึงให้แก่ประชาชน 
 
โดยเจ้าตัวได้เล่าผ่านอินสตาแกรมว่า 
 
“วันนี้เจี๊ยบขอเล่าประสบการณ์ด่านหน้าให้ฟังกันนะคะ ในฐานะหมอในห้องฉุกเฉิน เจี๊ยบคลุกคลีกับเคสผู้ป่วยโควิดมาตลอด ซึ่งสถานการณ์ในตอนนี้ต้องยอมรับว่ามันทั้งแย่และหนักมากกว่าการระบาดครั้งก่อนๆ เป็นพันเท่า คนไข้โควิดอาการหนักแต่ไม่มีเตียงต้องนอนรอเตียงกองกันอยู่ล้นหน้าห้องฉุกเฉิน แต่อย่าลืมว่าโรงพยาบาลไม่ได้มีเฉพาะเคสโควิดอย่างเดียว ยังมีทั้งอุบัติเหตุและคนเจ็บป่วยหนักที่อันตรายถึงชีวิตที่ต้องเข้ารับการรักษา
ไม่กี่วันมานี้มีคนไข้อาเจียนพุ่งเป็นเลือด หัวใจหยุดเต้น การที่หมอจะกระโดดเข้าไปช่วยชีวิตปั๊มหัวใจทันทีเหมือนเมื่อก่อนก็ไม่สามารถทำได้ ต้องใส่ชุด PPE ก่อน ยังมีรายละเอียดในขั้นตอนการรักษาอื่นๆ อีกหลายอย่างมาก คนทำงานก็กดดันด้วยเวลาที่เร่งรีบและด้วยปริมาณเคสบางครั้งผู้ป่วยและญาติไม่เข้าใจคิดว่ามัวทำอะไรอยู่ ทำไมไม่รีบมารักษา แต่ขณะนั้นพวกเราทุกคนกำลังเตรียมความพร้อมป้องกันเพื่อเข้าไปช่วยชีวิตผู้ป่วยอย่างปลอดภัย ล่าสุดเพื่อนร่วมงานเจี๊ยบน้องพยาบาลเป็นลมในชุด PPE ระหว่างกำลังทำงาน
 
ห้องแยกโรคป้องกันการแพร่เชื้อ (ห้องความดันลบ) ที่ใช้สำหรับเคสผู้ป่วยโควิดมีจำกัด ไม่พอกับจำนวนผู้ป่วย จนคนไข้โควิดต้องออกมานอนรักษาอยู่ด้านนอก ทำได้เพียงเว้นระยะห่าง (ที่ไม่ห่าง) ระหว่างเตียง ผู้ป่วยใกล้เคียงรวมถึงเจ้าหน้าที่ก็ต้องเสี่ยงติดเชื้อไปตามกัน เพราะห้องแยกโรคเต็มหมด และเป็นเรื่องที่น่าเศร้ามากค่ะ เจี๊ยบเจอเคสคนไข้อายุมากกว่าเจี๊ยบแค่ปีเดียว ไม่มีโรคประจำตัวอื่นใด แต่ก็เป็นหนักจนเสียชีวิตลำพังบนเตียง ไม่มีโอกาสได้ร่ำลาใคร ญาติพี่น้องไม่สามารถเข้าพบได้ ลองนึกดูว่าถ้าเรื่องแบบนี้เกิดกับครอบครัวหรือคนใกล้ตัวของตัวเองจะทรมานใจขนาดไหน
 
เคสโควิดที่ป่วยหนักจนจำเป็นต้องใส่ท่อช่วยหายใจก็เกิดขึ้นทุกวัน ตั้งแต่ทำงานใส่ท่อช่วยหายใจให้คนไข้โควิดมา ยังไม่มีเคสไหนเลยที่รอด ทุกครั้งที่จะต้องใส่ท่อช่วยหายใจ ให้ผู้ป่วยเจี๊ยบรู้สึกเศร้ามาก เพราะตัวหมอเองยังไม่รู้เลยว่าคนไข้จะมีโอกาสได้กลับบ้านไหม ที่ทำได้ดีที่สุดในตอนนั้นเพียงแค่จับมือและบอกคนไข้ว่าเดี๋ยวหมอจะใส่ท่อช่วยหายใจให้ตอนตื่นมาจะมีท่ออยู่ในปากนะ
 
มีเคสนึง คนไข้เป็นคนขับรถแท็กซี่ คุณลุงเล่าว่าผู้โดยสารให้ไปส่งที่รพ. ระหว่างทางก็ถามผู้โดยสารว่าไปส่งที่รพ.เป็นอะไร เป็นโควิดหรือเปล่า ผู้โดยสารเลี่ยงไม่ตอบ คนขับก็ไม่กล้าให้ลงจากรถเห็นผู้โดยสารขึ้นมานั่งแล้ว จึงไปส่งให้ถึงที่หมาย หลังซักประวัติเสร็จไม่นานคุณลุงก็อาการหนักจนต้องใส่ท่อช่วยหายใจ เป็นอีกเคสที่จากไป เจี๊ยบไหว้พระขออธิษฐานให้คุณลุงสงบสุขอยู่บนสวรรค์นะคะ
 
สถานการณ์ในตอนนี้หนักมาก บางเคสที่เจออายุไม่เยอะ ไม่มีโรคประจำตัวมาก่อนก็อาจมีโอกาสอาการหนักได้ ความเสี่ยงมีอยู่ทุกที่ เจี๊ยบขอเป็นหนึ่งเสียงในฐานะแพทย์และประชาชนคนหนึ่ง ขอวัคซีนที่มีประสิทธิภาพและทั่วถึงให้ประชาชน ทุกคนอย่างเร็วที่สุดเถอะนะคะ เพราะแต่ละวินาทีที่ช้าไปคือชีวิต หมอทุกคนอยากเห็นคนไข้ได้กลับบ้านไปหาคนที่เขารัก”
  
https://www.instagram.com/p/CRDKpiQpvrT/

 
ขายไม่ดีติดหนี้นอกระบบ-ค้ำประกันเพื่อน แม่ค้ากับข้าวใส่บาตร ผูกคอลาโลก
https://www.thairath.co.th/news/local/northeast/2135577

ขายไม่ดีติดหนี้นอกระบบ-ค้ำประกันเพื่อน แม่ค้ากับข้าวใส่บาตร ผูกคอลาโลก
 
แม่ค้าขายกับข้าวใส่บาตรพระที่อุดรธานี กลุ้มใจ อาหารขายไม่ดี ต้องไปกู้เงินนอกระบบมาหมุน และค้ำประกันให้เพื่อน แต่เพื่อนหนี ต้องใช้หนี้อีนุงตุงนัง บ่นกลุ้มใจ ก่อนที่ลูกชายมาพบผูกคอตายนั่งพับเพียบอยู่ในบ้าน
 
เวลา 06.30 น. วันที่ 8 กรกฎาคม ร.ต.ท.กานดิศ สีแก้วน้ำใส รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองอุดรธานี ได้รับแจ้งเหตุผูกคอเสียชีวิต ที่บ้านเลขที่ 5 หมู่ 13 บ้านดอนหัน ต.หนองนาคำ จึงพร้อมด้วยแพทย์เวร รพ.ศูนย์อุดรธานี อาสากู้ภัยมูลนิธิส่งเสริมธรรม รุดไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุเป็นบ้านไม้ชั้นเดียวยกพื้นสูง 1.50 เมตร พบศพ นางตื้น ไชยโชค อายุ 66 ปี เจ้าของบ้านใช้เชือกไนลอนสีเขียว สำหรับตากผ้า ผูกคอกับขื่อใต้ถุนบ้าน ญาติได้แก้เชือกนำร่างลงมาเพื่อจะช่วยเหลือ ก่อนตำรวจไปถึง สภาพศพสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีน้ำตาล กางเกงขายาวลาย ผูกผ้ากันเปื้อนสีน้ำเงิน จากการชันสูตรไม่พบร่องรอยถูกทำร้าย เสียชีวิตเนื่องจากขาดอากาศหายใจมา 2-3 ชั่วโมง
  
สอบสวน นายพีระพัทธ์ ไชยโชค อายุ 41 ปี ลูกชายผู้ตาย ให้การว่า แม่มีอาชีพขายอาหารตักใส่ถุงสำหรับใส่บาตรตอนเช้าบริเวณหน้าปากซอย แม่จะอยู่บ้านกับพ่อ และตื่นขึ้นมาทำอาหารออกไปขายตั้งแต่เช้ามืดทุกวัน ส่วนตนแต่งงานและแยกครอบครัวไป แต่อาศัยอยู่ใกล้ๆ กัน ก่อนเกิดเหตุ เช้าวันนี้ตนได้นำน้ำตาลและขนมหวานมาให้พ่อ เพราะพ่อป่วยเป็นเบาหวาน แต่ไม่พบแม่ทำอาหารให้ครัวเหมือนเคย จึงเรียกแม่แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงตอบ จึงเดินหาพบนั่งพับเพียบอยู่บนแคร่ไม้ไผ่ใต้ถุนบ้าน เมื่อเดินไปดูพบว่าผูกคอตาย จึงแก้เชือกนำร่างแม่ออกมา แต่ช่วยไม่ทัน 
 
ส่วนสาเหตุน่าจะมาจากแม่ไปกู้เงินนอกระบบมาลงทุนค้าขายและใช้จ่ายในครอบครัว 2 หมื่นบาท และยังไปค้ำประกันเงินกู้ให้คนอื่นอีก 5 พันบาท แต่คนที่แม่ค้ำให้หนีไม่ใช้หนี้ นายทุนจึงมาเก็บเงินจากแม่ ซึ่งแม่บ่นให้ตนฟังว่าส่งไม่ไหว ขายอาหารได้เท่าไหร่ก็ต้องส่งหนี้หมด จนคิดมาก และคิดสั้นในที่สุด
ขณะที่ นายประยูร ไชยโชค อายุ 67 ปี สามีผู้ตาย ให้การว่า แต่งงานอยู่กินกันมาหลายปี มีลูก 3 คน ตนทำงานเข็นผักที่ตลาดอุดรเมืองทอง ส่วนผู้ตายขายอาหารที่ปากซอยหน้าบ้าน ช่วงหลังขายอาหารไม่ดี ไม่มีเงินทุน จึงไปกู้เงินนอกระบบมาเป็นทุนค้าขาย และใช้จ่ายในบ้าน ผู้ตายบ่นกลุ้มใจเรื่องหนี้สินเงินนอกระบบ เพราะขายของไม่ดี แถมคนที่ไปค้ำเงินกู้ให้ก็หลบหนี ต้องใช้หนี้แทน ก่อนเกิดเหตุ หลังเลิกงานกลับมาบ้าน ผู้ตายทำกับข้าวให้กิน แต่วันนี้ไม่ชวนไปซื้อของมาทำอาหารขายเหมือนเคย ก่อนพบว่าผูกคอตายไปแล้วตั้งแต่ตอนเช้ามืด ไม่คิดว่าจะคิดสั้นแบบนี้ เสียใจมาก
 
ด้านตำรวจสันนิษฐานว่า ผู้ตายเครียดเรื่องค้าขายไม่ดี แถมต้องใช้หนี้นอกระบบแทนเพื่อนที่ไปค้ำให้ ทำให้หาทางออกไม่ได้ จึงผูกคอตายหนีปัญหา ญาติไม่ติดใจในการเสียชีวิต จึงมอบศพให้ญาตินำไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณี ต่อไป
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่