หลังจากที่ญี่ปุ่นโดนสหรัฐใช้เรือรบสมัยใหม่บังคับเปิดประเทศในปี 1853 นำไปสู่การล้มล้างระบอบการปกครองของโชกุนและการปฏิรูปเมจิญี่ปุ่นก้าวเข้าสู่ยุคจักรวรรดิสมัยใหม่นอกจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยีแล้วแน่นอนว่ากองทัพก็ต้องเปลี่ยนไปเป็นแบบตะวันตกด้วยเช่นกันและปืนพกชนิดแรกที่กองทัพบกและเรือของจักรวรรดิญี่ปุ่นซื้อจากตะวันตกมาประจำการนั่นก็คือปืนลูกโม่ระบบ Single Action หักลำ S&W No.3 ของสหรัฐซึ่งใช้กระสุนขนาด .44 Russian แบบเดียวกับที่กองทัพจักรวรรดิรัสเซียซื้อไปใช้
S&W No.3 ที่ญี่ปุ่นซื้อมีสามโมเดลคือ 2nd 3rd และ Frontier Model
ต้นกำเนิดและความสำคัญของกระสุนขนาด .44 Russian
ในปี 1870 ทูตรัสเซียประจำสหรัฐ ติดต่อบริษัทสมิธฯ ให้ผลิตปืนลูกโม่ขนาด .44 สำหรับกองทัพรัสเซีย แต่ขอให้แก้ไขลักษณะกระสุนโดยซ่อนร่องสารหล่อลื่นไว้ในปลอก เหตุผลเพื่อป้องกันดินทรายจับที่ร่องดังกล่าว สมิธฯ ออกแบบกระสุนใหม่ให้ปลอกใหญ่และยาวขึ้นเล็กน้อย ใส่หัวกระสุนเข้าในปลอกโดยไม่ต้องควั่นส่วนท้าย คว้านช่องรังเพลิงใหม่มีไหล่ด้านหน้า เป็นมาตรฐานของรังเพลิงปืนลูกโม่ยุคใหม่ กระสุนขนาดนี้ใช้ชื่อว่า .44 Russian หัวกระสุน 246 เกรน ความเร็ว 750 ฟุต/วินาที ให้พลังงาน 310 ฟุต-ปอนด์ สมิธฯ ผลิตปืนโมเดล 3 ขายให้กองทัพรัสเซียกว่า 131,000 กระบอก
หลังจากเข้าสู่ยุคดินควันน้อย กระสุน .44 พัฒนาต่อไปเป็น .44 สเปเชียล (1908) และ .44 แม็กนั่ม (1955)
กองทัพญี่ปุ่นปลื้มในปืนลูกโม่ระบบหักลำมากจนเมื่อพวกเขามีการออกแบบ-ผลิตปืนลูกโม่ของตัวเองบ้าง (Type-26) ก็ยังคงใช้ระบบหักลำอยู่
สวัสดีครับ
สารานุกรมปืนตอนที่ 648 ปืนพกชนิดแรกที่ได้ประจำการอย่างเป็นมาตรฐานในกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่น
หลังจากที่ญี่ปุ่นโดนสหรัฐใช้เรือรบสมัยใหม่บังคับเปิดประเทศในปี 1853 นำไปสู่การล้มล้างระบอบการปกครองของโชกุนและการปฏิรูปเมจิญี่ปุ่นก้าวเข้าสู่ยุคจักรวรรดิสมัยใหม่นอกจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยีแล้วแน่นอนว่ากองทัพก็ต้องเปลี่ยนไปเป็นแบบตะวันตกด้วยเช่นกันและปืนพกชนิดแรกที่กองทัพบกและเรือของจักรวรรดิญี่ปุ่นซื้อจากตะวันตกมาประจำการนั่นก็คือปืนลูกโม่ระบบ Single Action หักลำ S&W No.3 ของสหรัฐซึ่งใช้กระสุนขนาด .44 Russian แบบเดียวกับที่กองทัพจักรวรรดิรัสเซียซื้อไปใช้
S&W No.3 ที่ญี่ปุ่นซื้อมีสามโมเดลคือ 2nd 3rd และ Frontier Model
ต้นกำเนิดและความสำคัญของกระสุนขนาด .44 Russian
ในปี 1870 ทูตรัสเซียประจำสหรัฐ ติดต่อบริษัทสมิธฯ ให้ผลิตปืนลูกโม่ขนาด .44 สำหรับกองทัพรัสเซีย แต่ขอให้แก้ไขลักษณะกระสุนโดยซ่อนร่องสารหล่อลื่นไว้ในปลอก เหตุผลเพื่อป้องกันดินทรายจับที่ร่องดังกล่าว สมิธฯ ออกแบบกระสุนใหม่ให้ปลอกใหญ่และยาวขึ้นเล็กน้อย ใส่หัวกระสุนเข้าในปลอกโดยไม่ต้องควั่นส่วนท้าย คว้านช่องรังเพลิงใหม่มีไหล่ด้านหน้า เป็นมาตรฐานของรังเพลิงปืนลูกโม่ยุคใหม่ กระสุนขนาดนี้ใช้ชื่อว่า .44 Russian หัวกระสุน 246 เกรน ความเร็ว 750 ฟุต/วินาที ให้พลังงาน 310 ฟุต-ปอนด์ สมิธฯ ผลิตปืนโมเดล 3 ขายให้กองทัพรัสเซียกว่า 131,000 กระบอก
หลังจากเข้าสู่ยุคดินควันน้อย กระสุน .44 พัฒนาต่อไปเป็น .44 สเปเชียล (1908) และ .44 แม็กนั่ม (1955)
กองทัพญี่ปุ่นปลื้มในปืนลูกโม่ระบบหักลำมากจนเมื่อพวกเขามีการออกแบบ-ผลิตปืนลูกโม่ของตัวเองบ้าง (Type-26) ก็ยังคงใช้ระบบหักลำอยู่