ทริปรีบๆในวันที่อยากพักผ่อน

สวัสดีค่ะ กระทู้นี้จะเป็นกระทู้แรกที่เราจะมาแชร์ประสบการณ์หลอนๆที่เกิดขึ้นกับตัวเรา ขอให้ทุกคนอ่านเพื่อความบันเทิงนะคะ

 ย้อนกลับไปเมื่อ3ปีที่แล้วเดือนพฤศจิกายนก่อนวันลอยกระทง 3วัน เราได้นึกครึมอยากไปพักผ่อน เรากับแฟนเลยตกลงกันว่าจะไปกางเต็นท์ที่จังหวัดหนึ่ง เมื่อตกลงที่ที่เราจะไปได้แล้วเราสองคนก็หาข้อมูลพื้นฐานสำหรับการเตรียมตัว พอถึงเวลาออกเดินทางเราก็มุ่งหน้าไปที่จังหวัดนั้น ระหว่างทางเราแวะบ้านญาติเพื่อพักผ่อน เพราะไม่อยากขับรถตอนกลางคืน (เราขับมอเตอร์ไซต์กันไปนะคะ) รุ่งเช้าตื่นมาตอนแรกเรากะจะออกกันตั้งเเต่ 7โมงเช้า แต่ด้วยความเหนื่อยเราเลยตื่นสายกว่าจะออกจากบ้านญาติก็ปาไป 9 โมง แล้วต้องเดินทางต่ออีก 291 กิโลเมตรกว่าจะถึงที่หมาย เรารีบขับกันไปแต่ด้วยความที่เป็นมอเตอร์ไซต์เราต้องขับไปพักไป เพราะกลัวรถจะไม่ไหวทำให้เราไปถึงที่นั้นพอดีเป๊ะๆแบบถ้าสายกว่านี้ 1 นาทีก็เข้าไม่ได้แล้ว (ที่ๆเราจะไปต้องเดินขึ้นเขาไปอีกค่ะ) พอลงทะเบียนอะไรเรียบร้อยแล้ว ก่อนเดินขึ้นเขาเราก็เตรียมตัว วอร์มร่างกาย ถ่ายรูปกันไปคนละนิดละหน่อย เสร็จแล้วเราก็เริ่มเดินทาง
เราเดินขึ้นไปเรื่อยๆ ข้างหน้าเรามีพี่นึง 3 คน เดินอยู่ เรากะว่าจะไล่ตามเขาให้ทันเพราะจะได้มีเพื่อน เนื่องจากพี่ลูกหาบที่ตามมาทีหลังเขาก็บอกว่าเราคือกลุ่มสุดท้าย เเต่เราก็ตามพี่3คนข้างหน้าไม่ทันค่ะ แต่ก็ห่างกันไม่เกิน 300-500 เมตร เราเลยเดินกันไปเรื่อยๆมีพี่ลูกหาบเดินเเซงเราไป4-5คน ระหว่างนั้นเราได้ยินเสียงคนคุยกันเหมือนเสียงสะท้อน ความที่เราไม่รู้และคิดว่าป่ามันเงียบเสียงก็คงก้อง เราเลยพูดกับแฟนออกไปว่า "ได้ยินเสียงพี่เขาด้วย คุยกันดังมาก555" แฟนเราหยุดเดินและมองเราด้วยสายตาตำหนิ บอกว่า "จะทักทำไม ในป่าในเขา" เราก็เถียงกลับไปค่ะ "เอ้า เนี่ยไม่ได้ยินเหรอ ป่ามันสะท้อน" แฟนเราก็บอกว่า "พี่เขาเดินเลยเราไปไกลละ อย่าไปทักนี่เราอยู่ในป่า" เราก็หยุดทุกการกระทำและเสียงที่เราได้ยินก็เงียบไปด้วย หลังจากนั้นเราก็คิดในใจว่าเราคงพลาดไปแล้วสินะ เราหันไปขอโทษแฟน บอกว่าไม่ได้ตั้งใจ ตอนนั้นประมาณ 16.00น หน้าหนาวฟ้าก็เริ่มใกล้มืด เราก็พูดขึ้นมาลอยๆว่าเราไม่ได้ตั้งใจ เราคิดดีนะ ไม่ได้อยากรบกวน (เราขอบอกก่อนว่าเราเป็นคนที่มีเซนส์นิดนึงนะคะ) จากนั้นก็เดินไปเรื่อยๆค่ะ ระหว่างทางก็มีพี่ลูกหาบบอกว่าให้รีบเดินไปให้ถึงเจ้าหน้าที่ แล้วให้เขาพาขึ้นไปเพราะใกล้มืดมันอันตราย เราก็รีบเดินตามพี่ลูกหาบไป เราก็คุยกับพี่ลูกหาบไประหว่างทางค่ะ พี่เขาเป็นคนสุดท้ายที่ขึ้นมาแล้ว เท่ากับว่าตอนนั้นจะเหลือเรา 2คน กับพี่เขา 1คนที่กำลังเดินขึ้น เราสังเกตว่าตอนที่เราเดินเราจะได้ยินเสียงเหยียบใบไม้ดังตามมาจากข้างหลัง ตอนนั้นเราไม่อยากคิดอะไรมากก็รีบๆเดินขึ้น พอใกล้ถึงจุดที่เป็นบ้านพักเจ้าหน้าที่ เราก็เห็นว่ามีเจ้าหน้าที่คนนึงยืนอยู่ ยืนประจำจุดเช็คความเรียบร้อย เขาบอกเราว่าเห็นมีช้างป่ามาหากินแถวนี้ รีบเดินขึ้นดีกว่าอีกนิดเดียวเดี๋ยวให้เจ้าหน้าที่อีกคนนึงเดินขึ้นไปส่ง พอถึงที่พักเจ้าหน้าที่ก็มีพี่เจ้าหน้าที่คนนึงเดินไปส่งเรา ตอนนั้นเวลาประมาณ 19.00น กับระยะทางประมาณ 2กิโล (เราอาจจะจำระยะทางแน่ชัดไม่ได้นะคะ) ระยะทางดูใกล้ค่ะแต่เป็นการเดินขึ้นที่เหนื่อยมาก เพราะต้องปีน ต้องเดินผ่านช่องแคบๆชันๆ แล้วพอฟ้ามืด ทุกอย่างก็ดูจะชัดเจนขึ้นค่ะ เสียงเหยียบใบไม้ที่เราได้ยิน ก็เริ่มได้ยินชัดขึ้น ไฟส่องทางมีแค่ของพี่เจ้าหน้าที่คนเดียว เพราะพวกเราไม่ได้เตรียมตัวที่จะเจอสถานการณ์นี้เลยค่ะ เราพยายามไม่โฟกัสเสียงเหยียบใบไม้ข้างหลัง ซึ่งตอนนั้นเราเหนื่อยและปวดขามาก ทำให้เราเดินๆหยุดๆ ทุกครั้งที่เรานั่งพักไม่เกิน 20 วิ เราจะได้ยินเสียงเหยียบใบไม้ตามหลังมา เราหันไปมองก็ไม่เจออะไร พี่เจ้าหน้าที่ก็คอยส่องไฟตรวจความปลอดภัยตลอดๆ ก็มีเเต่ความมืดและความว่างเปล่า พอเราได้ยินเสียงเราก็จะลุกเดิน อารมณ์เหมือนโดนอะไรไล่หลังตลอด ต้องคอยเดินหนีตลอด พี่เจ้าหน้าที่ก็ดูเลิ่กลั่กแต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรนะคะ เรากับแฟนก็ถามเขาว่า ขึ้นไปส่งพวกเราแล้วต้องเดินกลับลงมาเลยเหรอ พี่เขาก็บอกว่า ใช่ แล้วก็ขำ555 พวกเราก็โอเครีบเดินพี่เขาจะได้ไม่ต้องเดินลงดึกๆ เราถามพี่เขาว่ามีคนเดินถึงกี่โมงดึกสุด เขาบอก 3-4ทุ่มก็มี เราก็ใจชื่นอย่างน้อยนี่ก็พึ่งจะ ทุ่มนิดๆ สรุปเราเดินขึ้นไปถึงข้างบน ประมาณ 20.10น เราก็ขอบคุณพี่เจ้าหน้าที่ พี่เขาก็เดินลงไป ตอนขึ้นมาถึงข้างบนมีเจ้าหน้าที่ยืนรออยู่คนนึงค่ะ เพราะเราเป็น 2 คนสุดท้าย เหมือนส่งต่อเป็นทอดๆ เพื่อดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว เราประทับใจมาก ด้วยความโชคดีของเราหรือเขาอาจจะสงสารเพราะเห็นเราหน้าซีดจากความเหนื่อยแล้ว เราเลยได้นั่งรถมอเตอร์ไซต์ของพี่เจ้าหน้าที่ ไปจนถึงจุดกางเต็นท์ค่ะ 
หลังจากกางเต็นท์จัดการของใช้เรียบร้อยเราก็ไปหาข้าวทานกันเราเลยได้คุยกับแฟนว่า ได้ยินเสียงเหมือนที่เราได้ยินไหม แฟนเราบอกไม่ได้ยิน แต่ได้ยินเหมือนเสียงไม้หัก และเห็นเหมือนเงาอะไรโหนตามมา เราเลยคุยกันว่า น่าจะเป็นเจ้าป่าเจ้าเขาหรือเปล่า เขาคงมาดี มาส่งเราแหละ คุยกันเสร็จก็ขนลุกไปตามๆกันค่ะ จากนั้นเราก็พักผ่อน แล้วตอนนอนด้วยความที่ไฟก็ยังส่องสว่างทำให้เต็นท์เรามีเงาสะท้อน ประมาณ 00.00-01.00 เรารู้สึกมีคนเดินรอบๆเต็นท์เห็นเป็นเงาผ่านไปผ่านมา แต่เราเหนื่อยค่ะเลยหลับไม่สนใจ จากนั้นก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นจนถึงวันกลับ เราก็เดินลงกันตอน 11 โมง แต่ดันมามีปัญหาตรงที่เราดันข้อเท้าพลิก ทำให้ลงช้ามากๆ ลากมาจน 16.00น ระหว่างทางที่ใกล้ถึงข้างล่าง ประมาณ 1กิโล เราก็ค่อยๆเดินลงทีละก้าวๆ ก้มหน้ามองทางไปเพราะเจ็บเท้า หางตาข้างซ้ายเราก็เห็นว่ามีทางเดินลงไป แล้วมีกระท่อม 3-4 หลังเหมือนเป็นหมู่บ้าน ข้างหน้ามีเหมือนศาลสีแดงๆ ข้างในที่เราเห็นมีแสงสีทองๆ อร่าม พอเราเห็นแบบนั้นเราก็รีบหับไปมองทางซ้ายแบบเต็มตา แต่สิ่งที่เห็นคือเหวลึกลงไปไม่มีทางหรืออะไรเลยนอกจากต้นไม้เต็มไปหมด (เป็นแค่เสี้ยววิจริงๆที่เราเห็นเราพยายามเก็บรายละเอียดให้ได้มากที่สุดก็ตามที่เราเล่าไปค่ะ) เราก็อึ้งแล้วรีบเดินไปหาแฟน เล่าให้เเฟนฟังตอนนั้นเลย เเฟนก็อึ้งไปตามๆกัน เราไม่ได้คุยอะไรกันจนเดินถึงข้างล่าง ประมาณ 18.10 เราก็เจอสิ่งที่อึ้งไปอีกคือเราเห็นศาลเจ้าพ่อ.... ใหญ่มากๆสีออกแดงๆอิฐๆ เรากับแฟนก็มองตากัน แล้วยกมือไหว้กันยกใหญ่ แต่ไม่ได้เข้าไปไหว้นะคะเพราะเราเจ็บขา + ความเหนื่อย เรากับแฟนคุยกันว่าทำไมตอนขาขึ้นเราไม่เห็นศาลเลยทั้งๆที่ใหญ่มากไม่น่าเป็นไปได้ที่จะไม่เห็น ทั้งๆที่เราไปยืนเลือกไม้ค้ำช่วยในการเดินขึ้นอยู่ตั้งนาน หลังจากกลับจากทริปนี้ เราก็มาหาข้อมูลลึกๆในเรื่องลี้ลับที่เราสงสัย เราก็เจอว่าเหมือนที่นั้นจะมีเมืองลับแล เราเลยคิดว่าหรือที่เราเห็นจะเป็นทางเข้าเเมืองลับแลหรือเปล่า เป็นคำถามที่เราก็ยังไม่มีคำตอบจนถึงทุกวันนี้ค่ะ 

เราอาจจะเล่างงๆนะคะ ถ้าผิดพลาดประการใดเราขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ เรื่องนี้เราคิดซ้ำไปมาว่าจะเล่าดีไหม แต่ช่วงนี้ว่างๆเราเลยอยากลองมาเล่าแบ่งปันประสบการณ์ของเราดูบ้าง เรื่องนี้อาจจะดูไม่หลอนนะคะ แต่สถานการณ์ตอนนั้นที่เราอยู่จุดนั้นบอกเลยว่าหลอนมากๆ ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านนะคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่