ผู้หญิงแต่งงาน (จดทะเบียนสมรส) ร่วมทุกข์ ร่วมสุขกับสามีมา 15 ปี มีลูก 2 คน ตอนแต่งฝ่ายสามีไม่ต้องจ่ายสินสอดซักบาท ค่างานแต่งก็ใช้เงินที่ได้จากซองจ่าย
ฝ่ายภรรยา หน้าที่การงานมั่นคง เงินเดือนอาจไม่มาก แต่สามีก็ไม่เคยต้องให้เงินภรรยา แถมตอนสามีตกงาน มีน้องภรรยาคอยช่วยเรื่องค่านมของลูกตัวเอง ปกติอาศัยอยู่บ้านภรรยาที่มีspace เป็นของตัวเองอยู่ชั้น 2 ของบ้าน แม่และน้องภรรยาช่วยดูแลลูกๆแทบจะทุกเรื่องเพราะเป็นหลานเพียง 2 คนในบ้าน
ฝ่ายสามีเงินเดือน 70k+ ภาระผ่อนรถ 1 คัน 16k กับค่าเลี้ยงดูลูกที่เกิดกับแฟนเก่า 1 คน 4,000 ลูกที่เกิดจากภรรยาปัจจุบัน 2 คน จ่าย 3,000 ช่วยออกค่าน้ำ ค่าไฟ ไม่เกิน 1,500/เดือน ค่าเทอมลูกหารครึ่งกับภรรยา ขับรถรับ-ส่งภรรยาแลกกับการซักรีดเสื้อผ้า (แต่ถ้าบอกไม่ว่าง ไปกินเหล้า ไปทำรายงาน ภรรยาก็ไป-กลับเอง) จึงใช้ชีวิตเยี่ยงหนุ่มโสดได้ตามสบาย อยากไปแฮงค์เอ้าท์กลับบ้านเมื่อไหร่ก็กลับ เพราะไม่ต้องห่วงลูก มีคนดูแลเยอะแยะ
ชีวิตคู่ มีปากเสียงกัน งอนง้อ น้อยใจกันบ้าง ช่วงหลังๆ มีอะไรไม่ค่อยคุยกัน ถามคำตอบคำ มีอะไรอึดอัดเก็บไว้ในใจ ไม่เคยเคลียร์กัน หาว่าภรรยาไม่สนใจ แต่ไม่เคยทะเลาะรุนแรง ภรรยาไม่เคยเช็คมือถือ ขอไปเที่ยว ไปกินเหล้าที่ไหนก็ให้ไป อาจมีงอนบ้างแต่แป๊บเดียวก็หาย
อยู่มาวันนึง มาขอเลิกกับภรรยา บอกอึดอัดมานานแล้ว มาถึงทางตันแล้ว ไม่ได้มีคนใหม่แน่นอน แต่ภรรยาโทรหาไม่รับสาย บอกรำคาญ รู้ว่าจะคุยเรื่องอะไร อ้างว่าที่ไม่ค่อยกลับบ้านเพราะจะพยายามให้ลูกชิน ว่าพ่อไม่อยู่บ้าน และจะค่อยๆ ออกจากบ้านไปในที่สุด
ภรรยาเริ่มระแคะระคาย ซึ่งค่อนข้างแน่ใจว่ามีคนใหม่ และหญิงคนใหม่นั้นก็รู้ว่าผู้ชายมีลูก มีเมียอยู่แล้ว มาขอคำปรึกษาค่ะ
1. กรณีที่ฝ่ายชายและหญิงคนใหม่ มีหน้าที่การงานดี จะใช้วิธีใดในการเรียกร้องค่าเสียหายเพื่อนำมาเป็นทุนการศึกษาให้ลูกได้มากที่สุด เพราะค่อนข้างกลัวว่าถ้ายอมหย่ากันไป ฝ่ายชายจะไม่ส่งเสียค่าเลี้ยงดูให้ลูก (อยู่ด้วยกันยังจ่ายแค่ 3,000)
2. ฝ่ายภรรยาไม่ได้อยากได้สามีคืนมา เพราะรั้งไม่อยู่แล้ว แต่สงสารลูกที่กำลังเข้าวัยรุ่น คนเล็กก็อนุบาล 1 แล้วและเพิ่งย้ายโรงเรียนใหม่ทั้งคู่ ควรบอกลูกยังไงไม่ให้สะเทือนใจและกระทบเรื่องเรียน เพราะลูกรักพ่อมาก พ่อตามใจ ไม่เคยดุ ถ้าใครพูดถึงพ่อเค้าเชิงตำหนิน้ำตาจะคลอทันที
เมื่อสามีขอหย่า จะบอกลูกยังไง ไม่ให้ลูกสะเทือนใจ
ฝ่ายภรรยา หน้าที่การงานมั่นคง เงินเดือนอาจไม่มาก แต่สามีก็ไม่เคยต้องให้เงินภรรยา แถมตอนสามีตกงาน มีน้องภรรยาคอยช่วยเรื่องค่านมของลูกตัวเอง ปกติอาศัยอยู่บ้านภรรยาที่มีspace เป็นของตัวเองอยู่ชั้น 2 ของบ้าน แม่และน้องภรรยาช่วยดูแลลูกๆแทบจะทุกเรื่องเพราะเป็นหลานเพียง 2 คนในบ้าน
ฝ่ายสามีเงินเดือน 70k+ ภาระผ่อนรถ 1 คัน 16k กับค่าเลี้ยงดูลูกที่เกิดกับแฟนเก่า 1 คน 4,000 ลูกที่เกิดจากภรรยาปัจจุบัน 2 คน จ่าย 3,000 ช่วยออกค่าน้ำ ค่าไฟ ไม่เกิน 1,500/เดือน ค่าเทอมลูกหารครึ่งกับภรรยา ขับรถรับ-ส่งภรรยาแลกกับการซักรีดเสื้อผ้า (แต่ถ้าบอกไม่ว่าง ไปกินเหล้า ไปทำรายงาน ภรรยาก็ไป-กลับเอง) จึงใช้ชีวิตเยี่ยงหนุ่มโสดได้ตามสบาย อยากไปแฮงค์เอ้าท์กลับบ้านเมื่อไหร่ก็กลับ เพราะไม่ต้องห่วงลูก มีคนดูแลเยอะแยะ
ชีวิตคู่ มีปากเสียงกัน งอนง้อ น้อยใจกันบ้าง ช่วงหลังๆ มีอะไรไม่ค่อยคุยกัน ถามคำตอบคำ มีอะไรอึดอัดเก็บไว้ในใจ ไม่เคยเคลียร์กัน หาว่าภรรยาไม่สนใจ แต่ไม่เคยทะเลาะรุนแรง ภรรยาไม่เคยเช็คมือถือ ขอไปเที่ยว ไปกินเหล้าที่ไหนก็ให้ไป อาจมีงอนบ้างแต่แป๊บเดียวก็หาย
อยู่มาวันนึง มาขอเลิกกับภรรยา บอกอึดอัดมานานแล้ว มาถึงทางตันแล้ว ไม่ได้มีคนใหม่แน่นอน แต่ภรรยาโทรหาไม่รับสาย บอกรำคาญ รู้ว่าจะคุยเรื่องอะไร อ้างว่าที่ไม่ค่อยกลับบ้านเพราะจะพยายามให้ลูกชิน ว่าพ่อไม่อยู่บ้าน และจะค่อยๆ ออกจากบ้านไปในที่สุด
ภรรยาเริ่มระแคะระคาย ซึ่งค่อนข้างแน่ใจว่ามีคนใหม่ และหญิงคนใหม่นั้นก็รู้ว่าผู้ชายมีลูก มีเมียอยู่แล้ว มาขอคำปรึกษาค่ะ
1. กรณีที่ฝ่ายชายและหญิงคนใหม่ มีหน้าที่การงานดี จะใช้วิธีใดในการเรียกร้องค่าเสียหายเพื่อนำมาเป็นทุนการศึกษาให้ลูกได้มากที่สุด เพราะค่อนข้างกลัวว่าถ้ายอมหย่ากันไป ฝ่ายชายจะไม่ส่งเสียค่าเลี้ยงดูให้ลูก (อยู่ด้วยกันยังจ่ายแค่ 3,000)
2. ฝ่ายภรรยาไม่ได้อยากได้สามีคืนมา เพราะรั้งไม่อยู่แล้ว แต่สงสารลูกที่กำลังเข้าวัยรุ่น คนเล็กก็อนุบาล 1 แล้วและเพิ่งย้ายโรงเรียนใหม่ทั้งคู่ ควรบอกลูกยังไงไม่ให้สะเทือนใจและกระทบเรื่องเรียน เพราะลูกรักพ่อมาก พ่อตามใจ ไม่เคยดุ ถ้าใครพูดถึงพ่อเค้าเชิงตำหนิน้ำตาจะคลอทันที