เล่ห์รักหัวใจ ตกกระไดพลอยโจน ตอนที่ 22

หลังรับประทานอาหาร หนุ่มๆ และสาวๆ ขอตัวไปต่อกันที่บาร์ริมสระน้ำ ถึงแม้สามหนุ่มจะเก้อเขินกับการที่ภาคภูมิและอรุณฉายจะขอตามติดไปดื่มเหล้ากับพวกเขา แต่เพื่อมารยาททางสังคมทำให้ คนเรานั้นต้องซ่อนอารมณ์ เหตุผล และอาการรังเกียจเดียดฉันท์ได้เป็นอย่างดี

แต่สำหรับฉันพอดีบอส ต้องการรายงานความคืบหน้า ของการจัดเตรียมงานการประชุม ว่าอะไรไปถึงไหน ฉันจึงต้องขอตัวกลับมาทำรายงานที่ห้องพัก เพื่อที่จะทันส่งเจ้านายก่อนเที่ยงคืน แต่เนื่องจากการดำเนินงานถึงขั้นสุดท้าย และเกือบที่จะเสร็จสิ้นแล้ว ฉันจึงใช้เวลาไม่นานในการทำรายงาน และส่งรายงานผ่านอีเมล ไปให้บอส ได้อย่างรวดเร็ว

ฉันหลับตาลง ก่อนที่จะเอนหลังนอนลงบนที่นอนเรียบตึง ความเมื่อยล้าของกล้ามเนื้อที่คอและหลัง เริ่มผ่อนคลาย แต่ความตึงเครียดทางความคิดกลับเพิ่มขึ้น ฉันคิดไปถึงเหตุการณ์ ที่แก้วสุดาและหยาดเพชรพยายามที่จะชวนฉันคุย พวกเขาจะคุยเรื่องอะไร หรือว่าสองสาวนั้นอยากเตือนฉันเรื่องอรุณฉาย เพราะเท่าที่เห็นในเวลาอาหารเมื่อค่ำนี้ จักรินทร์เองก็ทำตัวแปลกๆ เพราะสำหรับคนที่เคยสนิทสนม คุ้นเคยกันมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย ที่เมื่อมาเจอกันจักรินทร์กลับทำท่าหมางเมินอรุณฉายเสียอย่างนั้น

ผิดที่อรุณฉายทำท่าทาง เหมือนยังสนิทสนมชิดชอบกัน เป็นอย่างดี ฉันผุดดันตัวลุกขึ้นนั่ง ก่อนที่จะถามตัวเองว่า ไม่ว่าเขาทั้งสองคนจะเคยเป็นอะไรกันมาก่อน ฉันต้องสนใจหรือไม่

ถึงตอนนี้ฉันถอนใจยาว เพราะถ้าเขาเคยเป็นอะไรกันมาก่อน ถึงตอนนี้ฉันควรที่จะไม่ให้ความสำคัญกับมัน แต่ถ้าหากว่าตอนนี้เขายังเป็นอะไรกันอยู่ ฉันต้องให้ความสำคัญกับมันไหม..

ท้องฟ้าสีดำมืด มีดวงดาวแต่งแต้มระยิบระยับงามจับตา ละอองน้ำทะเลปะทะใบหน้าฉัน ทำให้ฉันตื่นจากภวังค์ และรู้สึกตัวว่าเดินมาไกล จากชายหาดของรีสอร์ตอยู่มากโข แสงไฟที่สาดส่องอยู่หน้าหาด มาไม่ถึงที่ตรงนี้ จึงทำให้มุมมืดดูน่ากลัวเป็นบางจุด ฉันรีบรุดเดินกลับทันที เพราะอาจจะมีใครคิดมิดีมิร้าย คอยจับจ้องมองฉันเพื่อหวังชิงทรัพย์ก็ได้ ใจกระหวัดคิดไปถึง นักโทษทั้งสามของเกาะหน้า ที่หนีรอดไปได้ แล้วรู้สึกขนลุกขึ้นมาทันที ขณะที่กำลังเดินทางกลับอยู่นั้นฉันได้ยินเหมือนเสียงคนคุยกัน ฉันจึงค่อยๆ ย่องไปตามเสียงนั้น ที่อยู่หลังโขดหิน ไม่ไกลจากหน้าหาดเท่าใดนัก

“พี่จักรลืมอ่อนได้จริงๆ หรือคะ” เสียงใสกล่าวอย่างประชดประชัน ลอยมากับสายลม

“ถ้าอ่อนเรียกพี่มาคุยถึงเรื่องนี้ พี่จะไม่คุยด้วย” จักรินทร์ทำท่าหันหลังกลับ อรุณฉายโผเข้ากอดทางด้านหลัง

“พี่จักรทำอย่างนี้แปลว่าพี่ยังไม่ลืมอ่อน วันนี้ทั้งวัน พี่ไม่สบตาอ่อน เพราะพี่ยังไม่ลืมอ่อน พี่หันหลังให้อ่อน เพราะพี่ยังไม่ลืมอ่อน พี่ยังไม่ลืมเรื่องของเรา และอ่อนก็ไม่เคยลืมเรื่องของเราเช่นกัน” เสียงใสสะอื้นไห้ ราวกับเจ็บปวดเหลือทน

“อ่อนเสียใจค่ะ ที่อ่อนไม่ยอมเชื่อพี่จักร อ่อนทำใจปฏิเสธ ไม่ยอมช่วยคุณย่าไม่ได้ คุณย่ามีบุญคุณกับอ่อนมาก จะให้อ่อนทำใจแข็งกับคุณย่า อย่างพี่จักร อ่อนทำไม่ได้หรอกค่ะ ซึ่งพี่จักรก็ทราบดีถึงข้อนี้”

อรุณฉายสะอื้นไห้ ระบายความในใจออกมาเสียยืดยาว น้ำตาอาบใบหน้าของหญิงสาว ใบหน้าของชายหนุ่มที่ฉันเห็นเพียงด้านข้างในความมืด ดูหม่นหมอง และมีรอยแห่งความเจ็บปวดไม่แพ้กัน

“อ่อนทราบค่ะว่า พี่จักรเสียใจ และผิดหวังในตัวอ่อนมาก พี่จักรถึงกับหนีอ่อนไปอังกฤษถึงสามปีเต็ม ไม่โทรหา จดหมายสักฉบับไม่เคยมีมาหา พอกลับมาก็มาทำท่ามึนตึงกับอ่อน ราวกับว่าอ่อนไม่มีตัวตนในสายตาของพี่ อ่อนรับไม่ได้ค่ะ เพราะอ่อนรู้ว่า พี่จักรรักอ่อนมากแค่ไหน และอ่อนก็รักพี่จักรมาก ไม่แพ้กัน”

... ภาพนั้น... ที่ฉันได้เห็น ข้อความนั้น... ที่ฉันได้ยิน ทำให้ฉันหายใจแทบไม่ออก... 

ฉันถอนหายใจแรง เสียจนคิดว่ามันอาจจะทำให้เกิดเสียงดัง จนฉันต้องเอามือปิดปากตัวเองเพื่อไม่ให้ส่งเสียงออกมา ฉันถดถอยก้าวเท้า ออกมาอย่างช้าๆ เพื่อไม่ให้ทั้งสองคนล่วงรู้ว่า เขาทั้งสองไม่ได้อยู่กันตามลำพัง หากแต่เท้าดันไปเหยียบลูกมะพร้าว ที่อยู่ใกล้จนฉันล้มคะมำหน้าคว่ำจิ้มทราย ไปซะอย่างนั้น

“ใครน่ะ”

เสียงห้าวของจักรินทร์ตะโกนมาทางด้านที่ฉันอยู่ เสียงเท้าวิ่งเหยาะๆ เข้ามาใกล้ ฉันล้มตัวนอนราบ แอบซ่อนอยู่หลังโขดหินในมุมมืด จากทางที่จักรินทร์และอรุณฉายยืนอยู่เขาไม่อาจเห็นว่าฉันซ่อนตัวอยู่ในมุมมืดนั้น

“พี่ว่าเรากลับกันเถอะ”

เสียงของชายหนุ่มเอ่ยขึ้น ก่อนที่ฉันจะได้ยินเสียงฝีเท้าของทั้งสองจากไป ฉันจึงค่อยๆ ดันตัวเองลุกขึ้นอย่างงุนงง มือปัดทรายออกจากเสื้อและกางเกงอย่างเบาๆ ก่อนที่มือของฉันจะแตะเข้าที่ใบหน้า ที่ตอนนี้มันเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตา

... ฉันร้องไห้ ฉันร้องทำไม... ฉันไม่แน่ใจ... 

แต่น้ำตามันไหลเอ่ออย่างกับทำนบกั้นน้ำแตก น้ำตาพากันไหลหลั่งออกมา จนฉันหายใจติดขัด เหมือนกับมีภูเขามาทับอก หายใจลำบาก

... ฉันเสียใจ..ทำไม.. หรือว่าที่ฉันเสียใจก็เพราะ... ฉันรักเขา... ผู้ชายที่ชื่อนาวาโทนายแพทย์จักรินทร์ ผู้ที่มอบหัวใจของเขาให้คนอื่นไปแล้ว.. และคนคนนั้น ไม่ใช่ฉัน .... คนที่ได้ชื่อว่าเป็นเมียที่ถูกต้องตามกฎหมาย...

“ตายแล้วยัยหมอก ไปตกน้ำตกท่า คลุกดินทรายที่ไหนมา” แก้วสุดาเอ่ยทักเมื่อฉันเดินโซซัดโซเซ มาถึงหน้าหาด

“กำลังตามหาตัวอยู่เลย เพราะไปหาที่ห้องพักก็ไม่เจอ” แก้วสุดามองฉันที่นั่งทรุดอยู่บนบันไดหินขั้นล่างสุดติดกับหาดทราย

“เป็นอะไรมากไหมแก” เสียงเพื่อนเอ่ยถามอย่างห่วงใย

“แกร้องไห้เหรอ แกเป็นอะไร อ้าวมือแกเลือดออกนี่ ไปทำอะไรมา” ฉันมองดูมือมีเลือดออกซิบๆ

“ไม่เป็นอะไรหรอก ฉันไปเดินเล่น พอดีเหยียบลูกมะพร้าวน่ะ เลยหกล้ม” ฉันลุกขึ้นปัดทรายออกจากเสื้อผ้า ฝืนยิ้มให้แก้วสุดา

“ไม่เป็นอะไรแล้ว หายแล้ว”

“จริงนะแก หน้าแก เหมือนร้องไห้มา ตาบวมเชียว” แก้วสุดายื่นหน้ามามองใกล้ๆ

“ไม่มีอะไรจริงๆ อาจจะตาบวม เพราะว่าจ้องจอ คอมพิวเตอร์ทำรายงานมากไปมั้ง”
“แกให้ฉันตามพี่หมอมาดูแกไหม ดูสิมือเป็นแผล แล้วนี่แขนขาเป็นอะไรบ้างหรือเปล่า”

“แกอย่าไปกวนเขาเลย เขาอยู่กับ...”

“เมื่อกี้เห็นกินเหล้ากับคุณเล็ก คุณใหญ่ด้านโน้นแหนะ แกจะไปหาเขาไหมล่ะ ฉันไปเป็นเพื่อน”

“อย่าเลยแก ฉันกลับห้องพักเลยดีกว่า สารรูปอย่างนี้ จะทำให้เขาอายใครๆ” ฉันตอบเพื่อนไปแล้วก็แอบแปลบปลาบในหัวใจไม่ได้

... ใช่สิ... ดูสารรูปของฉัน... ที่ไม่คู่ควรเป็นคุณนายผู้พันเลยทีเดียว ถ้าคุณจักรได้คุณนายร่างระหง คอเชิดอย่างคุณอ่อนก็คงจะสมน้ำ สมเนื้อกันดีนะ... 

“ยัยหมอก คิดอะไรอยู่” แก้วสุดาเอ่ยถามเสียงแข็ง

“เปล่าๆ จ้า ฉันไปล่ะนะ”

“เออเดินดีๆ นะแก เดี๋ยวจะหกล้ม หกลุกไปอีกนะ” เสียงของเพื่อนตะโกนไล่หลังฉันอย่างเป็นห่วงเป็นใย

__________________________
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่