Machhapuchare เป็นยอดเขาที่สวยงามและเป็นที่รู้จักมากที่สุดแห่งหนึ่งในแนวเทือกเขา Annapurna
ด้วยการนูนแนวตั้งที่สูงชันและรูปสามเหลี่ยมที่โดดเด่น (Cr. Neelima Vallangi)
ด้วยความสูงเกือบ 7000 เมตรสู่ท้องฟ้าสีครามเหนือเทือกเขาอันนาปุรณะ (Annapurna) ที่ขรุขระของเนปาล Machhapuchare เป็นสถานที่ที่ไม่มีใครแตะต้องมากที่สุดในโลก เนื่องจากเชื่อกันว่าเป็นหนึ่งในบ้านของพระศิวะในศาสนาฮินดู และยอดเขาที่โดดเดี่ยวอยู่บนท้องฟ้าโดยลำพังนี้ไม่อาจปีนขึ้นไปได้และห้ามใครขึ้นไปอย่างเป็นทางการ
จากที่ไม่เคยมีใครขึ้นไปถึงจุดสูงสุดของ Machhapuchare ทำให้ความสูงของมันเป็นหนึ่งในสถานที่ที่มีผู้มาเยี่ยมชมน้อยที่สุดในโลก แต่ในช่วงปลายทศวรรษ 1950 มีคณะนักสำรวจของอังกฤษได้ขึ้นเขาไปในระดับที่เข้าใกล้ยอดเขามากที่สุด (500 ฟุตจากยอดเขา) ก่อนที่จะทำเป็นคิดได้และหันหลังกลับลงมา โดยตกลงกับกษัตริย์ว่าพวกเขาจะไม่ก้าวขึ้นไปบนยอดอันศักดิ์สิทธิ์อีก
หลังจากนั้นจุดสูงสุดของ Machapuchare ยังคงไม่มีใครแตะต้อง ต่อมามีข่าวลือว่ามีชาวนิวซีแลนด์บางคนที่ชื่อ Bill Denz นักปีนเขาเดี่ยวที่ประสบความสำเร็จและมีทักษะได้ฝ่าฝืนโดยพยายามปีนเขาที่อันตรายนี้ และเป็นที่เชื่อกันอย่างกว้างขวางว่าเขาได้ขึ้น Machapuchare อย่างผิดกฎหมายในช่วงต้นทศวรรษ 1980 โดยกลายเป็นคนแรกที่ก้าวขึ้นสู่ยอดเขาศักดิ์สิทธิ์ได้ อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่เขาเสียชีวิตจากหิมะถล่มใน Mt.Manaslu ในเทือกเขาหิมาลัยในปี 1983 จึงไม่มีใครรู้เรื่องราวทั้งหมดว่าเป็นจริงหรือไม่
ภูเขา Machapuchare ของเนปาลที่ไม่อาจปีนได้ เป็นหนึ่งในสถานที่ที่มีผู้เยี่ยมชมน้อยที่สุดในโลก
Machapuchare โดดเด่นด้วยความสูงชันที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากที่ราบด้านล่าง โดยอยู่ห่างจากเมือง Pokhara กึ่งเขตร้อนอันเขียวขจีไปทางเหนือเพียง 24 กม. ซึ่งสูงกว่า 6,000 เมตรในเทือกเขา Annapurna ตอนกลางของเนปาลซึ่งมียอดเขาสูงที่สุด 3 ใน 10 ของโลก Machhapuchhare มีชื่อในภาษาเนปาลที่มีความหมายว่า ' Fishtail ' แม้ว่ามันอยู่ต่ำกว่า Mt. Everest อย่างมาก แต่ภูเขาแห่งนี้ก็เป็นยอดเขาที่มีชื่อเสียงพอๆ กับเทือกเขา Annapurna และ Mt.Manaslu ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากภูเขานี้มากนัก
เรื่องราวกำเนิดทางธรณีวิทยาของ Machapuchare นั้นก็เหมือนกับภูเขาอื่น ๆ ในเทือกเขาหิมาลัย โดยเกิดจากการชนกันของแผ่นเปลือกโลกอินเดียกับทวีปยูเรเชียนเมื่อ 50 ล้านปีก่อน โดยตั้งอยู่ภายในเทือกเขา Tethyan Himalayas ซึ่งเป็นภูมิภาคที่สร้างขึ้นจากการยกตัวของทะเล Tethys โบราณ ที่ครั้งหนึ่งเคยแยกแผ่นเปลือกโลกที่ชนกัน ที่นี่ ท่ามกลางภูเขาที่สูงที่สุดในโลก หุบเขาที่ห่างไกลอันเงียบสงบได้ซ่อนทรายที่วาววับและซากดึกดำบรรพ์ของสัตว์ทะเลที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดี ซึ่งอาศัยอยู่บนพื้นทะเลที่ลึกลงไปหลายพันฟุตเมื่อหลายล้านปีก่อน
ทั้งนี้ ตามบทความล่าสุดของเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก ระบุถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการปีนเขาที่เริ่มมีมากขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการจราจรหนาแน่นอย่าง Mt. Everest ซึ่งถูกทำลายโดยนักปีนเขาทั้งหมด ดังนั้น สถานะทางศาสนาอาจส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ Machapuchare เป็นภูเขาที่บริสุทธิ์เพียงแห่งเดียวที่เหลืออยู่ในเทือกเขาหิมาลัย
ปัจจุบัน Machapuchare อยู่ในเขตอนุรักษ์ Annapurna Conservation Area ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1992 ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเนปาล โดยครอบคลุมพื้นที่กว่า 7500 ตารางกิโลเมตรของภูมิประเทศที่น่าทึ่ง รวมถึงยอดเขา Annapurna 1 ที่สูง 8091 เมตร และหุบเขาแม่น้ำที่ลึกที่สุดในโลกคือ Kali Gandaki เป็นที่อยู่อาศัยของนก 474 สายพันธุ์ สัตว์เลื้อยคลาน 39 สายพันธุ์ สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ 22 สายพันธุ์ และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมกว่าร้อยชนิด
ยังมีพืชดอก 1226 สายพันธุ์ และป่า rhododendron ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ในช่วงสามทศวรรษจากที่ Denz ขึ้นยอดเขา ยอดเขา Machapuchare ยังคงโดดเดี่ยวและบริสุทธิ์ ในขณะที่ภูเขาอื่น ๆ เต็มไปด้วยขยะของมนุษย์และอุปกรณ์ที่ถูกทิ้งมากขึ้น ดังนั้น การห้ามปีนเขาจะทำให้ Machapuchare จะยังคงเป็นหนึ่งในสถานที่สุดท้ายบนโลกที่ไกลเกินกว่าที่จะเอื้อมถึงได้อย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตาม Machhapuchhare ได้เปิดรับการท่องเที่ยวบนภูเขาเช่นเดียวกับจุดสูงสุดของโลก Mt. Everest โดยมีฐานเล็กๆ ที่เรียกว่า Mardi Himal
ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2012 บนยอดเขาที่ความสูง 4,500 ม.ทางใต้ของ Machhapuchhare สำหรับเส้นทางเดินป่าระยะทางสั้น ๆ 40 กม. เป็นเวลา 5 วัน ซึ่งมีทิวทัศน์ที่ดีที่สุดและสามารถเข้าใกล้ Machhapuchhare ได้มากที่สุดด้วย
แม้ว่าการปีนขึ้นไปบนภูเขาจะถูกจำกัด เพราะถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของคนในท้องถิ่น แต่นักท่องเที่ยวและผู้มาเยือนจากทั่วทุกมุมโลกจะได้เห็นความงดงามแหล่งท่องเที่ยวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของภูเขานี้ ซึ่งมองเห็นได้จากทั้งสี่ทิศ คือ ทิศใต้จาก Pokhara ทิศตะวันตกจาก Ghandruk ด้านทิศเหนือจาก Annapurna Base Camp และด้านทิศตะวันออกจาก Bandipur ซึ่งพบได้ยากมากในยอดเขาส่วนใหญ่
Kali Gandaki หุบเขาแม่น้ำที่ลึกที่สุดในโลก
เขตอนุรักษ์อันนาปุรณะ (Annapurna Conservation Area)
ภูเขานั้นสร้างความตื่นตาตื่นใจและเป็นแรงบันดาลใจให้มนุษยชาติมาเป็นเวลาหลายพันปี โดยมีชุมชนหลายแห่งเชื่อมโยงความเชื่อทางศาสนาและวัฒนธรรมกับภูเขาที่รายล้อมอยู่ แม้ว่าภูเขาส่วนใหญ่ทั่วโลกจะดึงดูดนักปีนเขาและนักท่องเที่ยว แต่ก็ยังมีภูเขาที่ยังอยู่นอกขอบเขตกับกิจกรรมของมนุษย์ทั้งหมด ซึ่งนอกจาก Machapuchare แล้ว ภูเขาที่ถูกห้ามอื่นๆเช่น
Spider Rock
เป็นหินทรายยอดแหลมที่ตั้งอยู่ใน Apache County รัฐแอริโซนาในสหรัฐอเมริกา ภายในขอบเขตของอนุสาวรีย์แห่งชาติ Canyon de Chelly
ซึ่งเป็นอนุสรณ์สถานแห่งชาติที่ได้รับการคุ้มครอง ที่ถือเป็นลักษณะทางธรณีวิทยาที่โดดเด่นที่สุดของอนุสาวรีย์ ซึ่งสูง 750 ฟุตเหนือพื้นหุบเขาลึก ประเพณีนาวาโฮเชื่อว่า ยอดแหลมเป็นบ้านของ “Spider Grandmother” ดังนั้น การปีนผาแมงมุมจึงเป็นสิ่งต้องห้าม
นอกจากนั้นยังมีคำสั่งห้ามการปีนผาหินทุกรูปแบบทั่วประเทศนาวาโฮโดยเด็ดขาด
Shiprock
Shiprock เป็น monadnock ที่ตั้งอยู่ใน Navajo, San Juan County, New Mexico ในสหรัฐอเมริกา มีความสูง 7,177 ฟุตเหนือระดับน้ำทะเล
ภูเขานี้รู้จักกันในชื่อ Tse Bitai ในภาษาพื้นเมืองนาวาโฮ แปลว่า “หินที่มีปีก” ซึ่งมีการห้ามปีนเขาอย่างเข้มงวดและเด็ดขาด
โดยสมาชิกของชุมชนนาวาโฮให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อ Shiprock เนื่องจากภูเขาเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อดั้งเดิมของนาวาโฮ
Mount Kailash
ภูเขาไกรลาส ตั้งอยู่ในทิเบต ประเทศจีน อยู่ท่ามกลางเทือกเขาที่ประกอบเป็นเทือกเขา Kailash ของ Transhimalaya
ภูเขานี้ตั้งอยู่ใกล้แหล่งที่มาของแม่น้ำสายใหญ่ของเอเชีย เช่น แม่น้ำคงคา แม่น้ำสินธุและแม่น้ำสุทเลจ ภูเขาไกรลาส เป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์
ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของสี่ศาสนาหลัก ได้แก่ พุทธ ศาสนาเชน ศาสนาฮินดู และบอน (Bön ถือเป็นประเพณีทางศาสนาก่อนพุทธของทิเบต)
เนื่องจากความสำคัญทางศาสนาของภูเขา จึงมีการสั่งห้ามกิจกรรมปีนเขาทั้งหมดบนภูเขาไกรลาสอย่างเข้มงวดและสมบูรณ์
Cr.
https://ntnc.org.np/sites/default/files/doc_publication/
2019-08/Wild%20Mammals%20of%20the%20Annapurna%20Conservation%20Area.pdf
(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)
" Machhapuchare " ภูเขาต้องห้ามของโลก
จากที่ไม่เคยมีใครขึ้นไปถึงจุดสูงสุดของ Machhapuchare ทำให้ความสูงของมันเป็นหนึ่งในสถานที่ที่มีผู้มาเยี่ยมชมน้อยที่สุดในโลก แต่ในช่วงปลายทศวรรษ 1950 มีคณะนักสำรวจของอังกฤษได้ขึ้นเขาไปในระดับที่เข้าใกล้ยอดเขามากที่สุด (500 ฟุตจากยอดเขา) ก่อนที่จะทำเป็นคิดได้และหันหลังกลับลงมา โดยตกลงกับกษัตริย์ว่าพวกเขาจะไม่ก้าวขึ้นไปบนยอดอันศักดิ์สิทธิ์อีก
หลังจากนั้นจุดสูงสุดของ Machapuchare ยังคงไม่มีใครแตะต้อง ต่อมามีข่าวลือว่ามีชาวนิวซีแลนด์บางคนที่ชื่อ Bill Denz นักปีนเขาเดี่ยวที่ประสบความสำเร็จและมีทักษะได้ฝ่าฝืนโดยพยายามปีนเขาที่อันตรายนี้ และเป็นที่เชื่อกันอย่างกว้างขวางว่าเขาได้ขึ้น Machapuchare อย่างผิดกฎหมายในช่วงต้นทศวรรษ 1980 โดยกลายเป็นคนแรกที่ก้าวขึ้นสู่ยอดเขาศักดิ์สิทธิ์ได้ อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่เขาเสียชีวิตจากหิมะถล่มใน Mt.Manaslu ในเทือกเขาหิมาลัยในปี 1983 จึงไม่มีใครรู้เรื่องราวทั้งหมดว่าเป็นจริงหรือไม่
เรื่องราวกำเนิดทางธรณีวิทยาของ Machapuchare นั้นก็เหมือนกับภูเขาอื่น ๆ ในเทือกเขาหิมาลัย โดยเกิดจากการชนกันของแผ่นเปลือกโลกอินเดียกับทวีปยูเรเชียนเมื่อ 50 ล้านปีก่อน โดยตั้งอยู่ภายในเทือกเขา Tethyan Himalayas ซึ่งเป็นภูมิภาคที่สร้างขึ้นจากการยกตัวของทะเล Tethys โบราณ ที่ครั้งหนึ่งเคยแยกแผ่นเปลือกโลกที่ชนกัน ที่นี่ ท่ามกลางภูเขาที่สูงที่สุดในโลก หุบเขาที่ห่างไกลอันเงียบสงบได้ซ่อนทรายที่วาววับและซากดึกดำบรรพ์ของสัตว์ทะเลที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดี ซึ่งอาศัยอยู่บนพื้นทะเลที่ลึกลงไปหลายพันฟุตเมื่อหลายล้านปีก่อน
ทั้งนี้ ตามบทความล่าสุดของเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก ระบุถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการปีนเขาที่เริ่มมีมากขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการจราจรหนาแน่นอย่าง Mt. Everest ซึ่งถูกทำลายโดยนักปีนเขาทั้งหมด ดังนั้น สถานะทางศาสนาอาจส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ Machapuchare เป็นภูเขาที่บริสุทธิ์เพียงแห่งเดียวที่เหลืออยู่ในเทือกเขาหิมาลัย
2019-08/Wild%20Mammals%20of%20the%20Annapurna%20Conservation%20Area.pdf
(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)