หมอแล็บแพนด้า เครียด เคสป่วยโควิดช่วยไม่ทันดับพรึ่บ เล็งพบจิตแพทย์
https://www.amarintv.com/news/detail/87048
หมอแล็บแพนด้า เครียดหนัก คนขอความช่วยเหลือป่วยโควิดแต่ไร้เตียงทะลักจนรับมือไม่ทัน เจอแจ้งตายเพียบ เล็งพบจิตแพทย์เร็วๆ นี้
เป็นอีกบุคคลที่มีบทบาทสำคัญในการรับมือการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 สำหรับ
หมอแล็บ แพนด้า หรือ
ภาคภูมิ เดชหัสดิน นักเทคนิคการแพทย์ชื่อดัง ที่ทั้งควักเงินส่วนตัวหลายล้าน เอารถออกตรวจโควิดฟรี ช่วยประชาชน รวมถึงการเปิดเพจรับเรื่องร้องทุกข์ แจ้งเคสผู้ป่วยหาเตียง
แต่ล่าสุด ดูเหมือนหมอแล็บจะตกอยู่ในสภาวะเครียดอย่างหนัก หลังยอดผู้ติดเชื้อรายวันพุ่งขึ้นนิวไฮต่อเนื่อง จากเคสที่ส่งข้อความมาขอความช่วยเหลือ กลายเป็นแจ้งเหตุเพิ่มเติมว่าเสียชีวิตแล้ว โดยวันนี้ (1 ก.ค.64) หมอแล็บได้เปิดแชท 1 ในผู้ร้องทุกข์ ที่ทักมาแจ้งความคืบหน้าว่า
"หมอแลปคะ ขอบคุณที่อ่านข้อความหนูค่ะ ตอนนี้ไม่ต้องแล้วค่ะคุณลุงสิ้นใจแล้วค่ะ"
โดยหมอแล็บระบุแคปชั่นว่า
"ขอแสดงความเสียใจกับทุกครอบครัวที่สูญเสียคนที่รักไป เนื่องจากไม่มีเตียงรักษานะครับ เราช่วยกันเต็มที่แล้วจริงๆ"
นอกจากนี้ยังมีเคสอื่นๆ ที่
หมอแล็บแคปมาแปะไว้ในคอมเมนท์ ที่แสดงให้เห็นว่าสถานการณ์ระบาดของเชื้อไวรัสในบ้านเราตอนนี้รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งเคสหนักและเสียชีวิต รวมถึงการขาดแคลนเตียงรักษา
แต่ที่น่าเป็นห่วงไม่แพ้กันคือสภาพจิตใจของหมอแล็บ ที่ต้องรับเรื่องเคสผู้เสียชีวิตจากการช่วยเหลือไม่ทัน โดยมีคอมเมนท์หนึ่งที่หมอแล็บระบุว่า
"เดือนหน้าผมว่าผมจะพบจิตแพทย์ครับ แย่ๆ"
https://www.facebook.com/MTlikesara/posts/354998745983594
https://www.facebook.com/MTlikesara/posts/354998745983594?comment_id=355002955983173
สุดสลด! หญิงวัย 57 ป่วยโควิด ดับในบ้าน พ่อวัย 84 ทำใจไม่ได้ดิ่งตึกเสียชีวิตตาม
https://www.matichon.co.th/local/news_2806609
เมื่อเวลา 05.00 น. วันที่ 2 กรกฎาคม ร.ต.อ.
รัฐพล สุวรรณรัฐ รอง สว.(สอบสวน) สน.พญาไท รับแจ้งเหตุมีผู้ตกจากที่สูงเสียชีวิต 1 ราย และมีผู้เสียชีวิตในบ้านอีก 1 ราย ภายในอาคารแห่งหนึ่ง ซอยพญานาค ถนนบรรทัดทอง แขวงถนนเพชรบุรี เขตราชเทวี กรุงเทพฯ จึงรุดไปตรวจสอบ พร้อม เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) แพทย์ รพ.รามาธิบดี และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุลักษณะเป็นอาคารพาณิชย์ ความสูง 3 ชั้น ที่บริเวณหน้าอาคารดังกล่าวพบศพชาย 1 ราย ทราบชื่อต่อมา นาย
เป็งกี สงวนนามสกุล อายุ 84 ปี ชาวจีน สภาพนอนหงาย สวมเสื้อแขนสั้น สีขาว กางเกงขายาว สีดำ มีบาดแผลถูกกระแทกที่ศีรษะ ตรวจสอบภายในบ้านพบศพหญิง 1 ราย ทราบชื่อต่อมา น.ส.
ปราณี หัฐฐะ สงวนนามสกุล อายุ 57 ปี ลูกสาวของนาย
เป็งกี ซึ่งเป็นผู้ป่วยติดเตียง และเป็นผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ทางเจ้าหน้าที่จึงปิดกั้นพื้นที่ และใช้ชุดปฏิบัติการเฉพาะทาง เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ
จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุนาย
เป็งกี น่าจะเกิดอาการโศกเศร้า เนื่องจาก น.ส.
ปราณี ซึ่งเป็นลูกสาวที่ป่วยติดเตียงและเป็นผู้ป่วยโควิด ได้เสียชีวิตอยู่ภายในบ้าน จึงตัดสินใจกระโดดลงมาจากชั้น 2 ของอาคารเสียชีวิต เบื้องต้น ญาติไม่ติดใจการเสียชีวิต
หลังจากนี้ เจ้าหน้าที่จะทำการสอบปากคำเพิ่มเติม ส่วนศพนายเป็งกี ทางแพทย์ได้ทำการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธีสว็อบ ผลไม่มีเชื้อ เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญูได้ส่งชันสูตรอย่างละเอียดที่ รพ.รามาธิบดี เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิต และตรวจสอบว่านายเป็งกี ติดเชื้อโควิดด้วยหรือไม่ ส่วนศพ น.ส.
ปราณี ได้นำส่งไปประกอบพิธีที่วัดอภัยทายาราม (วัดมะกอก) ตามประสงค์ของญาติต่อไป
ติดโควิดยกบ้าน 7 ชีวิต เหลือ 6 คนยังนอนรอเตียง พ่อวัย 63 อาการเริ่มแย่ แน่นหน้าอกหายใจลำบาก
https://ch3plus.com/news/program/247084
วันที่ 1 ก.ค.2564 ทีมข่าวเรื่องเล่าเช้านี้ได้รับแจ้งนาย
สุรชัย (สงวนนามสกุล) หรือ คุณ
จิ๊บ อายุ 39 ปี เผยว่า ตนเองอาศัยอยู่ในชุมชนนครไชยศรี เขตดุสิต กับภรรยา, ลูกสาว 3 คน (ฝาแฝดอายุ 17 ปี และน้องอายุ 7 ปี) , แม่อายุ 66 ปี, พ่ออายุ 63 ปี ตอนนี้มีอาการเหนื่อยหอบแน่นหน้าอก หายใจลำบาก ไอ มีไข้ ทานอาหารไม่ได้ ในบ้านรวม 7 คน ติดเชื้อโควิดทั้งหมด
โดยภรรยาของนาย
สุรชัย ถูกส่งตัวเข้ารับการการรักษาแล้ว ส่วนอีก 6 คน ยังไม่ได้รับการรักษา ติดต่อไปยังหน่ายงานต่าง ๆ บอกให้รอก่อนจะมารับ แต่ก็ไม่เห็นมีหน่วยงานไหนมารับ ได้แต่นอนรออยู่ในห้องเช่า กินฟ้าทะลายโจร น้ำขิง กระชายขาว ระหว่างรอให้รถพยาบาลมารับ ประธานชุมชนและคนในชุมชนช่วยกันส่งข้าว ส่งน้ำ นำไปแขวนไว้ใกล้กับห้องเช่า แล้วให้นาย
สุรชัย ออกมารับ เพราะออกไปข้างนอกไม่ได้เนื่องจากเป็นผู้ติดเชื้อ หวั่นนำเชื้อไปแพร่กระจาย
นาย
สุรชัย เล่าว่า สาเหตุเกิดจากภรรยารับเชื้อมาจากคนที่ทำงานแล้วนำเชื้อมาแพร่กระจาย โดยภรรยาทราบว่าตนเองติดโควิดช่วงวันที่ 2 มิ.ย. จากนั้นภรรยาจึงแยกกันอยู่กับคนในครอบครัว ต่อมาวันที่ 27 มิ.ย. ตนพร้อมด้วยพ่อ แม่ ลูกสาวอีก 3 คน ได้ไปตรวจหาเชื้อโควิดที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ผลออกวันที่ 29 มิ.ย. เป็นบวกทั้งหมด หลังทราบผลตนแยกอยู่กับลุกสาวคนเล็ก ลูกอายุ 17 ปี 2 คน อยู่อีกห้องหนึ่ง ส่วนพ่อแม่แยกไปอยู่อีกห้องหนึ่ง
ทั้งนี้พยายามติดต่อไปยังหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อประสานของเตียงจัดรถมารับตัวไปรักษา แต่ไม่มีเตียงรองรับ ล่าสุดมีหน่วยงานหนึ่งโทรมาบอกว่า ทั้ง 6 คน ได้เตียงแล้วที่โรงพยาบลบุษราคัม ในอาคารชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี เร็วสุดวันนี้ (2 ก.ค.) จะนำรถมารับ
ผู้สื่อข่าวลงพื้นชุมชนดังกล่าว พบว่า บ้านเช่าที่นาย
สุรชัย และครอบครัวอาศัยอยูเป็น 2 ชั้น โดยนายครอบครัวของนายสุรชัย อยู่ชั้น 2 แบ่งออกเป็น 8 ห้อง โดยนายสุรชัย เช่าอยู่กับครอบครัว 3 ห้อง ส่วนห้องเช่าอื่น ๆ 2-3 ราย ก็ติดโควิดเช่นกันได้ไปรักษาแล้ว ส่วนห้องที่ไม่ติดโควิดปิดประตูสนิทไม่เดินผ่านหรือเข้าใกล้ห้องของผู้ป่วย ขณะที่ชั้นล่างของห้องเช่าต่างป้องกันตัวเองอย่างเข้มงวด
นาย
กอบเกื้อ พงษ์โบกุล ประธานชุมชนนครไชยศรี กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตนพยายามแจ้งไปยังสำนักงานเขตดุสิต ศูนย์สาธารณสุขในพื้นที่ ก็ได้รับคำตอบว่า “
รอก่อน” กระทั่งผ่านไป 4 วัน จึงจะมารับภรรยาของนายสุรชัย ไปรักษา ส่วน 6 คน ซึ่งเป็นคนในครอบครัวของนายสุรชัย
หากยังไม่มีหน่วยงานไหนรีบมารับเกรงว่าสถานการณ์จะยิ่งบานปลาย เนื่องจากขณะนี้คนในชุมชนหลายรายเริ่มติดเชื้อโควิด คาดว่ากลุ่มที่ติดเชื้อน่าจะคลุกคลีกัน จึงทำให้เชื้ออกระจาย ตอนนี้คนในชุมชนต่างพากันกลัว โดยเฉพาะคนที่อาศัยอยู่บ้านเช่าหลังเดียวกันกับกลุ่มผู้ป่วยโควิด ชาวบ้านบางคนสัมผัสใกล้ชิดได้ไปตรวจหาเชื้อ กลับกักตัว 14 วัน แล้วจะไปตรวจซ้ำอีกครั้ง
นอกจากนี้พบว่ามีคนในชุมชนเป็นเป็นผู้หญิงอายุ 21 ปี อยู่ห้องเช่าอีกหลังหลังหนึ่ง ติดโควิด-19 ประสานโรงพยาบาลฯ ไว้แล้วรอรถมารับไปรักษา ซึ่งทางโรงพยาบาลแจ้งว่ารออีก 2 วัน จะมารับ ตอนนี้อยู่ในสถานะรอเตียง ทำให้ผู้ป่วยโควิดรายนี้กักตัวอย่ในห้องเช่าคนเดียว ขณะที่ห้องเช่าแห่งนี้ลักษณะเป็นบ้าน 2 ชั้น ทำเป็นห้องให้เช่ามากกว่า 20 ห้อง ชั้นห้องน้ำร่วมกัน ส่วนหญิงวัย 21 ปี พักอยู่ชั้นล่าง มีการนำกระดาษไปติดไว้แยกห้องน้ำสำหรับผู้ป่วย
พี่สาวของหญิงวัย 21 ปี คนดังกล่าว เผยว่า น้องสาวพักอยู่ห้องเดียวกับพ่อ ก่อนหน้านี้หลังทราบว่าคนในชุมชนติดเชื้อ น้องสาวเริ่มมีอาการไอ เหนื่อยหอบ ตนจึงให้น้องสาวไปตรวจผลออกมาเป็นบวก คาดว่าน่าจะได้รับเชื้อมาจากคนในชุมชน จากนั้นจึงให้พ่อแยกมาอยู่อีกห้องแล้วให้พ่อไปตรวจหาเชื้อ แต่แจ้งกลับมาว่า
“ตัวอย่างที่เก็บมาแปรผลได้ไม่ชัดเจน ต้องไปให้เก็บตัวอย่างตรวจใหม่” ส่วนตนเองแม้จะอาศัยอยู่อีกห้องแต่สัมผัสใกล้ชิดกัน เป็นกลุ่มเสี่ยงก็ต้องไปตรวจเช่นกัน
'พิธา' เสนอยุบทิ้ง ศบค.-ปรับ ครม. เตือนระวังน้ำตาตกถึงพื้นลุกเป็นไฟ
https://www.matichon.co.th/politics/news_2806188
‘พิธา’ เสนอยุบทิ้ง ศบค.-ปรับ ครม. เตือนระวังน้ำตาตกถึงพื้นลุกเป็นไฟ
เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนาย
ชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม ตัวแทน ส.ส.จากหลายพรรคการเมืองทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล ได้เสนอญัตติด่วนด้วยวาจา ขอให้สภาพิจารณาหามาตรการและแนวทางในการแก้ไขปัญหาและผลกระทบจากการระบาดโควิดและจากการบริหารจัดการของ ศบค.รวมทั้งช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบ รวมทั้งหมด 6 ญัตติ โดยเป็นพรรคเพื่อไทย 2 ญัตติ ก้าวไกล ภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์ เสรีรวมไทย พรรคละ 1 ญัตติ
นาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า ขอเสนอญัตติให้ยุบ ศบค. เพื่อส่งให้รัฐบาลพิจารณาต่อไป ขณะนี้คนไทยมีสถิติฆ่าตัวตาย 90 นาทีต่อ 1 คน มากสุดรอบ 20 ปี ต้องใช้น้ำตาอีกกี่หยด ชีวิตคนไทยอีกกี่คนกว่านายกฯจะได้ยินเสียงร้องไห้คนไทย วันนี้ประเทศไทยแย่กว่าสหรัฐ อินเดีย และแย่กว่าค่าเฉลี่ยเอเชียถึง 2 เท่า เหตุผลที่ต้องยื่นญัตติด่วนยุบ ศบค. เพื่อกลับมาสู่กลไกลปกติ เพราะจะมีไว้ทำไม ให้รัฐซ้อนรัฐ งบซ้อนงบ มีการสื่อสารสับสนอลหม่าน ตัดสินใจช้าสายเกินไปตลอด ยุบ ศบค.ไป ต้องปรับ ครม.ด้วย หารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมาติดต่อต่างประเทศหาวัคซีนเข้าประเทศ หารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเก่งๆ หาวิธีตรึงคนในพื้นที่ ไม่ใช่กระจายความเสี่ยงจาก กทม.ไปภูมิลำเนา หารัฐมนตรีว่า การกระทรวงสาธารณสุขที่รู้เรื่องระบบสาธารณสุขจริง และหารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มาช่วยเรื่องเยียวยาประชาชนให้ครอบคลุมทุกกลุ่ม ถึงเวลาต้องเอาคนรุ่นใหม่มาทำงาน
นาย
พิธากล่าวว่า วันนี้ถึงเวลาที่ต้องเอาจริงเอาจังแก้ปัญหายุบ ศบค. ปรับ ครม. อยู่มา 2 ปีกับ ครม.ที่ไม่มีประสิทธิภาพทั้งวิกฤตวัคซีน เศรษฐกิจ เมื่อได้ ครม.ชุดใหม่ ปัญหาคอขวดแรกที่ต้องทลายคือ ระบบสาธารณสุข ขณะนี้แม้มีวัคซีนไฟเซอร์มากองอยู่ ก็แก้ปัญหาไม่ทัน ขนาดรองปลัดกระทรวงสาธารณสุขต้องร้องไห้ มีวิธีแก้ 4 ข้อ คือ
1. สกรีนแยกผู้ป่วยจากชุมชนให้เร็วที่สุดด้วยการตรวจด้วยเครื่องแอนติเจนทุก 3 วัน ปูพรมตรวจด้วยเครื่องแอนติเจนทั้งประเทศ
2. ตั้งโรงพยาบาลแรกรับ แม้มีโรงพยาบาลว่าง แต่อยู่คนละสังกัด จึงไม่ส่งข้ามกัน
3. มีมาตรการที่ปฏิบัติได้จริง ให้ยาไปหาคนไข้
4. การอัพเกรดห้องพยาบาล ให้มีเตียง มีอุปกรณ์ให้พร้อม ไม่ใช่ได้งบไป 1 หมื่นล้านบาท แต่เพิ่งซื้อเครื่องช่วยหายใจได้แค่ 37 เครื่อง
ส่วนการเยียวยาต้องเยียวยาถ้วนหน้า เป็นเงินสด ยกเลิกแบบเป็นแอพพลิเคชั่นให้มาเสี่ยงโชคกัน หรือหากใครลดค่าเช่า ก็ให้มาหักภาษีย้อนหลังได้ และคอขวดที่ต้องทลายอีกคือ คอขวดวัคซีน ขณะนี้ต้องเร่งหาวัคซีน mRNA 1-2 แสนโดส ให้บุคลากรสาธารณสุขด่านหน้า ป้องกันไม่ให้ติดเชื้อ
ฝากส่งท้ายว่า ถ้าไม่ยุบ ศบค.ไม่ปรับ ครม. ก็ถึงเวลาต้องถอยให้คนรุ่นใหม่เข้ามาบริหาร ทุกคนรักครอบครัวตัวเอง ถ้าท่านรักครอบครัวของท่าน ให้กลับไปดูแลครอบครัวท่าน ให้คนรุ่นใหม่มาแก้ปัญหา น้ำตาคนไหลมาเป็นน้ำ แต่ถ้าตกถึงพื้นที่ก็ลุกเป็นไฟได้เช่นกัน
JJNY : หมอแล็บเครียด│หญิงป่วยโควิดดับ พ่อดิ่งตึก│ติดโควิดยกบ้าน7ชีวิต│พิธาเสนอยุบศบค.-ปรับครม.│สัญญาณหนี้เสียธุรกิจพุ่ง
https://www.amarintv.com/news/detail/87048
หมอแล็บแพนด้า เครียดหนัก คนขอความช่วยเหลือป่วยโควิดแต่ไร้เตียงทะลักจนรับมือไม่ทัน เจอแจ้งตายเพียบ เล็งพบจิตแพทย์เร็วๆ นี้
เป็นอีกบุคคลที่มีบทบาทสำคัญในการรับมือการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 สำหรับ หมอแล็บ แพนด้า หรือ ภาคภูมิ เดชหัสดิน นักเทคนิคการแพทย์ชื่อดัง ที่ทั้งควักเงินส่วนตัวหลายล้าน เอารถออกตรวจโควิดฟรี ช่วยประชาชน รวมถึงการเปิดเพจรับเรื่องร้องทุกข์ แจ้งเคสผู้ป่วยหาเตียง
แต่ล่าสุด ดูเหมือนหมอแล็บจะตกอยู่ในสภาวะเครียดอย่างหนัก หลังยอดผู้ติดเชื้อรายวันพุ่งขึ้นนิวไฮต่อเนื่อง จากเคสที่ส่งข้อความมาขอความช่วยเหลือ กลายเป็นแจ้งเหตุเพิ่มเติมว่าเสียชีวิตแล้ว โดยวันนี้ (1 ก.ค.64) หมอแล็บได้เปิดแชท 1 ในผู้ร้องทุกข์ ที่ทักมาแจ้งความคืบหน้าว่า
"หมอแลปคะ ขอบคุณที่อ่านข้อความหนูค่ะ ตอนนี้ไม่ต้องแล้วค่ะคุณลุงสิ้นใจแล้วค่ะ"
โดยหมอแล็บระบุแคปชั่นว่า
"ขอแสดงความเสียใจกับทุกครอบครัวที่สูญเสียคนที่รักไป เนื่องจากไม่มีเตียงรักษานะครับ เราช่วยกันเต็มที่แล้วจริงๆ"
นอกจากนี้ยังมีเคสอื่นๆ ที่หมอแล็บแคปมาแปะไว้ในคอมเมนท์ ที่แสดงให้เห็นว่าสถานการณ์ระบาดของเชื้อไวรัสในบ้านเราตอนนี้รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งเคสหนักและเสียชีวิต รวมถึงการขาดแคลนเตียงรักษา
แต่ที่น่าเป็นห่วงไม่แพ้กันคือสภาพจิตใจของหมอแล็บ ที่ต้องรับเรื่องเคสผู้เสียชีวิตจากการช่วยเหลือไม่ทัน โดยมีคอมเมนท์หนึ่งที่หมอแล็บระบุว่า
"เดือนหน้าผมว่าผมจะพบจิตแพทย์ครับ แย่ๆ"
https://www.facebook.com/MTlikesara/posts/354998745983594
https://www.facebook.com/MTlikesara/posts/354998745983594?comment_id=355002955983173
สุดสลด! หญิงวัย 57 ป่วยโควิด ดับในบ้าน พ่อวัย 84 ทำใจไม่ได้ดิ่งตึกเสียชีวิตตาม
https://www.matichon.co.th/local/news_2806609
เมื่อเวลา 05.00 น. วันที่ 2 กรกฎาคม ร.ต.อ.รัฐพล สุวรรณรัฐ รอง สว.(สอบสวน) สน.พญาไท รับแจ้งเหตุมีผู้ตกจากที่สูงเสียชีวิต 1 ราย และมีผู้เสียชีวิตในบ้านอีก 1 ราย ภายในอาคารแห่งหนึ่ง ซอยพญานาค ถนนบรรทัดทอง แขวงถนนเพชรบุรี เขตราชเทวี กรุงเทพฯ จึงรุดไปตรวจสอบ พร้อม เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) แพทย์ รพ.รามาธิบดี และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุลักษณะเป็นอาคารพาณิชย์ ความสูง 3 ชั้น ที่บริเวณหน้าอาคารดังกล่าวพบศพชาย 1 ราย ทราบชื่อต่อมา นายเป็งกี สงวนนามสกุล อายุ 84 ปี ชาวจีน สภาพนอนหงาย สวมเสื้อแขนสั้น สีขาว กางเกงขายาว สีดำ มีบาดแผลถูกกระแทกที่ศีรษะ ตรวจสอบภายในบ้านพบศพหญิง 1 ราย ทราบชื่อต่อมา น.ส. ปราณี หัฐฐะ สงวนนามสกุล อายุ 57 ปี ลูกสาวของนายเป็งกี ซึ่งเป็นผู้ป่วยติดเตียง และเป็นผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ทางเจ้าหน้าที่จึงปิดกั้นพื้นที่ และใช้ชุดปฏิบัติการเฉพาะทาง เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ
จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุนายเป็งกี น่าจะเกิดอาการโศกเศร้า เนื่องจาก น.ส.ปราณี ซึ่งเป็นลูกสาวที่ป่วยติดเตียงและเป็นผู้ป่วยโควิด ได้เสียชีวิตอยู่ภายในบ้าน จึงตัดสินใจกระโดดลงมาจากชั้น 2 ของอาคารเสียชีวิต เบื้องต้น ญาติไม่ติดใจการเสียชีวิต
หลังจากนี้ เจ้าหน้าที่จะทำการสอบปากคำเพิ่มเติม ส่วนศพนายเป็งกี ทางแพทย์ได้ทำการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธีสว็อบ ผลไม่มีเชื้อ เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญูได้ส่งชันสูตรอย่างละเอียดที่ รพ.รามาธิบดี เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิต และตรวจสอบว่านายเป็งกี ติดเชื้อโควิดด้วยหรือไม่ ส่วนศพ น.ส.ปราณี ได้นำส่งไปประกอบพิธีที่วัดอภัยทายาราม (วัดมะกอก) ตามประสงค์ของญาติต่อไป
ติดโควิดยกบ้าน 7 ชีวิต เหลือ 6 คนยังนอนรอเตียง พ่อวัย 63 อาการเริ่มแย่ แน่นหน้าอกหายใจลำบาก
https://ch3plus.com/news/program/247084
วันที่ 1 ก.ค.2564 ทีมข่าวเรื่องเล่าเช้านี้ได้รับแจ้งนายสุรชัย (สงวนนามสกุล) หรือ คุณจิ๊บ อายุ 39 ปี เผยว่า ตนเองอาศัยอยู่ในชุมชนนครไชยศรี เขตดุสิต กับภรรยา, ลูกสาว 3 คน (ฝาแฝดอายุ 17 ปี และน้องอายุ 7 ปี) , แม่อายุ 66 ปี, พ่ออายุ 63 ปี ตอนนี้มีอาการเหนื่อยหอบแน่นหน้าอก หายใจลำบาก ไอ มีไข้ ทานอาหารไม่ได้ ในบ้านรวม 7 คน ติดเชื้อโควิดทั้งหมด
โดยภรรยาของนายสุรชัย ถูกส่งตัวเข้ารับการการรักษาแล้ว ส่วนอีก 6 คน ยังไม่ได้รับการรักษา ติดต่อไปยังหน่ายงานต่าง ๆ บอกให้รอก่อนจะมารับ แต่ก็ไม่เห็นมีหน่วยงานไหนมารับ ได้แต่นอนรออยู่ในห้องเช่า กินฟ้าทะลายโจร น้ำขิง กระชายขาว ระหว่างรอให้รถพยาบาลมารับ ประธานชุมชนและคนในชุมชนช่วยกันส่งข้าว ส่งน้ำ นำไปแขวนไว้ใกล้กับห้องเช่า แล้วให้นายสุรชัย ออกมารับ เพราะออกไปข้างนอกไม่ได้เนื่องจากเป็นผู้ติดเชื้อ หวั่นนำเชื้อไปแพร่กระจาย
นายสุรชัย เล่าว่า สาเหตุเกิดจากภรรยารับเชื้อมาจากคนที่ทำงานแล้วนำเชื้อมาแพร่กระจาย โดยภรรยาทราบว่าตนเองติดโควิดช่วงวันที่ 2 มิ.ย. จากนั้นภรรยาจึงแยกกันอยู่กับคนในครอบครัว ต่อมาวันที่ 27 มิ.ย. ตนพร้อมด้วยพ่อ แม่ ลูกสาวอีก 3 คน ได้ไปตรวจหาเชื้อโควิดที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ผลออกวันที่ 29 มิ.ย. เป็นบวกทั้งหมด หลังทราบผลตนแยกอยู่กับลุกสาวคนเล็ก ลูกอายุ 17 ปี 2 คน อยู่อีกห้องหนึ่ง ส่วนพ่อแม่แยกไปอยู่อีกห้องหนึ่ง
ทั้งนี้พยายามติดต่อไปยังหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อประสานของเตียงจัดรถมารับตัวไปรักษา แต่ไม่มีเตียงรองรับ ล่าสุดมีหน่วยงานหนึ่งโทรมาบอกว่า ทั้ง 6 คน ได้เตียงแล้วที่โรงพยาบลบุษราคัม ในอาคารชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี เร็วสุดวันนี้ (2 ก.ค.) จะนำรถมารับ
ผู้สื่อข่าวลงพื้นชุมชนดังกล่าว พบว่า บ้านเช่าที่นายสุรชัย และครอบครัวอาศัยอยูเป็น 2 ชั้น โดยนายครอบครัวของนายสุรชัย อยู่ชั้น 2 แบ่งออกเป็น 8 ห้อง โดยนายสุรชัย เช่าอยู่กับครอบครัว 3 ห้อง ส่วนห้องเช่าอื่น ๆ 2-3 ราย ก็ติดโควิดเช่นกันได้ไปรักษาแล้ว ส่วนห้องที่ไม่ติดโควิดปิดประตูสนิทไม่เดินผ่านหรือเข้าใกล้ห้องของผู้ป่วย ขณะที่ชั้นล่างของห้องเช่าต่างป้องกันตัวเองอย่างเข้มงวด
นายกอบเกื้อ พงษ์โบกุล ประธานชุมชนนครไชยศรี กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตนพยายามแจ้งไปยังสำนักงานเขตดุสิต ศูนย์สาธารณสุขในพื้นที่ ก็ได้รับคำตอบว่า “รอก่อน” กระทั่งผ่านไป 4 วัน จึงจะมารับภรรยาของนายสุรชัย ไปรักษา ส่วน 6 คน ซึ่งเป็นคนในครอบครัวของนายสุรชัย
หากยังไม่มีหน่วยงานไหนรีบมารับเกรงว่าสถานการณ์จะยิ่งบานปลาย เนื่องจากขณะนี้คนในชุมชนหลายรายเริ่มติดเชื้อโควิด คาดว่ากลุ่มที่ติดเชื้อน่าจะคลุกคลีกัน จึงทำให้เชื้ออกระจาย ตอนนี้คนในชุมชนต่างพากันกลัว โดยเฉพาะคนที่อาศัยอยู่บ้านเช่าหลังเดียวกันกับกลุ่มผู้ป่วยโควิด ชาวบ้านบางคนสัมผัสใกล้ชิดได้ไปตรวจหาเชื้อ กลับกักตัว 14 วัน แล้วจะไปตรวจซ้ำอีกครั้ง
นอกจากนี้พบว่ามีคนในชุมชนเป็นเป็นผู้หญิงอายุ 21 ปี อยู่ห้องเช่าอีกหลังหลังหนึ่ง ติดโควิด-19 ประสานโรงพยาบาลฯ ไว้แล้วรอรถมารับไปรักษา ซึ่งทางโรงพยาบาลแจ้งว่ารออีก 2 วัน จะมารับ ตอนนี้อยู่ในสถานะรอเตียง ทำให้ผู้ป่วยโควิดรายนี้กักตัวอย่ในห้องเช่าคนเดียว ขณะที่ห้องเช่าแห่งนี้ลักษณะเป็นบ้าน 2 ชั้น ทำเป็นห้องให้เช่ามากกว่า 20 ห้อง ชั้นห้องน้ำร่วมกัน ส่วนหญิงวัย 21 ปี พักอยู่ชั้นล่าง มีการนำกระดาษไปติดไว้แยกห้องน้ำสำหรับผู้ป่วย
พี่สาวของหญิงวัย 21 ปี คนดังกล่าว เผยว่า น้องสาวพักอยู่ห้องเดียวกับพ่อ ก่อนหน้านี้หลังทราบว่าคนในชุมชนติดเชื้อ น้องสาวเริ่มมีอาการไอ เหนื่อยหอบ ตนจึงให้น้องสาวไปตรวจผลออกมาเป็นบวก คาดว่าน่าจะได้รับเชื้อมาจากคนในชุมชน จากนั้นจึงให้พ่อแยกมาอยู่อีกห้องแล้วให้พ่อไปตรวจหาเชื้อ แต่แจ้งกลับมาว่า “ตัวอย่างที่เก็บมาแปรผลได้ไม่ชัดเจน ต้องไปให้เก็บตัวอย่างตรวจใหม่” ส่วนตนเองแม้จะอาศัยอยู่อีกห้องแต่สัมผัสใกล้ชิดกัน เป็นกลุ่มเสี่ยงก็ต้องไปตรวจเช่นกัน
'พิธา' เสนอยุบทิ้ง ศบค.-ปรับ ครม. เตือนระวังน้ำตาตกถึงพื้นลุกเป็นไฟ
https://www.matichon.co.th/politics/news_2806188
‘พิธา’ เสนอยุบทิ้ง ศบค.-ปรับ ครม. เตือนระวังน้ำตาตกถึงพื้นลุกเป็นไฟ
เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม ตัวแทน ส.ส.จากหลายพรรคการเมืองทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล ได้เสนอญัตติด่วนด้วยวาจา ขอให้สภาพิจารณาหามาตรการและแนวทางในการแก้ไขปัญหาและผลกระทบจากการระบาดโควิดและจากการบริหารจัดการของ ศบค.รวมทั้งช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบ รวมทั้งหมด 6 ญัตติ โดยเป็นพรรคเพื่อไทย 2 ญัตติ ก้าวไกล ภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์ เสรีรวมไทย พรรคละ 1 ญัตติ
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า ขอเสนอญัตติให้ยุบ ศบค. เพื่อส่งให้รัฐบาลพิจารณาต่อไป ขณะนี้คนไทยมีสถิติฆ่าตัวตาย 90 นาทีต่อ 1 คน มากสุดรอบ 20 ปี ต้องใช้น้ำตาอีกกี่หยด ชีวิตคนไทยอีกกี่คนกว่านายกฯจะได้ยินเสียงร้องไห้คนไทย วันนี้ประเทศไทยแย่กว่าสหรัฐ อินเดีย และแย่กว่าค่าเฉลี่ยเอเชียถึง 2 เท่า เหตุผลที่ต้องยื่นญัตติด่วนยุบ ศบค. เพื่อกลับมาสู่กลไกลปกติ เพราะจะมีไว้ทำไม ให้รัฐซ้อนรัฐ งบซ้อนงบ มีการสื่อสารสับสนอลหม่าน ตัดสินใจช้าสายเกินไปตลอด ยุบ ศบค.ไป ต้องปรับ ครม.ด้วย หารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมาติดต่อต่างประเทศหาวัคซีนเข้าประเทศ หารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเก่งๆ หาวิธีตรึงคนในพื้นที่ ไม่ใช่กระจายความเสี่ยงจาก กทม.ไปภูมิลำเนา หารัฐมนตรีว่า การกระทรวงสาธารณสุขที่รู้เรื่องระบบสาธารณสุขจริง และหารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มาช่วยเรื่องเยียวยาประชาชนให้ครอบคลุมทุกกลุ่ม ถึงเวลาต้องเอาคนรุ่นใหม่มาทำงาน
นายพิธากล่าวว่า วันนี้ถึงเวลาที่ต้องเอาจริงเอาจังแก้ปัญหายุบ ศบค. ปรับ ครม. อยู่มา 2 ปีกับ ครม.ที่ไม่มีประสิทธิภาพทั้งวิกฤตวัคซีน เศรษฐกิจ เมื่อได้ ครม.ชุดใหม่ ปัญหาคอขวดแรกที่ต้องทลายคือ ระบบสาธารณสุข ขณะนี้แม้มีวัคซีนไฟเซอร์มากองอยู่ ก็แก้ปัญหาไม่ทัน ขนาดรองปลัดกระทรวงสาธารณสุขต้องร้องไห้ มีวิธีแก้ 4 ข้อ คือ
1. สกรีนแยกผู้ป่วยจากชุมชนให้เร็วที่สุดด้วยการตรวจด้วยเครื่องแอนติเจนทุก 3 วัน ปูพรมตรวจด้วยเครื่องแอนติเจนทั้งประเทศ
2. ตั้งโรงพยาบาลแรกรับ แม้มีโรงพยาบาลว่าง แต่อยู่คนละสังกัด จึงไม่ส่งข้ามกัน
3. มีมาตรการที่ปฏิบัติได้จริง ให้ยาไปหาคนไข้
4. การอัพเกรดห้องพยาบาล ให้มีเตียง มีอุปกรณ์ให้พร้อม ไม่ใช่ได้งบไป 1 หมื่นล้านบาท แต่เพิ่งซื้อเครื่องช่วยหายใจได้แค่ 37 เครื่อง
ส่วนการเยียวยาต้องเยียวยาถ้วนหน้า เป็นเงินสด ยกเลิกแบบเป็นแอพพลิเคชั่นให้มาเสี่ยงโชคกัน หรือหากใครลดค่าเช่า ก็ให้มาหักภาษีย้อนหลังได้ และคอขวดที่ต้องทลายอีกคือ คอขวดวัคซีน ขณะนี้ต้องเร่งหาวัคซีน mRNA 1-2 แสนโดส ให้บุคลากรสาธารณสุขด่านหน้า ป้องกันไม่ให้ติดเชื้อ
ฝากส่งท้ายว่า ถ้าไม่ยุบ ศบค.ไม่ปรับ ครม. ก็ถึงเวลาต้องถอยให้คนรุ่นใหม่เข้ามาบริหาร ทุกคนรักครอบครัวตัวเอง ถ้าท่านรักครอบครัวของท่าน ให้กลับไปดูแลครอบครัวท่าน ให้คนรุ่นใหม่มาแก้ปัญหา น้ำตาคนไหลมาเป็นน้ำ แต่ถ้าตกถึงพื้นที่ก็ลุกเป็นไฟได้เช่นกัน