“อย่าร้องเลยลูก อีกไม่นานพ่อกับแม่จะกลับมา” ดอกเตอร์มัลลิกาปลอบลูกชายทั้งสองระหว่างการเตรียมตัวขึ้นยานอวกาศ ปกติมัลลิกากับวัลลพผู้เป็นสามีมักพกลูกชายไปทำงานด้วยเด็กทั้งสองจึงไม่อยากให้พ่อไปไกล “ดาว Winston-1955 อยู่ห่างไปแค่ 500 ปีแสงเท่านั้น พ่อเขาอธิบายแล้วว่าเราจะใช้ระบบไฮเปอร์สเปซซึ่งใช้เวลาไม่นานเลย พอลงจอดสำเร็จพ่อกับพวกอา ๆ จะสร้างวงแหวนของพ่อที่เปิดรูหนอนได้ แล้วเราจะกลับมาหาลูกได้ทันที”
“ขอเชิญศาสตราจารย์วัลลพกับดอกเตอร์มัลลิกาที่ยานลำที่ 63 ด้วยครับ”
พอได้ยินเสียงประกาศเรียกวัลลพและมัลลิกาก็จูบหน้าผากลูกทั้งสองเพื่อล่ำลาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนเดินไปทางยานอวกาศหนึ่งใน 108 ลำที่พร้อมออกเดินทางแล้ว จุดประสงค์ของโครงการระดับโลกนี้ คือส่งยานอวกาศไปพร้อมเซลล์ของสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ทั้งพืชและสัตว์รวมถึงมนุษย์ เป้าหมายคือดาว 108 ดวงที่มีสภาวะใกล้เคียงโลกมากพอให้อยู่อาศัยได้โดยไม่ต้องสร้างโดมครอบที่มีความเสี่ยงต่อภัยพิบัติสูงกว่า
เหล่าผู้นำและคนทั้งโลกต่างภาวนาให้โครงการนี้สำเร็จเพื่อให้มนุษย์กระจายประชากรที่มากมายจนเกือบล้นโลก แม้หลายพันปีที่ผ่านมาจะมีความก้าวหน้าในการสร้างทรัพยากรทว่าก็ไม่ทันต่อการเพิ่มจำนวนของมนุษย์ ตอนนี้เทคโนโลยีการเดินทางในอวกาศของมนุษย์เจริญรุดหน้ามากแล้วจึงต้องการขยายแหล่งอาศัยอย่างเป็นทางการ สถานีอวกาศหลายแห่งถูกสร้างขึ้นท่ามกลางกลุ่มดาวทว่ามันไม่ได้ยั่งยืนเหมือนดาวเคราะห์แท้ ๆ ที่มีระบบนิเวศสมบูรณ์
ขั้นแรกของแผนการคือการสร้างฐานที่มั่นบนดาวที่มีความใกล้เคียงโลกมากที่สุดแล้วปรับเปลี่ยนให้มันเป็นบ้านหลังที่สองและสามของมนุษย์ บนยานทั้ง 108 ลำจึงมีนักวิทยาศาสตร์จากหลายสาขาเพื่อการตรวจสอบอย่างละเอียด และมีเซลล์ของสิ่งมีชีวิตสำหรับทดลองปลูกเลี้ยงบนดาวนั้น ๆ เพื่อดูลักษณะอาการเมื่ออาศัยและสืบพันธุ์บนดาวอื่น
ทั้งนี้กลุ่มวิจัยของวัลลพประดิษฐ์และพัฒนาเครื่องจักรที่สามารถสร้างรูหนอนเชื่อมต่ออุปกรณ์แบบเดียวกันได้ หากการลงจอดสำเร็จและเริ่มต้นด้วยดี เหล่านักวิทยาศาสตร์จะสร้างเครื่องดังกล่าวเพื่อเดินทางกลับโลกโดยใช้รูหนอนได้ทันที
บนยานบินลำที่ 63 กับตันและลูกเรืออีกสี่คนกำลังเตรียมเครื่องขึ้นบิน นักวิทยาศาสตร์ทั้งเจ็ดแยกย้ายกันหาที่นั่งและรัดเข็มขัดเตรียมรับแรงสะเทือนตอนเครื่องบินผ่านชั้นบรรยากาศโลก เมื่อยานบินทะลุออกไปยังอวกาศได้แรงโน้มถ่วงเทียมก็เริ่มทำงาน กัปตันยานบอกให้ทุกคนถอดเข็ดขัดได้
“เหนื่อยหน่อยนะคุณรณชีพ ผมเชื่อว่างานนี้จะต้องไปได้สวยกว่าสมัยก่อนที่ให้นักโทษไปทดลองสร้างที่พักและอาศัยบนดาวอื่น” กับตันยานเดินมาคุยกับหัวหน้าของนักวิทยาศาสตร์ “ผมรู้จักชาวต่างดาวมากมายจากการขับยานอวกาศ หลายอารยะธรรมเริ่มแรกด้วยนักโทษจากเผ่าที่สาบสูญ มีไม่น้อยเลยที่ต้องล่มสลายเพราะนักโทษของตัวเอง แต่ผมไม่ปฏิเสธหรอกว่าเราต้องให้โอกาสพวกเขาชดใช้ความผิด”
“เราแค่คิดกลับกันเท่านั้นครับ เราจะไป ‘เปลี่ยนดาวเป็นบ้าน’ ไม่ใช่ ‘สร้างบ้านบนดาว’ จึงต้องอาศัยสมองมากกว่ากำลังกาย ให้พวกเราไปก่อสร้างโดมแบบนั้นก็ไม่ไหวเหมือนกัน”
หัวหน้าคณะนักวิทยาศาสตร์หัวเราะเบา ๆ ก่อนหันไปสนใจหุ่นยนต์รูปร่างเหมือนแมวน้ำขนาดสูงเกินช่วงเอวของเขาเล็กน้อย ผิวซิลิโคนสีขาวกระดำกระด่างคล้ายแมวน้ำเสือดาวตัวจริงแสดงถึงความใส่ใจรายละเอียด มันยื่นถาดใส่ซองเครื่องดื่มชนิดต่าง ๆ ให้เขาด้วยแขนเทียมเหล็ก
“ซีล พวกเราเพิ่งออกมาพ้นบรรยากาศโลกแค่ไม่กี่นาทีเองนะ ยังไม่มีใครหิวหรอก” รณชีพยิ้มให้หุ่นยนต์ผู้ช่วยของมัลลิกาที่นำขึ้นเครื่องมาด้วย
“ผมอยากทำประโยชน์ครับคุณรณชีพ คุณแม่มัลลิกาบอกกับผมเสมอว่าทุกสิ่งมีประโยชน์ในแบบของตัวเอง หุ่นมือสองอย่างผมก็เหมือนกัน” เจ้าหุ่นแมวน้ำดูกระตือรือร้นอยากทำงานจนออกหน้าออกตา มันเคยถูกทิ้งแล้วครั้งหนึ่ง สมองกลของมันที่คล้ายมนุษย์จึงจดจำเรื่องคำสั่งได้ดีเพื่อไม่ให้ถูกทิ้งอีก
“อย่างนั้นไปคำนวณว่านานแค่ไหนเราจะไปถึงสถานีอวกาศที่ใกล้ที่สุด จากนั้นเราจะวอร์ปไปอยู่ตรงส่วนไหนของดาวเป้าหมาย ได้คำตอบเมื่อไรค่อยมาบอกฉันพร้อมภาพอธิบาย” หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ผู้เคยเป็นอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัยสร้างงานให้หุ่นทำทันที...
เมื่อยานโนอาห์ 63 ไปถึงสถานีอวกาศบนดวงจันทร์แล้วกับตันก็สั่งลูกเรือให้ใช้ระบบไฮเปอร์สเปซเพื่อบิดเปิดช่องว่างของห้วงเวลาในอวกาศ ทำอย่างนี้แล้วยานจะสามารถเคลื่อนที่แบบกระโดดไปในทิศทางที่ต้องการได้ในระยะทางที่เรียกได้ว่ามหาศาลเมื่อเทียบกับอัตราส่วนการเดินทางแบบปกติ การใช้ระบบไฮเปอร์สเปซนั้นน่าตื่นตาทุกครั้งที่ได้ชม เส้นแสงสีเงินนับล้านบินผ่านหน้าต่างยานเหมือนไม่มีที่สิ้นสุด ทว่าคราวนี้ต่างกันออกไปอย่างสิ้นเชิง แสงสีรอบยานนั้นเปลี่ยนไปตามเดิม แสงสีและลวดลายนับร้อยหมุนวนรอบตัวยานทำให้ผู้คนที่ได้เห็นคลื่นเหียน ยานสั่นโคลงเคลงเหมือนเรือในทะเลทั้งที่ไม่สามารถเป็นไปได้ เหล่าผู้คนบนยานต่างตระหนักได้ว่ากำลังพบกับปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติในอวกาศ!
ก่อนที่กับตันจะทำความเข้าใจเกี่ยวกับข้อมูลที่ส่งผ่านหน้าจอควบคุมทุกอย่างก็หยุดนิ่ง ความมืดของอวกาศรายล้อมยานลำที 63 อีกครั้ง สิ่งที่ทุกคนเห็นอย่างแรกคือดาวฤกษ์สีน้ำเงินที่ส่องแสงแรงกล้าเหมือนดวงอาทิตย์ในระบบสุริยะ มันคือสีของดาวฤกษ์ที่มีความร้อนสูงที่สุด ซึ่งไม่มีการพบในรัศมีสามพันปีแสงนับจากโลก!
“ระบบนำร่องไม่ทำงานครับกับตัน ผมไม่รู้ว่าตอนนี้พวกเราอยู่ที่ไหน เราติดต่อกับใครหรืออะไรไม่ได้เลย!” ลูกเรือคนหนึ่งร้อง “จากดวงอาทิตย์แบบนั้นดาวของพวกหกแขนน่าจะอยู่ใกล้ ๆ ผมขอเวลาห้านาทีตรวจสอบระบบของยานและดาวใกล้เคียง ไม่แน่เราอาจขอความช่วยเหลือได้”
ทั้งลูกเรือและนักวิทยาศาสตร์ต่างช่วยกันทำสิ่งต่าง ๆ ที่ทำได้ ลูกเรือทำในส่วนการทำงานของยานที่ซับซ้อน ส่วนนักวิทยาศาสตร์นั้นกระจายกันไปดูภาพรวมในยานว่ามีอะไรเสียหายจากการสั่นเมื่อครู่บ้าง ส่วนเจ้าหุ่นแมวน้ำรับหน้าที่ประสานกับสมองกลของยานเพื่อตรวจสอบอย่างละเอียด ความสิ้นหวังเริ่มปรากฏเมื่อกับตันยานพบว่าในรัศมีล้านไมล์จากยานไม่มีดาวของพวกทรงภูมิที่ถูกบันทึกไว้เลย
“ออกห่างจากดาวฤกษ์สีน้ำเงินนั่นก่อน มันร้อนกว่าดวงอาทิตย์ของเราอย่างเทียบกันไม่ได้เลย” กับตันยานกลับมาควบคุมสถานการณ์ได้อีกครั้ง “จากนั้นก็หาดาวเหมาะ ๆ ลงจอดเพราะเราใช้ระบบไฮเปอร์สเปซไม่ได้อีกแล้ว ขอพระเจ้านำทางให้เราพ้นจากไฟนรกสีน้ำเงินของดาวดวงนั้นด้วย ในนามพระบุตรอันเป็นที่รัก”
ราวกับคำภาวนาของกับตันและลูกเรือจะส่งไปถึงพระเจ้า ในจุดที่ความร้อนจากดาวฤกษ์ลดลงจนถึงระดับเหมาะสมพวกเขาก็พบดาวสีเหลืองอมเขียวดวงหนึ่ง มันใหญ่กว่าดาวอังคารเล็กน้อยและมีดวงจันทร์บริวารถึงสามดวง กับตันและลูกเรือไม่ลังเลเรื่องการนำยานที่เสียหายจากปรากฏการณ์ประหลาดลงจอด
“ผมขอทบทวนคำสั่งอีกครั้งนะครับ” เจ้าหุ่นยนต์รูปร่างแมวน้ำรับหน้าที่ออกไปสำรวจภายนอกแทนมนุษย์พูดอย่างร่าเริงเช่นทุกครั้ง “ผมจะต้องตรวจสอบชั้นบรรยากาศ ส่งคลื่นค้นหาสิ่งมีชีวิต แล้วก็เก็บตัวอย่างพื้นผิวกลับมา”
มัลลิกาผู้เป็นเจ้าของหุ่นยนต์ตัวนี้ส่ายหน้าเบา ๆ แล้วขอโทษเรื่องนิสัยซ้ำซากของหุ่นยนต์ตัวนี้ด้วย เพราะระบบความคิดจำลองรุ่นใหม่ใกล้ความเป็นมนุษย์มากเกินไปขัดกับชิ้นส่วนที่ยังเป็นของเก่า ทำให้การแสดงออกของมันยังไม่เสถียรเท่าไรนัก
“ผมไม่เคยเชื่อเรื่องพระเจ้า แต่พระเจ้าของคุณอาจนำทางพวกเราให้พบดาวดวงนี้ก็ได้กับตัน” ทาเคจินักวิทยาศาสตร์ชาวญี่ปุ่นทำการวิเคราะห์ตัวอย่างหินที่ได้รับมา “มันมีคาร์บอนกับไฮโดรเจนเป็นส่วนประกอบด้วยเล็กน้อย ไม่มากเท่าดินบนโลกแต่มันก็มี นั่นหมายความว่าเราปักหลักบนดาวดวงนี้ได้ อาจดีกว่าดาวอังคารด้วยซ้ำ”
ข่าวดีเกี่ยวกับดาวดวงนี้ยังไม่จบแค่นั้น เมื่อลิเลียนได้รับผลการวิเคราะห์ชั้นบรรยากาศบนดาวดวงนี้ทุกคน
“ดาวดวงนี้มีออกซิเจนกับน้ำในอากาศด้วย!” นักวิทยาศาสตร์สาวชาวอังกฤษร้องดังลั่นจนทุกคนวิ่งมาดู “เราอาศัยอยู่ที่นี่ได้ แต่ขอดูองค์ประกอบโดยรวมก่อน” หญิงสาวผมน้ำตาลพยักหน้ากับทุกคนด้วยความยินดีก่อนกลับไปทำงานของเธอต่อ
ผลการตรวจสอบองค์ประกอบในอากาศของลิเลียนทำให้เหล่าลูกเรือที่เชื่อในศาสนายิ่งเชื่อในพระเจ้ามากขึ้นอีก อากาศบนดาวดวงนี้มีความเข้มข้นของออกซิเจนสูงมาก สารประกอบบางอย่างที่คล้ายกับในโลกก็มีเหมือนเป็นเรื่องมหัศจรรย์ ทว่าเธอก็พบสารบางอย่างที่มีแนวโน้มเป็นพิษต่อมนุษย์ด้วย
“นั่นทำให้ฉันมาด้วยอย่างไรละ” มัลลิกาทักขึ้นเมื่อทุกคนเริ่มครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรกับเรื่องนี้ดี ใครจะเป็นหน่วยกล้าตายออกไปทดสอบอากาศนอกยานว่ามนุษย์หายใจได้หรือไม่
มัลลิการีบเดินกลับไปห้องเก็บของแล้วกลับมาพร้อมหลอดแก้วที่เต็มไปด้วยกลุ่มก้อนสีเงินเหมือนแมลงเล็ก ๆ จำนวนมหาศาล
“ผลงานของเพื่อนฉันเองเพิ่งเปิดตัวเดือนก่อน ในยานทุกลำมีเหมือนกันหมด เจ้าพวกนี้มีหน้าที่คอยทำงานแทนพวกเราในเรื่องต่าง ๆ รวมถึงการทำงานในพื้นที่ที่ชีวิตดำรงอยู่ไม่ได้ด้วย ถ้าฉันตั้งระบบเจ้าพวกในหลอดนี้ให้หยุดทำงานเมื่อพบสภาวะที่ชีวิตดำรงอยู่ไม่ได้แล้วปล่อยออกไปนอกยาน เราก็จะรู้ได้ว่าความเป็นพิษในอากาศมันมากพอจะฆ่าพวกเราได้ไหม”
คนอื่นในยานยังไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับหุ่นยนต์เล็กระดับนาโนพวกนี้นักมัลลิกาจึงบอกว่ามันสามารถบินเหมือนเป็นแมลงเล็ก ๆ ที่ควบคุมได้ทุกอย่าง เธอสามารถสร้างใหม่ได้อีกมากมายด้วยเครื่องมือที่เอามาและซิลิกอนมากมายบนดาวดวงนี้ หุ่นยนต์นาโนกลุ่มหนึ่งจึงถูกส่งออกไปเสี่ยงแทนพวกเขาทุกคนว่าเหมาะกับชีวิตหรือไม่
ทุกคนโล่งใจที่กลุ่มก้อนสีเงินบินว่อนราวเม็ดทรายบนพื้นผิวดาวสีดำ พอทุกคนหันมาคุยกันเรื่องการทดสอบกับมนุษย์ รณชีพที่เป็นหัวหน้าก็ชิงลงมือก่อนด้วยการไปที่ประตูสำหรับออกไปซ่อมแซมแล้วออกไปข้างนอกยานทั้งที่ไม่ชุดอวกาศป้องกัน
ในวินาทีแรกที่รณชีพสัมผัสอากาศของดาวก็ไอและสำลักเล็กน้อย ทว่าเขายกนิ้วโป้งให้คนในยานดูว่าข้างนอกสามารถหายใจได้
“แรงโน้มถ่วงมากกว่าโลกเล็กน้อย อากาศผมว่าเหมือนมีพริกไทยลอยฟ่อง” รณชีพพูดกับคนในยานที่กำลังรอให้ประตูหลักเปิดออก “ถ้ามันส่งผลในระยะยาวเราก็เลี่ยงไม่ได้แล้ว เราไม่รู้ว่าดาวนี้อยู่จุดไหนในอวกาศ ยานก็ใช้ระบบไฮเปอร์สเปซไม่ได้ บินออกไปก็ตายเปล่า”
“ระยะยาวไม่สำคัญเลย ชีวิตจะดำรงต่อไปได้เสมอบีม” วัลลพหยุดสำลักอากาศภายนอกแล้วขยับแว่นอย่างผู้รู้ บีมคือชื่อเล่นของรณชีพ “แต่วงแหวนข้ามมิติของผมช่วยเราได้นะ มันเปิดรูหนอนได้ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในอวกาศ มันจะส่งเรากลับโลกหรือดาวใกล้ที่สุดที่มีเจ้าเครื่องนี้อยู่ อย่างไรแผนของเราคือสร้างเจ้าเครื่องเปิดรูหนอนเป็นอย่างแรกนี่นา”
(มีต่อ)
โนอาห์ 63 O.
“ขอเชิญศาสตราจารย์วัลลพกับดอกเตอร์มัลลิกาที่ยานลำที่ 63 ด้วยครับ”
พอได้ยินเสียงประกาศเรียกวัลลพและมัลลิกาก็จูบหน้าผากลูกทั้งสองเพื่อล่ำลาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนเดินไปทางยานอวกาศหนึ่งใน 108 ลำที่พร้อมออกเดินทางแล้ว จุดประสงค์ของโครงการระดับโลกนี้ คือส่งยานอวกาศไปพร้อมเซลล์ของสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ทั้งพืชและสัตว์รวมถึงมนุษย์ เป้าหมายคือดาว 108 ดวงที่มีสภาวะใกล้เคียงโลกมากพอให้อยู่อาศัยได้โดยไม่ต้องสร้างโดมครอบที่มีความเสี่ยงต่อภัยพิบัติสูงกว่า
เหล่าผู้นำและคนทั้งโลกต่างภาวนาให้โครงการนี้สำเร็จเพื่อให้มนุษย์กระจายประชากรที่มากมายจนเกือบล้นโลก แม้หลายพันปีที่ผ่านมาจะมีความก้าวหน้าในการสร้างทรัพยากรทว่าก็ไม่ทันต่อการเพิ่มจำนวนของมนุษย์ ตอนนี้เทคโนโลยีการเดินทางในอวกาศของมนุษย์เจริญรุดหน้ามากแล้วจึงต้องการขยายแหล่งอาศัยอย่างเป็นทางการ สถานีอวกาศหลายแห่งถูกสร้างขึ้นท่ามกลางกลุ่มดาวทว่ามันไม่ได้ยั่งยืนเหมือนดาวเคราะห์แท้ ๆ ที่มีระบบนิเวศสมบูรณ์
ขั้นแรกของแผนการคือการสร้างฐานที่มั่นบนดาวที่มีความใกล้เคียงโลกมากที่สุดแล้วปรับเปลี่ยนให้มันเป็นบ้านหลังที่สองและสามของมนุษย์ บนยานทั้ง 108 ลำจึงมีนักวิทยาศาสตร์จากหลายสาขาเพื่อการตรวจสอบอย่างละเอียด และมีเซลล์ของสิ่งมีชีวิตสำหรับทดลองปลูกเลี้ยงบนดาวนั้น ๆ เพื่อดูลักษณะอาการเมื่ออาศัยและสืบพันธุ์บนดาวอื่น
ทั้งนี้กลุ่มวิจัยของวัลลพประดิษฐ์และพัฒนาเครื่องจักรที่สามารถสร้างรูหนอนเชื่อมต่ออุปกรณ์แบบเดียวกันได้ หากการลงจอดสำเร็จและเริ่มต้นด้วยดี เหล่านักวิทยาศาสตร์จะสร้างเครื่องดังกล่าวเพื่อเดินทางกลับโลกโดยใช้รูหนอนได้ทันที
บนยานบินลำที่ 63 กับตันและลูกเรืออีกสี่คนกำลังเตรียมเครื่องขึ้นบิน นักวิทยาศาสตร์ทั้งเจ็ดแยกย้ายกันหาที่นั่งและรัดเข็มขัดเตรียมรับแรงสะเทือนตอนเครื่องบินผ่านชั้นบรรยากาศโลก เมื่อยานบินทะลุออกไปยังอวกาศได้แรงโน้มถ่วงเทียมก็เริ่มทำงาน กัปตันยานบอกให้ทุกคนถอดเข็ดขัดได้
“เหนื่อยหน่อยนะคุณรณชีพ ผมเชื่อว่างานนี้จะต้องไปได้สวยกว่าสมัยก่อนที่ให้นักโทษไปทดลองสร้างที่พักและอาศัยบนดาวอื่น” กับตันยานเดินมาคุยกับหัวหน้าของนักวิทยาศาสตร์ “ผมรู้จักชาวต่างดาวมากมายจากการขับยานอวกาศ หลายอารยะธรรมเริ่มแรกด้วยนักโทษจากเผ่าที่สาบสูญ มีไม่น้อยเลยที่ต้องล่มสลายเพราะนักโทษของตัวเอง แต่ผมไม่ปฏิเสธหรอกว่าเราต้องให้โอกาสพวกเขาชดใช้ความผิด”
“เราแค่คิดกลับกันเท่านั้นครับ เราจะไป ‘เปลี่ยนดาวเป็นบ้าน’ ไม่ใช่ ‘สร้างบ้านบนดาว’ จึงต้องอาศัยสมองมากกว่ากำลังกาย ให้พวกเราไปก่อสร้างโดมแบบนั้นก็ไม่ไหวเหมือนกัน”
หัวหน้าคณะนักวิทยาศาสตร์หัวเราะเบา ๆ ก่อนหันไปสนใจหุ่นยนต์รูปร่างเหมือนแมวน้ำขนาดสูงเกินช่วงเอวของเขาเล็กน้อย ผิวซิลิโคนสีขาวกระดำกระด่างคล้ายแมวน้ำเสือดาวตัวจริงแสดงถึงความใส่ใจรายละเอียด มันยื่นถาดใส่ซองเครื่องดื่มชนิดต่าง ๆ ให้เขาด้วยแขนเทียมเหล็ก
“ซีล พวกเราเพิ่งออกมาพ้นบรรยากาศโลกแค่ไม่กี่นาทีเองนะ ยังไม่มีใครหิวหรอก” รณชีพยิ้มให้หุ่นยนต์ผู้ช่วยของมัลลิกาที่นำขึ้นเครื่องมาด้วย
“ผมอยากทำประโยชน์ครับคุณรณชีพ คุณแม่มัลลิกาบอกกับผมเสมอว่าทุกสิ่งมีประโยชน์ในแบบของตัวเอง หุ่นมือสองอย่างผมก็เหมือนกัน” เจ้าหุ่นแมวน้ำดูกระตือรือร้นอยากทำงานจนออกหน้าออกตา มันเคยถูกทิ้งแล้วครั้งหนึ่ง สมองกลของมันที่คล้ายมนุษย์จึงจดจำเรื่องคำสั่งได้ดีเพื่อไม่ให้ถูกทิ้งอีก
“อย่างนั้นไปคำนวณว่านานแค่ไหนเราจะไปถึงสถานีอวกาศที่ใกล้ที่สุด จากนั้นเราจะวอร์ปไปอยู่ตรงส่วนไหนของดาวเป้าหมาย ได้คำตอบเมื่อไรค่อยมาบอกฉันพร้อมภาพอธิบาย” หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ผู้เคยเป็นอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัยสร้างงานให้หุ่นทำทันที...
เมื่อยานโนอาห์ 63 ไปถึงสถานีอวกาศบนดวงจันทร์แล้วกับตันก็สั่งลูกเรือให้ใช้ระบบไฮเปอร์สเปซเพื่อบิดเปิดช่องว่างของห้วงเวลาในอวกาศ ทำอย่างนี้แล้วยานจะสามารถเคลื่อนที่แบบกระโดดไปในทิศทางที่ต้องการได้ในระยะทางที่เรียกได้ว่ามหาศาลเมื่อเทียบกับอัตราส่วนการเดินทางแบบปกติ การใช้ระบบไฮเปอร์สเปซนั้นน่าตื่นตาทุกครั้งที่ได้ชม เส้นแสงสีเงินนับล้านบินผ่านหน้าต่างยานเหมือนไม่มีที่สิ้นสุด ทว่าคราวนี้ต่างกันออกไปอย่างสิ้นเชิง แสงสีรอบยานนั้นเปลี่ยนไปตามเดิม แสงสีและลวดลายนับร้อยหมุนวนรอบตัวยานทำให้ผู้คนที่ได้เห็นคลื่นเหียน ยานสั่นโคลงเคลงเหมือนเรือในทะเลทั้งที่ไม่สามารถเป็นไปได้ เหล่าผู้คนบนยานต่างตระหนักได้ว่ากำลังพบกับปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติในอวกาศ!
ก่อนที่กับตันจะทำความเข้าใจเกี่ยวกับข้อมูลที่ส่งผ่านหน้าจอควบคุมทุกอย่างก็หยุดนิ่ง ความมืดของอวกาศรายล้อมยานลำที 63 อีกครั้ง สิ่งที่ทุกคนเห็นอย่างแรกคือดาวฤกษ์สีน้ำเงินที่ส่องแสงแรงกล้าเหมือนดวงอาทิตย์ในระบบสุริยะ มันคือสีของดาวฤกษ์ที่มีความร้อนสูงที่สุด ซึ่งไม่มีการพบในรัศมีสามพันปีแสงนับจากโลก!
“ระบบนำร่องไม่ทำงานครับกับตัน ผมไม่รู้ว่าตอนนี้พวกเราอยู่ที่ไหน เราติดต่อกับใครหรืออะไรไม่ได้เลย!” ลูกเรือคนหนึ่งร้อง “จากดวงอาทิตย์แบบนั้นดาวของพวกหกแขนน่าจะอยู่ใกล้ ๆ ผมขอเวลาห้านาทีตรวจสอบระบบของยานและดาวใกล้เคียง ไม่แน่เราอาจขอความช่วยเหลือได้”
ทั้งลูกเรือและนักวิทยาศาสตร์ต่างช่วยกันทำสิ่งต่าง ๆ ที่ทำได้ ลูกเรือทำในส่วนการทำงานของยานที่ซับซ้อน ส่วนนักวิทยาศาสตร์นั้นกระจายกันไปดูภาพรวมในยานว่ามีอะไรเสียหายจากการสั่นเมื่อครู่บ้าง ส่วนเจ้าหุ่นแมวน้ำรับหน้าที่ประสานกับสมองกลของยานเพื่อตรวจสอบอย่างละเอียด ความสิ้นหวังเริ่มปรากฏเมื่อกับตันยานพบว่าในรัศมีล้านไมล์จากยานไม่มีดาวของพวกทรงภูมิที่ถูกบันทึกไว้เลย
“ออกห่างจากดาวฤกษ์สีน้ำเงินนั่นก่อน มันร้อนกว่าดวงอาทิตย์ของเราอย่างเทียบกันไม่ได้เลย” กับตันยานกลับมาควบคุมสถานการณ์ได้อีกครั้ง “จากนั้นก็หาดาวเหมาะ ๆ ลงจอดเพราะเราใช้ระบบไฮเปอร์สเปซไม่ได้อีกแล้ว ขอพระเจ้านำทางให้เราพ้นจากไฟนรกสีน้ำเงินของดาวดวงนั้นด้วย ในนามพระบุตรอันเป็นที่รัก”
ราวกับคำภาวนาของกับตันและลูกเรือจะส่งไปถึงพระเจ้า ในจุดที่ความร้อนจากดาวฤกษ์ลดลงจนถึงระดับเหมาะสมพวกเขาก็พบดาวสีเหลืองอมเขียวดวงหนึ่ง มันใหญ่กว่าดาวอังคารเล็กน้อยและมีดวงจันทร์บริวารถึงสามดวง กับตันและลูกเรือไม่ลังเลเรื่องการนำยานที่เสียหายจากปรากฏการณ์ประหลาดลงจอด
“ผมขอทบทวนคำสั่งอีกครั้งนะครับ” เจ้าหุ่นยนต์รูปร่างแมวน้ำรับหน้าที่ออกไปสำรวจภายนอกแทนมนุษย์พูดอย่างร่าเริงเช่นทุกครั้ง “ผมจะต้องตรวจสอบชั้นบรรยากาศ ส่งคลื่นค้นหาสิ่งมีชีวิต แล้วก็เก็บตัวอย่างพื้นผิวกลับมา”
มัลลิกาผู้เป็นเจ้าของหุ่นยนต์ตัวนี้ส่ายหน้าเบา ๆ แล้วขอโทษเรื่องนิสัยซ้ำซากของหุ่นยนต์ตัวนี้ด้วย เพราะระบบความคิดจำลองรุ่นใหม่ใกล้ความเป็นมนุษย์มากเกินไปขัดกับชิ้นส่วนที่ยังเป็นของเก่า ทำให้การแสดงออกของมันยังไม่เสถียรเท่าไรนัก
“ผมไม่เคยเชื่อเรื่องพระเจ้า แต่พระเจ้าของคุณอาจนำทางพวกเราให้พบดาวดวงนี้ก็ได้กับตัน” ทาเคจินักวิทยาศาสตร์ชาวญี่ปุ่นทำการวิเคราะห์ตัวอย่างหินที่ได้รับมา “มันมีคาร์บอนกับไฮโดรเจนเป็นส่วนประกอบด้วยเล็กน้อย ไม่มากเท่าดินบนโลกแต่มันก็มี นั่นหมายความว่าเราปักหลักบนดาวดวงนี้ได้ อาจดีกว่าดาวอังคารด้วยซ้ำ”
ข่าวดีเกี่ยวกับดาวดวงนี้ยังไม่จบแค่นั้น เมื่อลิเลียนได้รับผลการวิเคราะห์ชั้นบรรยากาศบนดาวดวงนี้ทุกคน
“ดาวดวงนี้มีออกซิเจนกับน้ำในอากาศด้วย!” นักวิทยาศาสตร์สาวชาวอังกฤษร้องดังลั่นจนทุกคนวิ่งมาดู “เราอาศัยอยู่ที่นี่ได้ แต่ขอดูองค์ประกอบโดยรวมก่อน” หญิงสาวผมน้ำตาลพยักหน้ากับทุกคนด้วยความยินดีก่อนกลับไปทำงานของเธอต่อ
ผลการตรวจสอบองค์ประกอบในอากาศของลิเลียนทำให้เหล่าลูกเรือที่เชื่อในศาสนายิ่งเชื่อในพระเจ้ามากขึ้นอีก อากาศบนดาวดวงนี้มีความเข้มข้นของออกซิเจนสูงมาก สารประกอบบางอย่างที่คล้ายกับในโลกก็มีเหมือนเป็นเรื่องมหัศจรรย์ ทว่าเธอก็พบสารบางอย่างที่มีแนวโน้มเป็นพิษต่อมนุษย์ด้วย
“นั่นทำให้ฉันมาด้วยอย่างไรละ” มัลลิกาทักขึ้นเมื่อทุกคนเริ่มครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรกับเรื่องนี้ดี ใครจะเป็นหน่วยกล้าตายออกไปทดสอบอากาศนอกยานว่ามนุษย์หายใจได้หรือไม่
มัลลิการีบเดินกลับไปห้องเก็บของแล้วกลับมาพร้อมหลอดแก้วที่เต็มไปด้วยกลุ่มก้อนสีเงินเหมือนแมลงเล็ก ๆ จำนวนมหาศาล
“ผลงานของเพื่อนฉันเองเพิ่งเปิดตัวเดือนก่อน ในยานทุกลำมีเหมือนกันหมด เจ้าพวกนี้มีหน้าที่คอยทำงานแทนพวกเราในเรื่องต่าง ๆ รวมถึงการทำงานในพื้นที่ที่ชีวิตดำรงอยู่ไม่ได้ด้วย ถ้าฉันตั้งระบบเจ้าพวกในหลอดนี้ให้หยุดทำงานเมื่อพบสภาวะที่ชีวิตดำรงอยู่ไม่ได้แล้วปล่อยออกไปนอกยาน เราก็จะรู้ได้ว่าความเป็นพิษในอากาศมันมากพอจะฆ่าพวกเราได้ไหม”
คนอื่นในยานยังไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับหุ่นยนต์เล็กระดับนาโนพวกนี้นักมัลลิกาจึงบอกว่ามันสามารถบินเหมือนเป็นแมลงเล็ก ๆ ที่ควบคุมได้ทุกอย่าง เธอสามารถสร้างใหม่ได้อีกมากมายด้วยเครื่องมือที่เอามาและซิลิกอนมากมายบนดาวดวงนี้ หุ่นยนต์นาโนกลุ่มหนึ่งจึงถูกส่งออกไปเสี่ยงแทนพวกเขาทุกคนว่าเหมาะกับชีวิตหรือไม่
ทุกคนโล่งใจที่กลุ่มก้อนสีเงินบินว่อนราวเม็ดทรายบนพื้นผิวดาวสีดำ พอทุกคนหันมาคุยกันเรื่องการทดสอบกับมนุษย์ รณชีพที่เป็นหัวหน้าก็ชิงลงมือก่อนด้วยการไปที่ประตูสำหรับออกไปซ่อมแซมแล้วออกไปข้างนอกยานทั้งที่ไม่ชุดอวกาศป้องกัน
ในวินาทีแรกที่รณชีพสัมผัสอากาศของดาวก็ไอและสำลักเล็กน้อย ทว่าเขายกนิ้วโป้งให้คนในยานดูว่าข้างนอกสามารถหายใจได้
“แรงโน้มถ่วงมากกว่าโลกเล็กน้อย อากาศผมว่าเหมือนมีพริกไทยลอยฟ่อง” รณชีพพูดกับคนในยานที่กำลังรอให้ประตูหลักเปิดออก “ถ้ามันส่งผลในระยะยาวเราก็เลี่ยงไม่ได้แล้ว เราไม่รู้ว่าดาวนี้อยู่จุดไหนในอวกาศ ยานก็ใช้ระบบไฮเปอร์สเปซไม่ได้ บินออกไปก็ตายเปล่า”
“ระยะยาวไม่สำคัญเลย ชีวิตจะดำรงต่อไปได้เสมอบีม” วัลลพหยุดสำลักอากาศภายนอกแล้วขยับแว่นอย่างผู้รู้ บีมคือชื่อเล่นของรณชีพ “แต่วงแหวนข้ามมิติของผมช่วยเราได้นะ มันเปิดรูหนอนได้ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในอวกาศ มันจะส่งเรากลับโลกหรือดาวใกล้ที่สุดที่มีเจ้าเครื่องนี้อยู่ อย่างไรแผนของเราคือสร้างเจ้าเครื่องเปิดรูหนอนเป็นอย่างแรกนี่นา”
(มีต่อ)