ถ้าเราตั้งคำถาม ว่าจิตใจมีความสำคัญแค่ไหน โดยเฉพาะในมุมว่า มีผลต่อร่างกายแค่ไหน
ขอยกเนื้อหาจากหนังสือ The Power of Positive Thinking ของคุณ นอร์แมน วินเซนต์ พีล นะครับ
‘มีนายแพทย์คนหนึ่ง เคยกล่าวไว้ว่า 1 ใน 3 ของการป่วยไข้โดยทั่วไปในโรงพยาบาลเกี่ยวกับอวัยวะร่างกาย, อีก 1 ใน 3 เป็นส่วนผสมระหว่างอารมณ์กับอวัยวะ, และอีก 1 ใน 3 เป็นเรื่องของอารมณ์ล้วนๆ
และอีกท่านหนึ่ง ผู้เขียนหนังสือ Mind And Body บอกว่า ไม่ใช่ถามว่าเป็นการเจ็บป่วยทางกายหรือจิตใจ แต่ต้องถามว่าแต่ละอย่างเป็นสัดส่วนเท่าไหร่’+
จะพบว่าความคิดแง่ลบ มีผลต่อร่างกายแน่นอน ก็แค่เป็นกี่เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
ความโกรธ ความเกลียด ความแค้น ความคิดร้าย ความอิจฉา เป็นความคิดลบ
ก็จะส่งผลลบต่อร่างกาย ทำให้รวน ทำให้เสื่อมโทรม
อาจช้าบ้าง อาจเร็วบ้าง ตามเหตุตามปัจจัย
..ฉะนั้นการดูแลจิตใจ จึงเป็นเรื่องสำคัญมากครับ
และเป็นคำตอบของหลายๆคำถาม
ว่าทำไมเราจึงควรคิดบวกไว้ก่อน แม้จะมีปัญหาที่ยังแก้ไม่ได้ณ.ตอนนั้น
หรือทำไมควรมีสติรู้ตัวบ่อยๆ
หรือกระทั่งทำไมจึงควรฝึกฝนการทำใจให้สงบ ฝึกสมาธิไว้บ้าง
เพราะถ้าใจคิดดี ไม่วู่วาม และตั้งบนฐานความสงบ
สมองเรา ร่างกายเรา ก็จะกระทำไปด้วยความปกติ ไม่เร่งร้อน และสงบนิ่งเช่นกัน
คล้ายกับคำของไทย ที่ว่าจิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว
จิตเป็นอย่างไร ก็นำกายให้เป็นอย่างนั้น
จะเป็นประโยชน์ได้มากทีเดียว
เพื่อจะได้มีทั้งใจและกายที่ดี ไปพร้อมๆกันครับ
ปล. +ด็อกเตอร์ แฟร็งคลิน อีบาว จากวิทยาลัยแพทย์โคโลราโด กับ ด็อกเตอร์ แฟลนเดอรส์ ดันบาร์ ผู้เขียนหนังสือมายด์แอนด์บอดี้
https://neopositive.wordpress.com
จิตใจกับร่างกาย - Mind And Body
ถ้าเราตั้งคำถาม ว่าจิตใจมีความสำคัญแค่ไหน โดยเฉพาะในมุมว่า มีผลต่อร่างกายแค่ไหน
ขอยกเนื้อหาจากหนังสือ The Power of Positive Thinking ของคุณ นอร์แมน วินเซนต์ พีล นะครับ
‘มีนายแพทย์คนหนึ่ง เคยกล่าวไว้ว่า 1 ใน 3 ของการป่วยไข้โดยทั่วไปในโรงพยาบาลเกี่ยวกับอวัยวะร่างกาย, อีก 1 ใน 3 เป็นส่วนผสมระหว่างอารมณ์กับอวัยวะ, และอีก 1 ใน 3 เป็นเรื่องของอารมณ์ล้วนๆ
และอีกท่านหนึ่ง ผู้เขียนหนังสือ Mind And Body บอกว่า ไม่ใช่ถามว่าเป็นการเจ็บป่วยทางกายหรือจิตใจ แต่ต้องถามว่าแต่ละอย่างเป็นสัดส่วนเท่าไหร่’+
จะพบว่าความคิดแง่ลบ มีผลต่อร่างกายแน่นอน ก็แค่เป็นกี่เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
ความโกรธ ความเกลียด ความแค้น ความคิดร้าย ความอิจฉา เป็นความคิดลบ
ก็จะส่งผลลบต่อร่างกาย ทำให้รวน ทำให้เสื่อมโทรม
อาจช้าบ้าง อาจเร็วบ้าง ตามเหตุตามปัจจัย
..ฉะนั้นการดูแลจิตใจ จึงเป็นเรื่องสำคัญมากครับ
และเป็นคำตอบของหลายๆคำถาม
ว่าทำไมเราจึงควรคิดบวกไว้ก่อน แม้จะมีปัญหาที่ยังแก้ไม่ได้ณ.ตอนนั้น
หรือทำไมควรมีสติรู้ตัวบ่อยๆ
หรือกระทั่งทำไมจึงควรฝึกฝนการทำใจให้สงบ ฝึกสมาธิไว้บ้าง
เพราะถ้าใจคิดดี ไม่วู่วาม และตั้งบนฐานความสงบ
สมองเรา ร่างกายเรา ก็จะกระทำไปด้วยความปกติ ไม่เร่งร้อน และสงบนิ่งเช่นกัน
คล้ายกับคำของไทย ที่ว่าจิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว
จิตเป็นอย่างไร ก็นำกายให้เป็นอย่างนั้น
จะเป็นประโยชน์ได้มากทีเดียว
เพื่อจะได้มีทั้งใจและกายที่ดี ไปพร้อมๆกันครับ
ปล. +ด็อกเตอร์ แฟร็งคลิน อีบาว จากวิทยาลัยแพทย์โคโลราโด กับ ด็อกเตอร์ แฟลนเดอรส์ ดันบาร์ ผู้เขียนหนังสือมายด์แอนด์บอดี้
https://neopositive.wordpress.com