บีจี ปทุม แสดงให้เห็นแล้วว่า"โค้ชวิดมาร์" ทำรูปแบบเกมส์ การวางแทคติก เหนือชั้นกว่ามาก ทรงบอลดูดี มีอนาคต อีกทีมคือเชียงราย ที่ใช้"โค้ชเอเมอร์สัน ปาไรร่า"

ผู้ฝึกสอนตัวจริง) สามารถทำรูปแบบเกมส์ การวางแทคติก ทรงบอลดูดี มีอนาคต ไม่เป็นรองทีมสุดแกร่งแชมป์เคลีกอย่างชนบุค ลูกแรกที่เสีย เป็นความสามารถเฉพาะตัวของนักเตะเกาหลีใต้ล้วนๆลูกนั้นยิงค่อนข้างยาก ถ้าเป็นนักเตะไทยยิงลูกแบบนี้อาจจะมีข้ามคานไปไกล ลูกที่สองต้องยอมรับเลยว่าผู้เล่นเชียงรายประสบการณ์น้อยในระดับเอเชีย เสียเหลี่ยมให้คู่แข่ง จึงเสียลูกจุดโทษในลักษณะที่ไม่ควรเสีย ส่วนลูกที่ได้เกิดการการผิดพลาดของนักเตะเกาหลีใต้ ที่โดนไทยเปิดเกมส์กดดัน จนนักเตะเกาหลีใต้ลุกลนจึงเกิดจังหวัดผิดพลาด ทำให้เชียงรายได้ประตูตีไข่แตก หลังเกมส์ โค้ช"คิม ซัง ซิค"ออกมายอมรับเกมชนบุคเฉือนเชียงรายเป็นเกมยาก
เมื่อย้อนกลับมาดู ทีมราชบุรี และทีมการท่าเรือ ที่ใช้บริการของโค้ชไทย จะเห็นได้ชัดเจนเลยว่า ทำรูปแบบเกมส์ การวางแทคติก ไม่มีทรงบอลอพไรเลย โดยเฉพาะทีมการท่าเรือ วางแผนแทคติกผิดพลาดทั้งหมด คิดได้อย่างไรว่าเอาผู้เล่นตัวเล็กเป็นหน้าเป้าแล้วใช้วิธีเปิดจากด้านข้าง ไม่ว่าจะเป็นกูรู โค้ชในไทยลีก นักวิจารณ์ ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ผิดพลาดอย่างมากๆ ทั้งนี้มันก็เกิดขึ้นมาจาก"โค้ชไทย"ยังไม่มีกึ๋น ยังไม่มีความสามารถที่จะทำทีมในระดับเอเชีย ยังไม่สามารถที่จะไปต่อกรสู้กับโค้ชต่างชาติในระดับเอเชียได้
มองดูฟุตบอลทีมชาติไทย ที่หลายๆคนเชียร์หนักหนา อยากได้โค้ชไทย โค้ชไทยอาจจะทำทีมได้ดีขึ้นในระดับอาเซียน แต่พอไปเล่นในระดับเอเชีย จะเห็นชัดเจนว่า ยังคงไม่ดีพอในระดับเอเชีย หลายๆคนที่เชียร์โค้ชไทย ยกตัวอย่าง โค้ชโย่งคุมทีมU-23 ปลายปี 2017 ได้แชมป์ซีเกมส์ พอต้นปี2018 มาแข่งเอเชียนเกมส์ ผลปรากฎว่า ได้อันดับที่3 ตกรอบแรกของกลุ่มบี ผลงาน ไทย 1–1 กาตาร์ , บังกลาเทศ 1–1 ไทย , ไทย 0–1 อุซเบกิสถาน เห็นชัดว่าพอขึ้นมาเล่นในระดับเอเชียกลับทำทีมไม่ประสบความสำเร็จ
การเลือกโค้ชต่างชาติมีประสบการณ์ จอมแทคติก ดีที่สุด แต่ต้องเลือกโค้ชต่างชาติ ที่ทำงานไปในทิศทางเดียวกับประธานเทคนิค อย่าให้ซ้ำรอยกับราเยวัช จริงๆแล้ว ราเยวัช เป็นโค้ชที่ตั้งใจทำงาน ขนผู้ช่วยมาฟลูทีม แต่ปัญหาของราเยวัช คือ การทำรูปแบบทีมไม่สอดคล้องกับแนวทางที่สมาคมวางไว้ในไทยแลนด์เวย์ ส่วนกรณีของนิชิโน๊ะ มีประสบการณ์ จอมแทคติก แต่โค้ชทำงานไม่ทุ่มเท กลับญี่ปุ่นบ่อย ทำงานเหมือนโค้ชไซด์ไลน์ ผู้ช่วยก็ไม่มี ล่ามก็เลือกเอาจากคนรู้จัก ไม่ได้เลือกล่ามแบบมืออาชีพ ทำทีมในลักษณะนี้ มันไม่รอดแน่นอน
แล้วความเลือกโค้ชต่างชาติแบบไหน ถึงจะไม่ซ้ำรอยเดิม กลับไปวนลูปอีก ควรต้องให้ประธานเทคนิคเป็นคนดำเนินการเลือกเอง ตัดสินใจเอง คนในสมาคมอย่ายุ่ง อย่ายัดเยียดโค้ชให้เป็นตัวเลือก ปัจจุบันมีข่าวว่าจะเสนอโค้ชไทย ซึ่งไม่ควรทำ ควรปล่อยให้ประธานเทคนิคดำเนินการด้วยตัวเองทั้งหมด เพื่อแผนงานการทำทีมของโค้ชจะได้สอดคล้องตามแนวทางทำงานของประธานเทคนิค และที่สำคัญ โค้ชต่างชาติที่จะเข้ามาคุมทีมต้องทุ่มเทในการทำงานเป็นอย่างสูง ยกตัวอย่างเช่น "มาซาทาดะ อิชิอิ"ลงทุนซื้อโดรน , กล้องมาติดรอบสนาม และบันทึกภาพส่งให้นักเตะทุกคนในทีม เป็นรายบุคคล ให้แก้ไขในจุดที่มีปัญหา สอนแม้กระทั้งเบสิครากหญ้าที่นักเตะไทยยังขาดไป เรื่องอาหารโค้ชก็เป็นคนจัดคำนวณหลักโภชนาการเอง พอจบลีกก็ยังไม่กลับญี่ปุ่น มานักตากแดดคัดเด็กเยาวชนทุกชุด แม้กระทั่งล่าม เรียกได้ว่าล่ามของอิชิอิ เหมือนอิชิอิ อีกคนที่แยกร่างมาเลย แปลภาษาได้ดี รู้เรื่องฟุตบอลเป็นอย่างดี โค้ชอิชิอิใส่ใจในรายละเอียดทุกๆอย่างเค้า เรียกว่าค่าจ้าง8แสนบาท คุ้มทุกบาททุกสตางค์
ไม่ใช่แต่อิชิอิที่ทำทีมในลักษณะนี้ "ปาร์ค ฮัง ซอ"ก็ทำทีมทุมเทลักษณะนี้เช่นกัน ทีมชาติเวียดนามจึงประสบความสำเร็จได้อย่างต่อเนื่อง ฟิลิปป์ ทรุสซิเยร์ ซึ่งเป็นประธานเทคนิค เป็นคนเลือกโค้ช และ"ปาร์ค ฮัง ซอ"ก็ทำทีมอย่างทุ่มเทมากๆๆๆ ตามแนวทางของประธานเทคนิคได้วางเอาไว้ ผลลัพธ์ที่ออกมา มันจึงสอดคล้องไปทั้งระบบ
ดังนั้น การเลือกใช้บริการโค้ชต่างชาติ ประธานเทคนิคต้องเป็นคนดำเนินการเลือกเองกับมือ โค้ชต่างชาติต้องยกมาฟลูทีม ต้องตั้งใจทุ่มเท ประวัติการทำงานของโค้ช มันสืบกันได้อยู่แล้วว่าโค้ชทุ่มเทกับทีมมากขนาดไหน มีแนวทางการทำงานอย่างไร สอดคล้องกันหรือไม่ ที่สำคัญคนในสมาคมไม่ควรแทรกแซงยัดเยียดโค้ช หรือเสนอตัวเลือกโค้ช ต้องให้ประธานเทคนิคได้เป็นคนดำเนินเองทั้งหมด ตั้งแต่ขั้นตอนการคัดสรรค์รายชื่อโค้ชในเริ่มแรก จนกระทั่งถึงขั้นตอนจราจาขั้นสุดท้าย


บีจีและเชียงรายใช้โค้ชนอก สว่างคาตาแล้วนะว่า"โค้ชไทย"ยังไม่ดีพอในระดับเอเชีย ทีมชาติไทยว่าไง ยังอยากได้โค้ชไทยอีกหรือไม่
เมื่อย้อนกลับมาดู ทีมราชบุรี และทีมการท่าเรือ ที่ใช้บริการของโค้ชไทย จะเห็นได้ชัดเจนเลยว่า ทำรูปแบบเกมส์ การวางแทคติก ไม่มีทรงบอลอพไรเลย โดยเฉพาะทีมการท่าเรือ วางแผนแทคติกผิดพลาดทั้งหมด คิดได้อย่างไรว่าเอาผู้เล่นตัวเล็กเป็นหน้าเป้าแล้วใช้วิธีเปิดจากด้านข้าง ไม่ว่าจะเป็นกูรู โค้ชในไทยลีก นักวิจารณ์ ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ผิดพลาดอย่างมากๆ ทั้งนี้มันก็เกิดขึ้นมาจาก"โค้ชไทย"ยังไม่มีกึ๋น ยังไม่มีความสามารถที่จะทำทีมในระดับเอเชีย ยังไม่สามารถที่จะไปต่อกรสู้กับโค้ชต่างชาติในระดับเอเชียได้
มองดูฟุตบอลทีมชาติไทย ที่หลายๆคนเชียร์หนักหนา อยากได้โค้ชไทย โค้ชไทยอาจจะทำทีมได้ดีขึ้นในระดับอาเซียน แต่พอไปเล่นในระดับเอเชีย จะเห็นชัดเจนว่า ยังคงไม่ดีพอในระดับเอเชีย หลายๆคนที่เชียร์โค้ชไทย ยกตัวอย่าง โค้ชโย่งคุมทีมU-23 ปลายปี 2017 ได้แชมป์ซีเกมส์ พอต้นปี2018 มาแข่งเอเชียนเกมส์ ผลปรากฎว่า ได้อันดับที่3 ตกรอบแรกของกลุ่มบี ผลงาน ไทย 1–1 กาตาร์ , บังกลาเทศ 1–1 ไทย , ไทย 0–1 อุซเบกิสถาน เห็นชัดว่าพอขึ้นมาเล่นในระดับเอเชียกลับทำทีมไม่ประสบความสำเร็จ
การเลือกโค้ชต่างชาติมีประสบการณ์ จอมแทคติก ดีที่สุด แต่ต้องเลือกโค้ชต่างชาติ ที่ทำงานไปในทิศทางเดียวกับประธานเทคนิค อย่าให้ซ้ำรอยกับราเยวัช จริงๆแล้ว ราเยวัช เป็นโค้ชที่ตั้งใจทำงาน ขนผู้ช่วยมาฟลูทีม แต่ปัญหาของราเยวัช คือ การทำรูปแบบทีมไม่สอดคล้องกับแนวทางที่สมาคมวางไว้ในไทยแลนด์เวย์ ส่วนกรณีของนิชิโน๊ะ มีประสบการณ์ จอมแทคติก แต่โค้ชทำงานไม่ทุ่มเท กลับญี่ปุ่นบ่อย ทำงานเหมือนโค้ชไซด์ไลน์ ผู้ช่วยก็ไม่มี ล่ามก็เลือกเอาจากคนรู้จัก ไม่ได้เลือกล่ามแบบมืออาชีพ ทำทีมในลักษณะนี้ มันไม่รอดแน่นอน
แล้วความเลือกโค้ชต่างชาติแบบไหน ถึงจะไม่ซ้ำรอยเดิม กลับไปวนลูปอีก ควรต้องให้ประธานเทคนิคเป็นคนดำเนินการเลือกเอง ตัดสินใจเอง คนในสมาคมอย่ายุ่ง อย่ายัดเยียดโค้ชให้เป็นตัวเลือก ปัจจุบันมีข่าวว่าจะเสนอโค้ชไทย ซึ่งไม่ควรทำ ควรปล่อยให้ประธานเทคนิคดำเนินการด้วยตัวเองทั้งหมด เพื่อแผนงานการทำทีมของโค้ชจะได้สอดคล้องตามแนวทางทำงานของประธานเทคนิค และที่สำคัญ โค้ชต่างชาติที่จะเข้ามาคุมทีมต้องทุ่มเทในการทำงานเป็นอย่างสูง ยกตัวอย่างเช่น "มาซาทาดะ อิชิอิ"ลงทุนซื้อโดรน , กล้องมาติดรอบสนาม และบันทึกภาพส่งให้นักเตะทุกคนในทีม เป็นรายบุคคล ให้แก้ไขในจุดที่มีปัญหา สอนแม้กระทั้งเบสิครากหญ้าที่นักเตะไทยยังขาดไป เรื่องอาหารโค้ชก็เป็นคนจัดคำนวณหลักโภชนาการเอง พอจบลีกก็ยังไม่กลับญี่ปุ่น มานักตากแดดคัดเด็กเยาวชนทุกชุด แม้กระทั่งล่าม เรียกได้ว่าล่ามของอิชิอิ เหมือนอิชิอิ อีกคนที่แยกร่างมาเลย แปลภาษาได้ดี รู้เรื่องฟุตบอลเป็นอย่างดี โค้ชอิชิอิใส่ใจในรายละเอียดทุกๆอย่างเค้า เรียกว่าค่าจ้าง8แสนบาท คุ้มทุกบาททุกสตางค์
ไม่ใช่แต่อิชิอิที่ทำทีมในลักษณะนี้ "ปาร์ค ฮัง ซอ"ก็ทำทีมทุมเทลักษณะนี้เช่นกัน ทีมชาติเวียดนามจึงประสบความสำเร็จได้อย่างต่อเนื่อง ฟิลิปป์ ทรุสซิเยร์ ซึ่งเป็นประธานเทคนิค เป็นคนเลือกโค้ช และ"ปาร์ค ฮัง ซอ"ก็ทำทีมอย่างทุ่มเทมากๆๆๆ ตามแนวทางของประธานเทคนิคได้วางเอาไว้ ผลลัพธ์ที่ออกมา มันจึงสอดคล้องไปทั้งระบบ
ดังนั้น การเลือกใช้บริการโค้ชต่างชาติ ประธานเทคนิคต้องเป็นคนดำเนินการเลือกเองกับมือ โค้ชต่างชาติต้องยกมาฟลูทีม ต้องตั้งใจทุ่มเท ประวัติการทำงานของโค้ช มันสืบกันได้อยู่แล้วว่าโค้ชทุ่มเทกับทีมมากขนาดไหน มีแนวทางการทำงานอย่างไร สอดคล้องกันหรือไม่ ที่สำคัญคนในสมาคมไม่ควรแทรกแซงยัดเยียดโค้ช หรือเสนอตัวเลือกโค้ช ต้องให้ประธานเทคนิคได้เป็นคนดำเนินเองทั้งหมด ตั้งแต่ขั้นตอนการคัดสรรค์รายชื่อโค้ชในเริ่มแรก จนกระทั่งถึงขั้นตอนจราจาขั้นสุดท้าย