ช่วงนี้ผมได้มีโอกาศศึกษาแนวทาง"เซน"
วิถีนำ"จิต"ตื่นสู่ความเป็น"พุทธะ"
ทำให้ผมเข้าใจเรื่องหนึ่ง
เมื่อการกล่าววาจา "ครั้งสุดท้าย" ของพระพุทธเจ้า
"หันทะทานิ ภิกขะเว อามันตะยามิ โว วะยะธัมมา สังขารา อัปปมาเทนะ สัมปาเทถะ"
"ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อันว่าสังขารทั้งหลาย ย่อมมีความเสื่อมสลายไปเป็นธรรมดา ท่านทั้งหลาย จงยังกิจทั้งปวงอันเป็นประโยชน์ของตน และประโยชน์ของผู้อื่นให้บริบูรณ์ ด้วยความไม่ประมาทเถิด”
ท่อนที่ว่า "สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา" พระองค์ทรงเน้น"สังขาร"
"สังขาร" คือ "การปรุงแต่งของจิต"
ฮวงโป : ได้สอนแนวทาง "เซน" ไว้ว่า หยุดการปรุงแต่งของจิตเสียได้เมื่อนั้น"พุทธะ"ก็จะตื่นขึ้น เมื่อ"พุทธะ"ตื่นขึ้นแล้ว จิตที่เป็น"พุทธะ"นั้น อยู่เหนือคำพูด อยู่เหนือคำอธิบาย อยู่เหนือการบัญญัติ
เมื่อพิจารณาถึงจุดนี้แล้ว ก็ตรงกับแนวทาง "อริยสัจ4"
"เมื่อมรรคคือหยุดการปรุงแต่งจิต เมื่อไม่มีการปรุงแต่งจิต สมุทัย(เหตุให้เกิดทุกข์)ก็ไม่มี เมื่อไม่มีสมุทัย(เหตุให้เกิดทุกข์) ก็ไม่มีทุกข์ เมื่อไม่มีทุกข์ก็คือการดับทุกข์ เมื่อดับทุกข์ก็คือนิโรธ"
อยากทราบว่าแต่ละท่านมีแนวทางหยุดการปรุงแต่งจิตกันแบบไหนบ้างครับ
พระพุทธเจ้าได้สอนแนวทางตื่นแบบ"เซน"ไว้นานแล้ว
วิถีนำ"จิต"ตื่นสู่ความเป็น"พุทธะ"
ทำให้ผมเข้าใจเรื่องหนึ่ง
เมื่อการกล่าววาจา "ครั้งสุดท้าย" ของพระพุทธเจ้า
"หันทะทานิ ภิกขะเว อามันตะยามิ โว วะยะธัมมา สังขารา อัปปมาเทนะ สัมปาเทถะ"
"ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อันว่าสังขารทั้งหลาย ย่อมมีความเสื่อมสลายไปเป็นธรรมดา ท่านทั้งหลาย จงยังกิจทั้งปวงอันเป็นประโยชน์ของตน และประโยชน์ของผู้อื่นให้บริบูรณ์ ด้วยความไม่ประมาทเถิด”
ท่อนที่ว่า "สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา" พระองค์ทรงเน้น"สังขาร"
"สังขาร" คือ "การปรุงแต่งของจิต"
ฮวงโป : ได้สอนแนวทาง "เซน" ไว้ว่า หยุดการปรุงแต่งของจิตเสียได้เมื่อนั้น"พุทธะ"ก็จะตื่นขึ้น เมื่อ"พุทธะ"ตื่นขึ้นแล้ว จิตที่เป็น"พุทธะ"นั้น อยู่เหนือคำพูด อยู่เหนือคำอธิบาย อยู่เหนือการบัญญัติ
เมื่อพิจารณาถึงจุดนี้แล้ว ก็ตรงกับแนวทาง "อริยสัจ4"
"เมื่อมรรคคือหยุดการปรุงแต่งจิต เมื่อไม่มีการปรุงแต่งจิต สมุทัย(เหตุให้เกิดทุกข์)ก็ไม่มี เมื่อไม่มีสมุทัย(เหตุให้เกิดทุกข์) ก็ไม่มีทุกข์ เมื่อไม่มีทุกข์ก็คือการดับทุกข์ เมื่อดับทุกข์ก็คือนิโรธ"
อยากทราบว่าแต่ละท่านมีแนวทางหยุดการปรุงแต่งจิตกันแบบไหนบ้างครับ