JJNY : 4in1 จีนรับเชื้อตายกันเดลต้าได้น้อย│เครียดเรียนออนไลน์ผูกคอดับ│ส่งออกข้าวเงินหาย2หมื่นล.│ติดโควิดรอเตียงเริ่มทรุด

จีนยอมรับวัคซีนเชื้อตายผลิตในจีน ป้องกันสายพันธุ์เดลต้าได้น้อย แค่ช่วยให้ไม่ป่วยหนัก
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_2795399

 
จีนยอมรับวัคซีนเชื้อตายผลิตในจีน ป้องกันสายพันธุ์เดลต้าได้น้อย แค่ช่วยให้ไม่ป่วยหนัก
 
รอยเตอร์รายงานเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน ว่า นายเฟิ่ง ซือเจี้ยน นักวิจัยประจำศูนย์เพื่อการควบคุมและป้องกันโรคจีน (ซีซีดีซี) ให้สัมภาษณ์ โทรทัศน์ ซีซีทีวี ของทางการจีน เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน ระบุว่า แอนติบอดี ซึ่งวัคซีนเชื้อตายที่ผลิตในจีนกระตุ้นให้เกิดขึ้นหลังได้รับวัคซีนนั้น มีประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้า หรือ บี.1.617.2 ได้น้อยกว่าเมื่อเทียบกับการป้องกันเชื้อโควิดสายพันธุ์อื่นๆ แต่ก็ยังช่วยให้ผู้ที่ได้รับวัคซีนไม่ป่วยหนักหากได้รับเชื้อ
 
นายเฟิ่ง ซึ่งในอดีตเคยเป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการซีซีดีซี ไม่ได้ระบุชื่อวัคซีนออกมา แต่กล่าวว่า วัคซีนซึ่งจีนผลิตออกมาและใช้ฉีดให้กับประชาชนในประเทศจีน มี 5 ตัวในจำนวนทั้งหมด 7 ตัวที่เป็นวัคซีนที่ใช้เชื้อโคโรนาไวรัสที่ตายแล้วเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดภูมิคุ้มกัน ซึ่งรวมทั้งวัคซีนของของบริษัท ซิโนแวค ไบโอเทค และวัคซีนของบริษัท ซิโนฟาร์ม ซึ่งใช้กันอยู่ในหลายประเทศ รวมทั้งประเทศไทย, บราซิล, บาห์เรน และชิลี
 
เจ้าหน้าที่ซีซีดีซีเปิดเผยว่า ที่ผ่านมามีการตรวจสอบพบเชื้อสายพันธุ์เดลต้า ใน 3 เมืองในมณฑลกวางตุ้ง ทางตอนใต้ของประเทศ ซึ่งพบผู้ติดเชื้อรวม 170 รายในช่วงระหว่างวันที่ 21 พฤษภาคม จนถึง 21 มิถุนายนนี้ โดยราว 80 เปอร์เซ็นต์ของผู้ติดเชื้อพบในนครกว่างโจว เมืองเอกของมณฑล แต่ไม่เป็นที่ชัดเจนว่ามีผู้ติดเชื้อสายพันธุ์เดลต้าจำนวนกี่ราย
 
อย่างไรก็ตาม นายเฟิ่งยืนยันว่า ในการแพร่ระบาดที่มณฑลกวางตุ้ง ผู้ติดเชื้อที่เคยได้รับวัคซีนแล้ว ไม่ปรากฏว่ามีอาการป่วยหนัก ในขณะเดียวกัน ผู้ที่พบว่าป่วยหนักทุกราย ไม่เคยได้รับวัคซีนมาก่อน
   


ม.4 เครียดเรียนออนไลน์ ผูกคอดับทั้งชุดนร.
https://www.pptvhd36.com/news/อาชญากรรม/150211
 
เด็กชายนักเรียนชั้นมัธยมปีที่ 4 เขียนปรึกษาพี่สาวกับเพื่อน เครียดเรียนออนไลน์ การบ้านเยอะ ก้มหน้าทำงานกับโทรศัพท์ ก็ถูกบ่นหาว่าเล่นเกมส์ ตัดสินใจผูกคอตาย
 
เจ้าหน้าที่กำลังช่วยเหลือ เด็กชายวัย 15 ปี ที่ตัดสินใจผูกคอตาย โดยเด็กชายคนดังกล่าวกำลังเรียนอยู่ระดับชั้นเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 4 ในจังหวัดชัยภูมิ และนี่คือข้อความระบายความเครียดกับพี่สาวและเพื่อนรุ่นพี่ ซึ่งพอจะประมวลได้ถึงสาเหตุของการตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง
 
โดยข้อความที่น้องฟลุค แชทคุยกับพี่สาวที่อยู่ต่างประเทศเป็นครั้งสุดท้ายว่า เครียดอ่ะ เรียนออนไลน์ปวดหัวไปหมด
ทางพี่สาวตอบมาว่า..สู้เด้ออดเอา.พี่ยังบ่ได้กลับไทยเลย..เดี๋ยวกะเก่ง ผู้ตาย.โพสต์เฟซบุ๊กตอบว่า...รอไรอ่ะ..
 
ส่วนอันนี้คือข้อความที่น้องฟลุค คุยระบายความเครียดกับเพื่อนรุ่นพี่ บอกว่า เครียดจัด ท้อ-ิบหาย คนอยู่บ้านยังไม่เข้าใจเลยว่าเป็นอะไร เห็นนั่งก้มหน้าก็คิดว่าเล่นแต่โทรศัพท์.ไม่ถามสักคำว่าเป็นอะไร
 
โดยเพื่อนรุ่นพี่ ตอบว่า ฟลุคกะไม่ต้องสนใจฟลุคตั้งใจเรียนก็พอ..ไม่ต้องว่าตัวเองเป็นโรคซึมเศร้า..ฟลุคแค่เครียด..อย่าคิดหลายพี่เข้าใจเรียนออนไลน์มันยากกว่า...
 
ทางฟลุ๊คแชท..ตอบว่า โรคซึมเศร้าอาการมันเป็นไง..ช่วงนี้ฟลุคนอนไม่หลับเลย คิดไปเรื่อย ปวดหัวอ่ะ
 
จากการสอบถาม นางสม คงคาใส ย่าน้องฟลุค เปิดเผยว่า พ่อแม่น้องฟลุคแยกทางกัน มีแต่อาผู้หญิงและย่าที่นำตัวน้องฟลุคมาอยู่ด้วยที่บ้านตั้งแต่เด็ก โดยวันนี้หลังเลิกเรียนก็ยังกลับบ้านมานั่งกินข้าวปกติ แต่พอเข้าห้องน้ำ ย่าเห็นหายไปนาน จึงไปเคาะเรียก แต่ไม่มีเสียงตอบรับ จึงตามอาและเพื่อนบ้านมาช่วยพังประตู ก็พบว่าหลานผูกคอในท่าคุกเข่า ทั้งที่ยังใส่ชุดนักเรียนอยู่ จึงช่วยกันแก้เชือกนำตัวมาปฐมพยาบาล
 
ส่วนสาเหตุที่คิดสั้น ทางญาติไม่ทราบแน่ชัด อาจจะผิดหวังความรักแบบวัยรุ่น หรือคิดน้อยใจ ที่ถูกบ่นเรื่องเอาแต่เล่นโทรศัพท์มือถือก็เป็นได้
 

 
ส่งออกข้าว 5 เดือนเงินหาย 2 หมื่นล้าน ค่าระวางพุ่ง 4.6 แสนต่อตู้
https://www.thansettakij.com/content/485368
 
ส่งออกข้าว 5 เดือนแรก ทำได้แค่ 1.8 ล้านตัน มูลค่าวูบเกือบ 2 หมื่นล้าน อินเดียทิ้งไทยไม่เห็นฝุ่นส่งออกแล้วกว่า 8 ล้านตัน ชี้ 3 ปัญหาใหญ่ข้าวแพงกว่าคู่แข่ง ขาดแคลนตู้ส่งมอบ ค่าระวางเรือพุ่งกระฉูด 4.6 แสนบาทต่อตู้
 
แม้ 5 เดือนแรกปี 2564 การส่งออกของไทยในภาพรวมจะส่งออกได้ถึงมูลค่า  108635 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ(3.27 ล้านล้านบาท)ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 10.7% โดยเดือนพฤษภาคมคมล่าสุดไทยส่งออกได้ถึง 23,057.91 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ(7.14 แสนล้านบาท) ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 41.59% เป็นอัตราการขยายตัวสูงสุดในรอบ 11 ปี  โดยสินค้าส่งออกส่วนใหญ่ฟื้นตัวขยายตัวเป็นบวกยกแผง แต่ในจำนวนนี้ยกเว้นสินค้าข้าวที่การส่งออกยังดำดิ่ง โงหัวไม่ขึ้น
 
นายชูเกียรติ  โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า ช่วง 5 เดือนแรกปีนี้ไทยส่งออกข้าวได้เพียงประมาณ 1.8 ล้านตัน เทียบกับคู่แข่งขันแล้วสถานการณ์ยังน่าห่วง เช่น อินเดียส่งออกได้ถึง 8 ล้านตัน ขณะที่เวียดนามส่งออกได้มากกว่า 2 ล้านตัน ซึ่งตั้งแต่ต้นปีเป็นต้นมาข้าวไทยขายยากจากยังมีราคาแพงกว่าคู่แข่งขัน (ตัวอย่างราคาข้าวขาว 5% ราคาส่งออกเอฟโอบีไทย  ณ มิ.ย.64 อยู่ที่ 447 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน เทียบข้าวชนิดเดียวกันจากอินเดียอยู่ที่ 388-392 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน)
 
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยที่ทำให้การส่งออกมีต้นทุนที่สูงจากค่าระวางเรือที่ปรับตัวสูงขึ้น เช่น ค่าระวางเรือจากกรุงเทพฯไปนิวยอร์คของสหรัฐฯขนาด 25ฟุต (บรรจุ 20 ตัน) จากปีที่ผ่านเฉลี่ยที่ 4,000 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตู้(124,000 บาทต่อตู้ คำนวณที่ 31 บาทต่อดอลลาร์) ปัจจุบันอยู่ที่ 15,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (465,000 บาท) ต่อตู้ (หรือสูงขึ้นกว่า 341,000 บาทต่อตู้)
 
“เทียบราคาข้าวหอมมะลิที่เราส่งออกที่ 800 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน(24,800 บาท) ค่าระวางเรือตก 600 ดอลลาร์สหรัฐฯตัน(18,600 บาท) จากในอดีตราคาข้าวหอมมะลิส่งออกของไทยกว่า 1,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ค่าระวางเรือหรือค่าเฟรทเพียง 50-60 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตันเท่านั้น แต่ปัจจุบันค่าเฟรทอย่างเดียวตกกว่า 600 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตันซึ่งต่างกันมาก และยังมีปัญหาขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ในการส่งออก ทำให้ส่งมอบสินค้าให้กับลูกค้าเกิดความล่าช้า เช่น ออเดอร์จาก 100% เวลานี้ส่งมอบได้จริงเพียง 30%  ที่เหลือต้องรอตู้หมุนเวียนกลับมา ดูแล้วสถานการณ์ปีนี้น่าห่วงมาก”
 
นายชูเกียรติกล่าวอีกว่า จากผลพวงข้าวไทยราคาแพง ทำให้ผู้บริโภคในสหรัฐฯเปลี่ยนจากการบริโภคข้าวหอมมะลิไทยไปบริโภคข้าวเมล็ดสั้นที่ผลิตในสหรัฐฯ หรือข้าวนำเข้าจากประเทศมากขึ้น ขณะที่ตลาดข้าวไทยที่ได้รับความนิยมในหมู่ชาวเอเชียในสหรัฐฯก็ถูกข้าวเวียดนามแย่งตลาดไปมากขึ้น ทำให้การส่งออกข้าวไทยไปสหรัฐฯปรับตัวลดลงอย่างมากในช่วง 5 เดือนแรกปีนี้ ซึ่งเป้าหมายการส่งออกข้าวไทยไปทั่วโลกปีนี้ที่ 5 ล้านตันปีนี้จะถึงหรือไม่คงลุ้นเหนื่อย
 
สอดคล้องกับข้อมูลของศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ โดยความร่วมมือจากกรมศุลกากรระบุ ช่วง 5 เดือนแรกปี 2564 ไทยส่งออกข้าวได้  1.77 ล้านตัน เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วส่งออกได้ 2.57 ล้านตัน หรือลดลง 31% ส่วนแง่มูลค่า 5 เดือนแรกอยูที่ 34,392 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วอยู่ที่ 54,234 ล้านบาท หรือลดลง 36.5%(ลดลงเกือบ 2 หมื่นล้านบาท)
 
โดยตลาดส่งออก 5 อันดับแรกได้แก่ สหรัฐอเมริกา ส่งออกมูลค่า 6,132 ล้านบาท -46%, แอฟริกาใต้ 3,712 ล้านบาท +15%, จีน 2,520 ล้านบาท -18%, ญี่ปุ่น 2,216 ล้านบาท  +37% และฮ่องกง 2,023 ล้านบาท -36%
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่