ศิลปะยืนยาว ชีวิตสั้น
คิดถึง ศรัณยู วงษ์กระจ่าง ในฉากและแสงไฟละครเวที
โดย วรา วราภรณ์
ทันทีที่มีข่าวการเสียชีวิตของเขาในค่ำคืนวันที่ 10 มิถุนายน 2563 ประวัติของ
ศรัณยู วงษ์กระจ่าง ถูกนำมาบอกเล่าซ้ำตามจำนวนครั้งของการเสนอข่าวจากสื่อไทยสำนักต่าง ๆ ด้วยลักษณะเนื้อหาที่แทบเป็นใจความเดียวกัน ส่วนในบทความนี้ เพื่อไม่ให้ซ้ำและมีรายละเอียดมากเกินไป ผู้เขียนขอหยิบยกเฉพาะข้อมูลที่แสดงความเป็นศิลปินละครเวทีของเขาและเพิ่มเติมมุมมองของตนเองลงไป
เช่นเดียวกับศิลปินไทยชั้นครูที่ผู้เขียนได้รู้จักและยังจดจำได้ผ่านผลงานและเรื่องราวชีวิตของท่านเหล่านั้น ตัวอย่างเช่น
หลวงประดิษฐไพเราะ ผู้เชี่ยวชาญดนตรีไทย,
ครูเอื้อ สุนทรสนาน หัวหน้าวงสุนทราภรณ์,
อารีย์ นักดนตรี นักแสดง และ
ศรคีรี ศรีประจวบ นักร้องเพลงลูกทุ่ง
ศรัณยู วงษ์กระจ่าง ก็เป็นศิลปินอีกคนหนึ่งที่เกิดมาท่ามกลางวิถีชีวิตอันเรียบง่ายงดงามในถิ่นทำเลที่เต็มไปด้วยความรุ่มรวยทางวัฒนธรรมและความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติในจังหวัดสมุทรสงครามเมื่อปี พ.ศ. 2503

บางเสี้ยวชีวิตเด็กบ้านสวนของศรัณยู วงษ์กระจ่าง
(ขอบคุณภาพจาก
https://www.facebook.com/SarunyooWongkrachang.Club/)
เขาเติบโตขึ้นมาจากการเลี้ยงดูด้วยความรักความอบอุ่นเสมือนลูกชายคนเดียวจาก
คุณพ่อสมนึกและคุณแม่จำลอง วงษ์กระจ่าง ญาติผู้ใหญ่ในครอบครัวที่ทำหน้าที่ดุจเดียวกับพ่อแม่ผู้ให้กำเนิด ในขณะที่มีสถานภาพเป็นน้องชายแท้ ๆ ถัดจาก
ธเนศ วรากุลนุเคราะห์ ศิลปินไทยที่มีผลงานโดดเด่นด้านการขับร้อง ดนตรี และการแสดงอีกคนหนึ่งด้วย
และเขาก็คือเด็กหนุ่มที่ไม่ได้สนใจการเรียนเพียงอย่างเดียว แต่ยังเข้าไปคลุกคลีกับกิจกรรมต่าง ๆ เช่นดนตรีและกีฬามาตั้งแต่เป็นนักเรียนมัธยม ก่อนที่จะเลือกเรียนด้านสถาปัตยกรรมตามเหตุผลและความคิดฝันแบบวัยรุ่น และหลงใหลในมนตราแห่งศิลปะการแสดงซึ่งเป็นกิจกรรมในรั้วมหาวิทยาลัยจนกระทั่งตัดสินใจเลือกเป็นอาชีพ ด้วยความรัก ด้วยความเชื่อมั่นและภาคภูมิใจ ปล่อยให้ความรู้ด้านสถาปัตยกรรมกลายเป็นวิชาเลือกในชีวิตแทน
จากข้อมูลที่รวบรวมได้เกี่ยวกับ
ศรัณยู วงษ์กระจ่าง ผู้เขียนยังไม่พบเรื่องราวศิลปินตามสายเลือดของบรรพบุรุษ ซึ่งอาจจะมีหรือไม่มีก็ยังไม่ทราบ แต่การที่เขาได้ค้นพบและติดตามเข้าไปในโลกศิลปะการแสดงผ่านกิจกรรม “ละคอนถาปัด” ตามศัพท์ที่นิสิตคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในยุคนั้นเรียกขานก็เพราะโอกาสและจังหวะที่สอดรับกันพอดี เพราะเป็นการแสดงที่เกิดจากธรรมเนียมการสร้างสรรค์มหรสพระดับตำนานที่บรรดารุ่นพี่คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์เป็นผู้ริเริ่มไว้ให้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2517
เมื่อศิลปินของเราเข้าไปเป็นน้องใหม่ของคณะนี้ใน พ.ศ. 2521 จึงแน่นอนว่าเขาก็คือสมาชิกอีกคนหนึ่งที่เลือกเข้าไปอยู่ท่ามกลางวงล้อมแห่งความคิดสร้างสรรค์มหาสนุกในบรรยากาศเล่นปนเรียน ดังที่
วินทร์ เลียววาริณ ศิลปินแห่งชาติ ปี 2556 (สาขาวรรณศิลป์) ในฐานะรุ่นพี่สถาปัตย์ จุฬาฯ ร่วมยุคอีกคนหนึ่งเคยเขียนถึงเรื่อง “ละคอนถาปัด” ว่า
“...คณะสถาปัตย์ จุฬาฯ น่าจะเป็นคณะสถาปัตย์เดียวในโลกที่ทำละครตลกด้วย และทำต่อเนื่องมาหลายสิบปี กลายเป็นกิจกรรมหนึ่งของคณะไปแล้ว จนเกือบจะเปลี่ยนชื่อเป็นคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการละคร
นิสิตคณะนี้ก็ไม่ค่อยเรียน ทำกิจกรรมเล่นสนุกไปวัน ๆ หาแก่นสารอะไรมิได้! กิจกรรมหนึ่งในบรรดาเรื่อง ‘หาแก่นสารอะไรมิได้’ ก็คือ เล่นละคร เล่นเอง ขำเอง
เอกลักษณ์เฉพาะของละคร’ถาปัดคือ ไร้สูตร ไร้รูปแบบ เป็นส่วนผสมของความคิดสร้างสรรค์กับอารมณ์ขัน ส่วนหนึ่งเพราะการเรียนจำเป็นต้องพึ่งความคิดสร้างสรรค์และการคิดนอกกรอบ...”
จากที่เพียงแค่อยากใช้เวลาทำกิจกรรมเพื่อทดแทนชีวิตการเรียนที่เข้มข้นช่วงมัธยมปลาย ปรากฏว่า “ละคอนถาปัด” กลับเป็นสะพานเชื่อมอย่างดีให้ศรัณยูได้ก้าวข้ามจากวิกคณะสถาปัตย์ไปเป็นนักแสดงละครเวทีที่ภาควิชาศิลปการละคร คณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ ซึ่งเวลานั้นอยู่ในการดูแลรับผิดชอบของ
รศ.สดใส พันธุมโกมล ผู้บุกเบิกละครสมัยใหม่ของเมืองไทย และเป็นผู้จัดทำหลักสูตรวิชาศิลปการละครพร้อมก่อตั้งแผนกวิชาศิลปการละครในคณะอักษรศาสตร์ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2514 ซึ่งต่อมาได้รับการยกย่องให้เป็นศิลปินแห่งชาติด้านศิลปะการแสดง (ละครเวทีและละครโทรทัศน์) ปี 2554
ด้วยเหตุนี้เอง จากนักแสดงสมัครเล่นของ “ละครถาปัด” ศรัณยูจึงเดินเข้าไปต่อยอดความรู้ด้านละครเวทีที่คณะอักษรศาสตร์ด้วยความทึ่งและประทับใจในพลังและความสามารถของ รศ.สดใส หรือ “ครูใหญ่” ของบรรดาลูกศิษย์ซึ่งได้เป็นผู้ฝึกสอนเขาโดยตรง และเป็นคนที่เขาบอกว่าจะลืมไม่ได้ เพราะ “อาจารย์สดใสเป็นต้นแบบทางละครของผม”
เขาเคยให้สัมภาษณ์ถึงท่านด้วยสีหน้าท่าทางที่ผ่อนคลายขณะอยู่ในห้องแต่งตัวเพื่อเตรียมแสดงละครเวที พรายน้ำ ในงาน Surprise วันเกิดครูใหญ่เมื่อ 16 มีนาคม 2561 ราวสองปีเศษก่อนเขาจะเสียชีวิต
“...เราเป็นเด็กถาปัดก็ไม่มีพื้นฐานละคร เราก็บ้าอย่างเดียว ก็รู้แค่การออกแบบฉาก ออกแบบการนำเสนอ-แค่นี้ อยู่ ๆ จับมา voice training ตอนเย็น ๆ จับมาซ้อม มันคืออะไรวะ เฮ้ย! มันเป็นอย่างงี้เหรอ เจอหน้าครูแล้วครูไม่ดุ สนุกมาก แล้วครูมีพลังมาก...มัน...ตลก...เพราะแกเสียงดัง หัวเราะแล้วเฮฮา มีความเป็นกันเอง...พอตอนซ้อมก็เข้าสู่กระบวนการตีความ เราก็รู้จักคำใหม่ ๆ concentrate (จดจ่อ), interpret (อธิบายความ) ต้องมีสมาธิก่อน ต้องวอร์มก่อน ก็เลยค่อย ๆ เริ่มสนุกไปกับมัน หลังจากนั้นก็มาเล่นอยู่บ่อย ๆ ละครสอบของรุ่นพี่ วันนี้สอบกำกับ Thesis (วิทยานิพนธ์) สอบบท ของคนนู้นคนนี้...”
ด้วยอุปนิสัยคนช่างคิด มีโลกส่วนตัวสูง อ่อนไหวและสะเทือนใจง่ายตามคำบอกเล่าของเจ้าตัวและคนใกล้ชิด จึงทำให้เรา-หมายถึงคนนอกอย่างผู้เขียนหรือแฟนละครของเขาย่อมเข้าใจได้ทันทีว่า เขาต้องหลงรักและหลงใหลศิลปะการแสดงได้อย่างไม่น่าแปลกใจ ที่มากกว่านั้น เขาพยายามเรียนรู้อย่างจริงจังเพื่อเป็นนักแสดงที่ดีด้วยกระบวนการเรียนรู้จากการทำงานละครแต่ละเรื่องกับครูผู้เป็นต้นแบบของเขา
“ผมว่าผมเรียนด้วยการทำงาน ด้วยการเล่นจริง ๆ มากกว่านะครับ ได้เล่นกับของจริงที่มีอาจารย์สดใสเป็นคนสอนด้านหลักการที่ถูกต้องให้ ผมจึงได้ไปลงรากลึกที่การละครตั้งแต่ตรงนั้น ทำให้เรารู้จักตัวเองชัดเจนขึ้น” (นิตยสาร Delite 2536)

การแสดงละครเวทีกับพี่น้องผองเพื่อนในรั้วจุฬาฯ จุดเริ่มต้นของการค้นพบความสุขในชีวิต
(ขอบคุณภาพจาก
https://www.facebook.com/dramaartschula/photos/pcb.2510692785700978/2510694239034166)
(ต่อกรอบล่าง)
ศิลปะยืนยาว ชีวิตสั้น : คิดถึงศรัณยู วงษ์กระจ่าง ในฉากและแสงไฟละครเวที
คิดถึง ศรัณยู วงษ์กระจ่าง ในฉากและแสงไฟละครเวที
โดย วรา วราภรณ์
ทันทีที่มีข่าวการเสียชีวิตของเขาในค่ำคืนวันที่ 10 มิถุนายน 2563 ประวัติของ ศรัณยู วงษ์กระจ่าง ถูกนำมาบอกเล่าซ้ำตามจำนวนครั้งของการเสนอข่าวจากสื่อไทยสำนักต่าง ๆ ด้วยลักษณะเนื้อหาที่แทบเป็นใจความเดียวกัน ส่วนในบทความนี้ เพื่อไม่ให้ซ้ำและมีรายละเอียดมากเกินไป ผู้เขียนขอหยิบยกเฉพาะข้อมูลที่แสดงความเป็นศิลปินละครเวทีของเขาและเพิ่มเติมมุมมองของตนเองลงไป
เช่นเดียวกับศิลปินไทยชั้นครูที่ผู้เขียนได้รู้จักและยังจดจำได้ผ่านผลงานและเรื่องราวชีวิตของท่านเหล่านั้น ตัวอย่างเช่น หลวงประดิษฐไพเราะ ผู้เชี่ยวชาญดนตรีไทย, ครูเอื้อ สุนทรสนาน หัวหน้าวงสุนทราภรณ์, อารีย์ นักดนตรี นักแสดง และ ศรคีรี ศรีประจวบ นักร้องเพลงลูกทุ่ง ศรัณยู วงษ์กระจ่าง ก็เป็นศิลปินอีกคนหนึ่งที่เกิดมาท่ามกลางวิถีชีวิตอันเรียบง่ายงดงามในถิ่นทำเลที่เต็มไปด้วยความรุ่มรวยทางวัฒนธรรมและความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติในจังหวัดสมุทรสงครามเมื่อปี พ.ศ. 2503
บางเสี้ยวชีวิตเด็กบ้านสวนของศรัณยู วงษ์กระจ่าง
(ขอบคุณภาพจาก https://www.facebook.com/SarunyooWongkrachang.Club/)
เขาเติบโตขึ้นมาจากการเลี้ยงดูด้วยความรักความอบอุ่นเสมือนลูกชายคนเดียวจาก คุณพ่อสมนึกและคุณแม่จำลอง วงษ์กระจ่าง ญาติผู้ใหญ่ในครอบครัวที่ทำหน้าที่ดุจเดียวกับพ่อแม่ผู้ให้กำเนิด ในขณะที่มีสถานภาพเป็นน้องชายแท้ ๆ ถัดจาก ธเนศ วรากุลนุเคราะห์ ศิลปินไทยที่มีผลงานโดดเด่นด้านการขับร้อง ดนตรี และการแสดงอีกคนหนึ่งด้วย
และเขาก็คือเด็กหนุ่มที่ไม่ได้สนใจการเรียนเพียงอย่างเดียว แต่ยังเข้าไปคลุกคลีกับกิจกรรมต่าง ๆ เช่นดนตรีและกีฬามาตั้งแต่เป็นนักเรียนมัธยม ก่อนที่จะเลือกเรียนด้านสถาปัตยกรรมตามเหตุผลและความคิดฝันแบบวัยรุ่น และหลงใหลในมนตราแห่งศิลปะการแสดงซึ่งเป็นกิจกรรมในรั้วมหาวิทยาลัยจนกระทั่งตัดสินใจเลือกเป็นอาชีพ ด้วยความรัก ด้วยความเชื่อมั่นและภาคภูมิใจ ปล่อยให้ความรู้ด้านสถาปัตยกรรมกลายเป็นวิชาเลือกในชีวิตแทน
จากข้อมูลที่รวบรวมได้เกี่ยวกับ ศรัณยู วงษ์กระจ่าง ผู้เขียนยังไม่พบเรื่องราวศิลปินตามสายเลือดของบรรพบุรุษ ซึ่งอาจจะมีหรือไม่มีก็ยังไม่ทราบ แต่การที่เขาได้ค้นพบและติดตามเข้าไปในโลกศิลปะการแสดงผ่านกิจกรรม “ละคอนถาปัด” ตามศัพท์ที่นิสิตคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในยุคนั้นเรียกขานก็เพราะโอกาสและจังหวะที่สอดรับกันพอดี เพราะเป็นการแสดงที่เกิดจากธรรมเนียมการสร้างสรรค์มหรสพระดับตำนานที่บรรดารุ่นพี่คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์เป็นผู้ริเริ่มไว้ให้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2517
เมื่อศิลปินของเราเข้าไปเป็นน้องใหม่ของคณะนี้ใน พ.ศ. 2521 จึงแน่นอนว่าเขาก็คือสมาชิกอีกคนหนึ่งที่เลือกเข้าไปอยู่ท่ามกลางวงล้อมแห่งความคิดสร้างสรรค์มหาสนุกในบรรยากาศเล่นปนเรียน ดังที่ วินทร์ เลียววาริณ ศิลปินแห่งชาติ ปี 2556 (สาขาวรรณศิลป์) ในฐานะรุ่นพี่สถาปัตย์ จุฬาฯ ร่วมยุคอีกคนหนึ่งเคยเขียนถึงเรื่อง “ละคอนถาปัด” ว่า
“...คณะสถาปัตย์ จุฬาฯ น่าจะเป็นคณะสถาปัตย์เดียวในโลกที่ทำละครตลกด้วย และทำต่อเนื่องมาหลายสิบปี กลายเป็นกิจกรรมหนึ่งของคณะไปแล้ว จนเกือบจะเปลี่ยนชื่อเป็นคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการละคร
นิสิตคณะนี้ก็ไม่ค่อยเรียน ทำกิจกรรมเล่นสนุกไปวัน ๆ หาแก่นสารอะไรมิได้! กิจกรรมหนึ่งในบรรดาเรื่อง ‘หาแก่นสารอะไรมิได้’ ก็คือ เล่นละคร เล่นเอง ขำเอง
เอกลักษณ์เฉพาะของละคร’ถาปัดคือ ไร้สูตร ไร้รูปแบบ เป็นส่วนผสมของความคิดสร้างสรรค์กับอารมณ์ขัน ส่วนหนึ่งเพราะการเรียนจำเป็นต้องพึ่งความคิดสร้างสรรค์และการคิดนอกกรอบ...”
จากที่เพียงแค่อยากใช้เวลาทำกิจกรรมเพื่อทดแทนชีวิตการเรียนที่เข้มข้นช่วงมัธยมปลาย ปรากฏว่า “ละคอนถาปัด” กลับเป็นสะพานเชื่อมอย่างดีให้ศรัณยูได้ก้าวข้ามจากวิกคณะสถาปัตย์ไปเป็นนักแสดงละครเวทีที่ภาควิชาศิลปการละคร คณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ ซึ่งเวลานั้นอยู่ในการดูแลรับผิดชอบของ รศ.สดใส พันธุมโกมล ผู้บุกเบิกละครสมัยใหม่ของเมืองไทย และเป็นผู้จัดทำหลักสูตรวิชาศิลปการละครพร้อมก่อตั้งแผนกวิชาศิลปการละครในคณะอักษรศาสตร์ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2514 ซึ่งต่อมาได้รับการยกย่องให้เป็นศิลปินแห่งชาติด้านศิลปะการแสดง (ละครเวทีและละครโทรทัศน์) ปี 2554
ด้วยเหตุนี้เอง จากนักแสดงสมัครเล่นของ “ละครถาปัด” ศรัณยูจึงเดินเข้าไปต่อยอดความรู้ด้านละครเวทีที่คณะอักษรศาสตร์ด้วยความทึ่งและประทับใจในพลังและความสามารถของ รศ.สดใส หรือ “ครูใหญ่” ของบรรดาลูกศิษย์ซึ่งได้เป็นผู้ฝึกสอนเขาโดยตรง และเป็นคนที่เขาบอกว่าจะลืมไม่ได้ เพราะ “อาจารย์สดใสเป็นต้นแบบทางละครของผม”
เขาเคยให้สัมภาษณ์ถึงท่านด้วยสีหน้าท่าทางที่ผ่อนคลายขณะอยู่ในห้องแต่งตัวเพื่อเตรียมแสดงละครเวที พรายน้ำ ในงาน Surprise วันเกิดครูใหญ่เมื่อ 16 มีนาคม 2561 ราวสองปีเศษก่อนเขาจะเสียชีวิต
“...เราเป็นเด็กถาปัดก็ไม่มีพื้นฐานละคร เราก็บ้าอย่างเดียว ก็รู้แค่การออกแบบฉาก ออกแบบการนำเสนอ-แค่นี้ อยู่ ๆ จับมา voice training ตอนเย็น ๆ จับมาซ้อม มันคืออะไรวะ เฮ้ย! มันเป็นอย่างงี้เหรอ เจอหน้าครูแล้วครูไม่ดุ สนุกมาก แล้วครูมีพลังมาก...มัน...ตลก...เพราะแกเสียงดัง หัวเราะแล้วเฮฮา มีความเป็นกันเอง...พอตอนซ้อมก็เข้าสู่กระบวนการตีความ เราก็รู้จักคำใหม่ ๆ concentrate (จดจ่อ), interpret (อธิบายความ) ต้องมีสมาธิก่อน ต้องวอร์มก่อน ก็เลยค่อย ๆ เริ่มสนุกไปกับมัน หลังจากนั้นก็มาเล่นอยู่บ่อย ๆ ละครสอบของรุ่นพี่ วันนี้สอบกำกับ Thesis (วิทยานิพนธ์) สอบบท ของคนนู้นคนนี้...”
ด้วยอุปนิสัยคนช่างคิด มีโลกส่วนตัวสูง อ่อนไหวและสะเทือนใจง่ายตามคำบอกเล่าของเจ้าตัวและคนใกล้ชิด จึงทำให้เรา-หมายถึงคนนอกอย่างผู้เขียนหรือแฟนละครของเขาย่อมเข้าใจได้ทันทีว่า เขาต้องหลงรักและหลงใหลศิลปะการแสดงได้อย่างไม่น่าแปลกใจ ที่มากกว่านั้น เขาพยายามเรียนรู้อย่างจริงจังเพื่อเป็นนักแสดงที่ดีด้วยกระบวนการเรียนรู้จากการทำงานละครแต่ละเรื่องกับครูผู้เป็นต้นแบบของเขา
“ผมว่าผมเรียนด้วยการทำงาน ด้วยการเล่นจริง ๆ มากกว่านะครับ ได้เล่นกับของจริงที่มีอาจารย์สดใสเป็นคนสอนด้านหลักการที่ถูกต้องให้ ผมจึงได้ไปลงรากลึกที่การละครตั้งแต่ตรงนั้น ทำให้เรารู้จักตัวเองชัดเจนขึ้น” (นิตยสาร Delite 2536)
การแสดงละครเวทีกับพี่น้องผองเพื่อนในรั้วจุฬาฯ จุดเริ่มต้นของการค้นพบความสุขในชีวิต
(ขอบคุณภาพจาก https://www.facebook.com/dramaartschula/photos/pcb.2510692785700978/2510694239034166)
(ต่อกรอบล่าง)