ขอเล่าเรื่องราวในชีวิต ผ่านมุมมองของคนเป็นลูก นะคะ
เราคือบุตรสาวคนโตของบ้าน อายุกำลังจะ 30 ปี ยังไม่แต่งงาน ทำงานและอาศัยอยู่คอนโดข้างนอกเป็นส่วนใหญ่
ครอบครัวของเราประกอบไปด้วย คุณพ่อ คุณแม่ และน้องชาย คุณพ่อทำงานด้านสายบริหารงานดูแลพวกหมู่บ้านจัดสรร และคอนโดฯ ทำในนามบริษัทของคุณแม่ ส่วนคุณแม่ก็เป็นเจ้าของและกรรมการบริษัท ทั้ง 2 จดทะเบียนสมรสกัน
ธุรกิจเราดำเนินมาเรื่อยๆ จนกระทั่งเรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น นั่นคือ เรื่องชู้สาว ...
ในมุมมองผ่านสายตาคนเป็นลูกอย่างเรา ซึ่งไม่รู้ว่ามีใครเคยเจอเหตุการ์แบบนี้บ้างไหมคะ??
เราพบว่าแม่ของเราเศร้า และร้องไห้ และเจ็บปวดมากๆ ตัวเราเองก็ช็อคเช่นกัน เราพยายามเป็นคนกลาง เพื่อจะได้หาทางออกที่ดีที่สุด
ฝั่งแม่คือ แม่เสียใจ เจ็บปวด และสับสน ว่าชีวิตต้องไปอย่างไรต่อ
ฝั่งพ่อคือ เราตัดสินใจถามพ่อตรงๆ ว่า ผู้หญิงคนนี้(ชู้) คือใคร อันนี้ที่ไลน์หากันข้อความแปลกๆ สลิปซื้อของ สลิปโอนเงินให้ผู้หญิงคนนี้คืออะไร พ่อปฏิเสธตัดบทว่าไม่รู้จัก...
ทางคุณแม่ เริ่มขอร้องพ่อว่า ขอหย่า แต่คุณพ่อกลับขึ้นเสียงว่าไม่!! นี่ โมโห แล้วนะ เราเห็นท่าไม่ดีจึงกันแม่พาเธอออกมา...
ในทีแรกเราก็สรุปให้เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ตกลงกัน...
เราเป็นลูกที่อยากให้พ่อแม่รักกัน ดีกันเสมอ ไม่อยากเป็นครอบครัวที่บ้านแตก เรารักทั้งพ่อและแม่
และ หลักฐานที่ว่าพ่อมีชู้รึเปล่าก็ยังไม่ชัดเจน เราจึงไม่กล้าฟันธง และบอกตัวเองว่าคงไม่มีอะไร
แต่นานวันเรายิ่งพบความผิดปกติ... เราเองก็ไม่ได้อยู่บ้าน อยู่แต่คอนโดเพราะใกล้ที่ทำงาน น้องก็อยู่ข้างนอกเช่นกัน บ้านจึงมีแต่พ่อกับแม่ ทำงานออกเช้ากลับค่ำทั้งคู่ เราพบความผิดปกติ คือ แม่โทรมาเสียงเศร้าๆ กังวล มีบ่นไม่อยากอยู่บ้านอีกแล้ว...
แม่คิดว่าพ่อน่าจะมีคนอื่นจริงๆ คนเดียวกับชื่อที่พบในไลน์ และสลิปโอนเงินที่พบในบ้าน
เราเองตอนแรกก็บอกแม่ไปว่า ไม่มีไรหรอก แม่คิดมากไปเอง เราก็โทรหาพ่อ พ่อก็บอกไม่มีใคร
สุดท้ายเราตัดสินใจไม่เชื่อทั้ง 2 ฝ่ายแบบ 100%
และตัดสินใจตามสืบเพื่อพิสูจน์ดู
เราลองแอบตามไป... แล้วก็พบ...
พ่อมีชู้จริงๆ... ตกดึกพ่อกับชู้พากันเข้าที่พักรายวัน เราขับรถตามไปติดๆ ระหว่างที่จอดรถดักหน้าซอยที่พัก
เราแกล้งโทรไปเบอร์พ่อ พ่อรับสาย เราถามว่าพ่อคุยได้มั้ย ว่างรึเปล่า? พ่อตอบ ขับรถอยู่กำลังไปประชุมไม่สะดวกคุย แค่นี้ก่อนนะ... ละวางสายไป..
บอกตรงๆค่ะ เจ็บ + ช็อก อึนๆ มึนหัวไปหมด
คือ.. ในความศรัทธา พ่อตัวเองพังทลายลงเป็นเสี่ยงๆเลยค่ะ...
เราบอกความจริงกับแม่ ว่าเราเจออะไรมา..
และสิ่งที่แม่คิดมันใช่จริงๆ ซึ่งในต่อมาเราสืบจนทราบว่าชื่อในไลน์ ชื่อในสลิปโอนเงินก็คือคนนี้เอง คนเดียวกัน...
เราถามแม่ว่าจะอย่างไรต่อ...
แม่ตัดสินใจว่า ในเมื่อแม่เองเคยถามแล้วว่าผู้หญิงคนนี้ใคร? พ่อก็ปฏิเสธดื้อๆว่าไม่รู้จัก (ไม่รู้จักแต่โอนเงิน) แม่ขอหย่า แต่พ่อขึ้นเสียงไม่!! และบอกในหัวแม่นั้นคิดไปเองว่าพ่อนอกใจ...
แม่บอกว่า แม่เจ็บ... เจ็บปวดใจมากๆ และไม่อยากอยู่แบบนี้อีกแล้ว... เราจึงบอกแม่ว่า แม่จะฟ้องหย่าไหม?
แม่ตอบตกลง ....
จึงได้เข้าสู่ขั้นตอนการฟ้องคดี
ในช่วงเวลานี้ เราต้องเข้มแข็งเพื่อเป็นกำลังให้แม่
บวกกับ ต้องทำใจให้เข้มแข็งเช่นกัน เพราะคำว่าครอบครัวกำลังจะพังลงแล้ว...
และ.. นี่เรากำลังจะฟ้องพ่อตัวเอง แต่เพื่อแม่ตัวเอง...
ความสับสนตีกันไปหมด จนเข้าวัดเพื่อถามว่า..
"หนูเจอเหตุการณ์ที่พ่อทำร้ายความรู้สึกแม่ โดยการนอกใจ แต่โกหกแม่ว่าไม่ได้นอกใจ แม่เสียใจมาก และสรุปแม่จะฟ้องหย่า ในฐานะลูก หนูอยากปกป้องแม่ แต่.. หนูก็ต้องดำเนินคดีขึ้นศาลกับพ่อตัวเอง หนูบาปไหมคะ?" แล้วเราก็ได้คำตอบว่า
หนูเป็นกำลังและดูแลแม่นั้นถูกแล้ว
หนูเห็นสิ่งผิดสิ่งถูก ก็ทำตามที่เห็นถูก
แต่ความเป็นพ่อลูกก็ตัดกันไม่ขาด ยังไงเขาก็คือพ่อ วันนึงพ่อจะตาสว่างและขอโทษแม่หนูเอง...
จากวันนั้น ที่ดำเนินคดีฟ้องหย่ามา ทั้ง
ต้นทุน และเวลาในการฟ้อง ก็ยาวนานมา
ถึง 2 ปีกว่า และยังไม่จบ 100%
พ่อยังไม่เคยขอโทษแม่ซักครั้ง
ในการให้ปากคำ พ่อก็ปฏิเสธคำฟ้อง แต่ก็จนตรอกด้วยหลักฐาน... ศาลพิพากษา ให้ฝั่งพ่อ+ชู้ผิด
และให้ชดใช้ + หย่าจากกันได้ ...
ตอนนี้ขั้นตอนถึงเวลาที่ต้องบังคับคดีให้ชดใช้ตามคำสั่งศาล แต่พ่อยื่นเรื่องต่อศาลว่า ตนไม่มีเงิน
ขอชดใช้ด้วยสินสมรส...
ศาลยังคงทำนัดให้มาแจกแจงเรื่องทรัพย์สิน..
และทางพ่อเองก็ยังคงไม่สนใจความรู้สึกของแม่
เราเองในมุมมองลูก... บอกตรงๆ ค่ะ
เราโกรธ และก็เสียใจ เราอยากถามพ่อว่า ไม่รู้สึกผิดบ้างเลยหรอ??
ในตอนนี้เราก็พึ่งกฏหมาย ให้ดำเนินการไปในทางที่ควร... และเป็นแรง เป็นกำลังให้แม่
พ่อคงกำลังหลงทาง... เราคงต้องรอดูต่อไปเรื่อยๆ...
หวังว่า คงมีซักวันที่พ่อจะตาสว่าง และขอโทษแม่ซักครั้งนึง...
หวังว่าเรื่องราวในชีวิตของเราที่เล่าออกมานั้น
จะเป็นการแบ่งปันบทละครชีวิตๆนึง เราไม่ขอ ออกตัวว่า เราทำผิด หรือ ทำถูก ในใจคิดว่า อย่างน้อยได้ระบายออกมา เราอาจได้รับคำแนะนำที่ดีในการดำเนินชีวิตต่อจากนี้ หรือ ใครซักคนที่ผ่านเรื่องคล้ายๆกันนี้มา หรือกำลังเผชิญหน้าอยู่...
เราอยากบอกว่า จงเข้มแข็ง และมีสติ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน นะคะ
ขอบคุณค่ะ
มุมมองของลูก เมื่อต้องช่วยแม่ฟ้องหย่าพ่อ
เราคือบุตรสาวคนโตของบ้าน อายุกำลังจะ 30 ปี ยังไม่แต่งงาน ทำงานและอาศัยอยู่คอนโดข้างนอกเป็นส่วนใหญ่
ครอบครัวของเราประกอบไปด้วย คุณพ่อ คุณแม่ และน้องชาย คุณพ่อทำงานด้านสายบริหารงานดูแลพวกหมู่บ้านจัดสรร และคอนโดฯ ทำในนามบริษัทของคุณแม่ ส่วนคุณแม่ก็เป็นเจ้าของและกรรมการบริษัท ทั้ง 2 จดทะเบียนสมรสกัน
ธุรกิจเราดำเนินมาเรื่อยๆ จนกระทั่งเรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น นั่นคือ เรื่องชู้สาว ...
ในมุมมองผ่านสายตาคนเป็นลูกอย่างเรา ซึ่งไม่รู้ว่ามีใครเคยเจอเหตุการ์แบบนี้บ้างไหมคะ??
เราพบว่าแม่ของเราเศร้า และร้องไห้ และเจ็บปวดมากๆ ตัวเราเองก็ช็อคเช่นกัน เราพยายามเป็นคนกลาง เพื่อจะได้หาทางออกที่ดีที่สุด
ฝั่งแม่คือ แม่เสียใจ เจ็บปวด และสับสน ว่าชีวิตต้องไปอย่างไรต่อ
ฝั่งพ่อคือ เราตัดสินใจถามพ่อตรงๆ ว่า ผู้หญิงคนนี้(ชู้) คือใคร อันนี้ที่ไลน์หากันข้อความแปลกๆ สลิปซื้อของ สลิปโอนเงินให้ผู้หญิงคนนี้คืออะไร พ่อปฏิเสธตัดบทว่าไม่รู้จัก...
ทางคุณแม่ เริ่มขอร้องพ่อว่า ขอหย่า แต่คุณพ่อกลับขึ้นเสียงว่าไม่!! นี่ โมโห แล้วนะ เราเห็นท่าไม่ดีจึงกันแม่พาเธอออกมา...
ในทีแรกเราก็สรุปให้เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ตกลงกัน...
เราเป็นลูกที่อยากให้พ่อแม่รักกัน ดีกันเสมอ ไม่อยากเป็นครอบครัวที่บ้านแตก เรารักทั้งพ่อและแม่
และ หลักฐานที่ว่าพ่อมีชู้รึเปล่าก็ยังไม่ชัดเจน เราจึงไม่กล้าฟันธง และบอกตัวเองว่าคงไม่มีอะไร
แต่นานวันเรายิ่งพบความผิดปกติ... เราเองก็ไม่ได้อยู่บ้าน อยู่แต่คอนโดเพราะใกล้ที่ทำงาน น้องก็อยู่ข้างนอกเช่นกัน บ้านจึงมีแต่พ่อกับแม่ ทำงานออกเช้ากลับค่ำทั้งคู่ เราพบความผิดปกติ คือ แม่โทรมาเสียงเศร้าๆ กังวล มีบ่นไม่อยากอยู่บ้านอีกแล้ว...
แม่คิดว่าพ่อน่าจะมีคนอื่นจริงๆ คนเดียวกับชื่อที่พบในไลน์ และสลิปโอนเงินที่พบในบ้าน
เราเองตอนแรกก็บอกแม่ไปว่า ไม่มีไรหรอก แม่คิดมากไปเอง เราก็โทรหาพ่อ พ่อก็บอกไม่มีใคร
สุดท้ายเราตัดสินใจไม่เชื่อทั้ง 2 ฝ่ายแบบ 100%
และตัดสินใจตามสืบเพื่อพิสูจน์ดู
เราลองแอบตามไป... แล้วก็พบ...
พ่อมีชู้จริงๆ... ตกดึกพ่อกับชู้พากันเข้าที่พักรายวัน เราขับรถตามไปติดๆ ระหว่างที่จอดรถดักหน้าซอยที่พัก
เราแกล้งโทรไปเบอร์พ่อ พ่อรับสาย เราถามว่าพ่อคุยได้มั้ย ว่างรึเปล่า? พ่อตอบ ขับรถอยู่กำลังไปประชุมไม่สะดวกคุย แค่นี้ก่อนนะ... ละวางสายไป..
บอกตรงๆค่ะ เจ็บ + ช็อก อึนๆ มึนหัวไปหมด
คือ.. ในความศรัทธา พ่อตัวเองพังทลายลงเป็นเสี่ยงๆเลยค่ะ...
เราบอกความจริงกับแม่ ว่าเราเจออะไรมา..
และสิ่งที่แม่คิดมันใช่จริงๆ ซึ่งในต่อมาเราสืบจนทราบว่าชื่อในไลน์ ชื่อในสลิปโอนเงินก็คือคนนี้เอง คนเดียวกัน...
เราถามแม่ว่าจะอย่างไรต่อ...
แม่ตัดสินใจว่า ในเมื่อแม่เองเคยถามแล้วว่าผู้หญิงคนนี้ใคร? พ่อก็ปฏิเสธดื้อๆว่าไม่รู้จัก (ไม่รู้จักแต่โอนเงิน) แม่ขอหย่า แต่พ่อขึ้นเสียงไม่!! และบอกในหัวแม่นั้นคิดไปเองว่าพ่อนอกใจ...
แม่บอกว่า แม่เจ็บ... เจ็บปวดใจมากๆ และไม่อยากอยู่แบบนี้อีกแล้ว... เราจึงบอกแม่ว่า แม่จะฟ้องหย่าไหม?
แม่ตอบตกลง ....
จึงได้เข้าสู่ขั้นตอนการฟ้องคดี
ในช่วงเวลานี้ เราต้องเข้มแข็งเพื่อเป็นกำลังให้แม่
บวกกับ ต้องทำใจให้เข้มแข็งเช่นกัน เพราะคำว่าครอบครัวกำลังจะพังลงแล้ว...
และ.. นี่เรากำลังจะฟ้องพ่อตัวเอง แต่เพื่อแม่ตัวเอง...
ความสับสนตีกันไปหมด จนเข้าวัดเพื่อถามว่า..
"หนูเจอเหตุการณ์ที่พ่อทำร้ายความรู้สึกแม่ โดยการนอกใจ แต่โกหกแม่ว่าไม่ได้นอกใจ แม่เสียใจมาก และสรุปแม่จะฟ้องหย่า ในฐานะลูก หนูอยากปกป้องแม่ แต่.. หนูก็ต้องดำเนินคดีขึ้นศาลกับพ่อตัวเอง หนูบาปไหมคะ?" แล้วเราก็ได้คำตอบว่า
หนูเป็นกำลังและดูแลแม่นั้นถูกแล้ว
หนูเห็นสิ่งผิดสิ่งถูก ก็ทำตามที่เห็นถูก
แต่ความเป็นพ่อลูกก็ตัดกันไม่ขาด ยังไงเขาก็คือพ่อ วันนึงพ่อจะตาสว่างและขอโทษแม่หนูเอง...
จากวันนั้น ที่ดำเนินคดีฟ้องหย่ามา ทั้ง
ต้นทุน และเวลาในการฟ้อง ก็ยาวนานมา
ถึง 2 ปีกว่า และยังไม่จบ 100%
พ่อยังไม่เคยขอโทษแม่ซักครั้ง
ในการให้ปากคำ พ่อก็ปฏิเสธคำฟ้อง แต่ก็จนตรอกด้วยหลักฐาน... ศาลพิพากษา ให้ฝั่งพ่อ+ชู้ผิด
และให้ชดใช้ + หย่าจากกันได้ ...
ตอนนี้ขั้นตอนถึงเวลาที่ต้องบังคับคดีให้ชดใช้ตามคำสั่งศาล แต่พ่อยื่นเรื่องต่อศาลว่า ตนไม่มีเงิน
ขอชดใช้ด้วยสินสมรส...
ศาลยังคงทำนัดให้มาแจกแจงเรื่องทรัพย์สิน..
และทางพ่อเองก็ยังคงไม่สนใจความรู้สึกของแม่
เราเองในมุมมองลูก... บอกตรงๆ ค่ะ
เราโกรธ และก็เสียใจ เราอยากถามพ่อว่า ไม่รู้สึกผิดบ้างเลยหรอ??
ในตอนนี้เราก็พึ่งกฏหมาย ให้ดำเนินการไปในทางที่ควร... และเป็นแรง เป็นกำลังให้แม่
พ่อคงกำลังหลงทาง... เราคงต้องรอดูต่อไปเรื่อยๆ...
หวังว่า คงมีซักวันที่พ่อจะตาสว่าง และขอโทษแม่ซักครั้งนึง...
หวังว่าเรื่องราวในชีวิตของเราที่เล่าออกมานั้น
จะเป็นการแบ่งปันบทละครชีวิตๆนึง เราไม่ขอ ออกตัวว่า เราทำผิด หรือ ทำถูก ในใจคิดว่า อย่างน้อยได้ระบายออกมา เราอาจได้รับคำแนะนำที่ดีในการดำเนินชีวิตต่อจากนี้ หรือ ใครซักคนที่ผ่านเรื่องคล้ายๆกันนี้มา หรือกำลังเผชิญหน้าอยู่...
เราอยากบอกว่า จงเข้มแข็ง และมีสติ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน นะคะ
ขอบคุณค่ะ