การทูตจีนที่แข็งกร้าวขึ้นในช่วงหลังนี้ จีนถือว่ามีความมั่นใจมากเกินไปหรือไม่ หรือถึงเวลาแล้วที่จีนต้องเดินเกมแบบนี้บ้าง

อย่างที่หลายๆท่านที่ติดตามข่าวสารการเมืองระหว่างประเทศทราบกันว่า นโยบายต่างประเทศของจีนในสมัยประธานาธิบดีสี จิ้นผิง นั้นมีลักษณะที่แข็งกร้าวและดุดันมากขึ้น (Assertive Diplomacy) หรือที่นักวิชาการบางคนถึงกับเรียกว่าเป็นนโยบายแบบ Wolf Warriors ตามชื่อภาพยนตร์แอคชั่นของจีนเลยทีเดียว ซึ่งนโยบายของจีนในยุคนี้จะต่างจากในยุคก่อนหน้า ในขณะที่จีนอยู่ในช่วงเปิดประเทศและพัฒนาทางเศรษฐกิจ จีนยึดหลักการของท่านเติ้ง เสี่ยวผิงประการหนึ่งคือ ให้แสดงบทบาทให้น้อย หลายฝ่ายตีความว่าเป็นการเดินเกมรับ ในช่วงยุค 2000 จีนก็ได้มีสโลแกนที่ว่า Peaceful Rise หรือ Peaceful Development เพื่อให้หลายฝ่ายเห็นว่าการทะยานขึ้นหรือการพัฒนาของจีนนั้นเป็นไปอย่างสันติ ทว่าแนวคิดก็เริ่มเปลี่ยนไปในสมัยสี จิ้นผิง ที่เริ่มมองว่าจีนควรแสดงบทบาทบ้าง และดำเนินการอย่างแข็งกร้าว ดุดัน พร้อมที่จะปกป้องผลประโยชน์ของตัวเอง ไม่ว่ากับชาติเล็กๆ หรือชาติมหาอำนาจก็ตาม ซึ่งหลายคนวิเคราะห์ว่า จีนเริ่มมาแนวทางนี้ เพราะฐานะทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น จนทำให้จีนเริ่ม "มั่นใจ" มากขึ้นที่จะมาทางนี้ ประกอบกับสี จิ้นผิงเองก็มีแนวคิดเรื่อง "ความฝันจีน" ที่จะทำให้จีนกลับมายิ่งใหญ่ และการเฉลิมฉลองสองโอกาส คือครบรอบ 100 ปีพรรคคอมมิวนิสต์จีนในปี 2021 และ 100 ปี สาธารณรัฐประชาชนจีนในปี 2049 ที่จีนตั้งเป้าหมายว่าจะเป็นประเทศพัฒนาแล้ว ทำให้จีนพยายามอย่างมากที่จะไปถึงจุดนั้น นอกจากนโยบายต่างประเทศที่แข็งกร้าวมากขึ้นแล้ว ก็มีหลายสิ่งที่จีนได้พยายามทำ (ประกอบกับการที่ขั้วของชาติตะวันตกก็ขัดแย้งกันในสมัยที่อเมริกายึดนโยบาย America First ก็ยิ่งทำให้จีนได้โอกาสในการมีบทบาทระดับโลกมากยิ่งขึ้น) เช่น การพัฒนาขีดความสามารถทางทหารของตนเอง, โครงการ Made in China 2025 ที่จีนต้องการจะสร้างเศรษฐกิจนวัตกรรมของตนให้มีความเจริญก้าวหน้า หรือการผลักดันให้เงินหยวนเป็นสกุลเงินตราหลักของโลก เป็นต้น

ตรงนี้เลยอยากถามความเห็นของแต่ละท่าน โดยเฉพาะท่านที่ติดตามการเมืองจีนว่า การทูตหรือนโยบายต่างประเทศของจีนที่แข็งกร้าวขึ้นในช่วงหลังนี้ จีนถือว่ามีความมั่นใจมากเกินไปหรือไม่ หรือถึงเวลาแล้วที่จีนต้องเดินเกมแบบนี้บ้าง คหสต. มองว่า อาจเป็นเพราะจีนมีฐานะดีระดับหนึ่งแล้ว เลยมีความมั่นใจที่จะเดินเกมนี้ ชาวจีนเองก็อาจมองว่าถึงเวลา ส่วนหนึ่งก็คงเป็นเพราะประวัติศาสตร์จีนในช่วง "ร้อยปีแห่งความอัปยศ" คือช่วงหลังจากที่จีนแพ้สงครามฝิ่นกับอังกฤษในชุคทศวรรษที่ 1840 จากนั้นนับ 100 ปี จีนต้องเผชิญกับภาวะระส่ำระสายทั้งจากในประเทศ และการถูกชาติตะวันตกและญี่ปุ่นเอารัดเอาเปรียบ มาจนถึงปี 1949 ที่สาธารณรัฐประชาชนจีนได้ถือกำเนิดขึ้น จีนจึงกลับมาเป็นปึกแผ่นอีกครั้งหนึ่ง จากนั้นก็ใช้เวลาอีกหลายทศวรรษกว่าจะมาถึงทุกวันนี้ได้ ชาวจีนจำนวนมากเลยอาจมองว่านโยบายจีนนั้นถูกต้องแล้ว

ลองมาแสดงความคิดเห็นกันดูครับ ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับข้อคิดเห็นและเกร็ดความรู้ครับ และหากมีส่วนใดที่เข้าใจผิดหรือผิดพลาดไปก็ขออภัยด้วยครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่