องค์ประกอบต่างๆ ของบ้านล้วนเต็มไปด้วยรายละเอียดที่ต่างส่งผลและความกังวลใจต่อผู้อยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใหญ่อย่างโครงสร้าง จนเรื่องกลิ่นจากท่อน้ำทิ้ง ซึ่งการเลือกอุปกรณ์อย่างเหมาะสมและเข้าใจคือจุดเริ่มต้นที่สำคัญ 

สำหรับท่อน้ำทิ้ง คือท่อการระบายน้ำทิ้งที่เชื่อมต่อมาจากสะดืออ่างล้างหน้า มีดีไซน์ตั้งแต่แบบสีเหลี่ยม, ทรงกลม, แบบกระปุก จนถึงแบบคอห่าน ส่วนวัสดุที่ใช้ในการผลิตโดยทั่วไปจะเป็นทองเหลืองชุปโครเมี่ยม, สแตนเลสสตีล, พลาสติก ABS  โดยไม่แนะนำพลาสติกชุบโครเมียม เพราะจะลอกล่อนง่ายและเป็นสนิมเร็ว

จำง่ายๆ ว่าท่อระบายน้ำมี 2 รูปแบบให้เลือก
         
1.แบบ P-trap
ข้อดี  ป้องกันกลิ่น และไหลสะดวก 
ท่อแบบ P-Trap มักติดตั้งกับอ่างล้างจาน หรือโถปัสสาวะเพราะตามหลักการคล้ายคอห่านที่มีระดับน้ำเป็นตัวกั้นอากาศจากทั้ง 2 ทางจึงเหมาะกับงานน้ำทิ้งที่มีกลิ่น เช่นปัสสาวะ (กันกลิ่นย้อนกลับ) และอ่างล้างจาน ที่จะมีกลิ่นจากเศษอาหารตกค้าง และอาจเกิดการอุดตันจากเศษตกค้างได้ ซึ่งท่อแบบนี้จะปล่อยให้เศษอาหารไหลไปได้โดยง่ายและถอดระบายได้อย่างสะดวก
2.แบบ T-Trap 
ข้อดี กรองเศษช่วยลดการอุดตัน
ท่อแบบ  T-Trap ส่วนใหญ่ติดตั้งกับอ่างล้างหน้า เพราะตามระบบสามารถช่วยกรองตะกอนและเศษชิ้นเล็กที่ตกในอ่าง เช่นเศษผม หนวดที่โกนทิ้ง เป็นต้น ท่อจากอ่างล้างหน้า มักอยู่ได้ตั้งแต่ชั้น 1-2-3-4 ยิ่งสูงทางเดินท่อมีโอกาสคดโค้งมาก กระเปาะสำหรับเก็บกากต่างๆ จึงต้องมีขนาดใหญ่ เพื่อลดโอกาสการอุดตัน
ทั้ง 2 รูปแบบ ควรมีการเปิด drain บ่อยๆ อย่างน้อยเดือนละครั้ง เพื่อลดการอุดตันและเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานให้ดียิ่งขึ้น

และอีกส่วนที่สำคัญคือ ตะแกรงกันกลิ่น ที่ทำหน้าที่ในการระบายน้ำทิ้งภายในห้องน้ำ พร้อมทั้งมีระบบกันกลิ่นไหลย้อนโดยผู้ใช้ควรเลือกให้เหมาะสมกับพื้นของห้องน้ำ ซึ่งมีให้เลือกหลายรูปแบบทั้งรูปทรงแบบเหลี่ยม, แบบกลม ตลอดจนความหลากหลายด้านวัสดุไม่ว่าเป็นจะเป็นทองเหลืองชุปโครเมี่ยม, สแตนเลสสตีล, พลาสติก ABS
เมื่อเข้าใจเรื่องอุปกรณ์ดีแล้วทั้งตัวดักตะกอน ท่อระบายน้ำและตะแกรงกันกลิ่น รับรองว่าจะไม่มีปัญหากลิ่น ท่ออุดตันมากวนใจอีกต่อไปอย่างแน่นอน