แสงระวี….บทที่ 4 (รีไรท์)

กระทู้สนทนา

.


                   เปิดเรียนวันแรกแสงระวีตื่นแต่เช้ารีบอาบน้ำแต่งตัวเตรียมพร้อมไปโรงเรียนมาก ๆ แม่เตรียมอาหารเช้าไว้รอเรียบร้อย วันนี้แม่ลางานต้องพาน้องวายไปเข้าโรงเรียนอนุบาลหนึ่ง ส่วนน้องวานั้นขึ้น ป.3  เธอกับน้อง ๆ ลงมาทานข้าวเช้าที่แคร่ใต้ถุนบ้านด้วยความตื่นเต้นกับโรงเรียนใหม่

                  เดือนเมษายนที่ผ่านมา พ่อทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับเธอ พ่อขายอ้อยได้หลายบาทจึงซื้อโทรศัพท์ให้ตามสัญญา เป็นของขวัญในการเรียนชั้นมัธยมด้วย ได้โทรศัพท์ไปแล้วแม่กับพ่อกำชับว่าให้เธอตั้งใจเรียนด้วย เธอรับปากอย่างหนักแน่นแบบไม่รีรอเลย

                  โทรศัพท์ของเธอเป็นเครื่องราคาถูก ๆ ทว่ามีฟังก์ชันครบเหมือนของสองฝาแฝด ฟังเพลงได้ ถ่ายรูปได้ จอสี  เธอพอใจกับโทรศัพท์ที่พ่อกับแม่ซื้อให้มาก ๆ ไม่สำคัญว่าราคาเท่าไหร่ ถูกหรือแพงแค่มันสามารถฟังเพลงได้ ถ่ายรูปได้ตามที่ต้องการก็พอ ขอแค่มีพกติดตัวเหมือนเพื่อน ๆ แบบไหนก็ได้

                    แสงระวีกดหน้าจอโทรศัพท์ดูเวลา ขณะนี้เป็นเวลาเจ็ดโมงกว่า ๆ ได้เวลาต้องไปโรงเรียนแล้ว ไหนจะต้องเผื่อเวลาเดินด้วยกว่าจะถึง จุดรวมตัวของพวกเธอคือบ้านของน้ำ กลุ่มเพื่อนของแสงระวีมีทั้งหมดเจ็ดคนที่เรียนที่เดียวกัน ที่เหลือเข้าไปเรียนในเมืองกันหมด

                    เมื่อพวกเธอทุกคนมารวมตัวกันครบ ก็ออกเดินทางไปโรงเรียนได้ มีนักเรียนหลายกลุ่มร่วมเดินไปด้วย บ้างก็ขับมอเตอร์ไซค์ ขับแซงหน้าไปอย่างน่าอิจฉา บรรยากาศในการเดินไปโรงเรียนตอนเช้าครึกครื้นมาก เดินไปด้วยโม้กันไปด้วย หยอกล้อกันไปตามทาง เป็นเช้าที่สดใสเหลือเกิน แสงระวีลืมความเศร้าที่ไม่ได้เข้าไปเรียนในเมืองได้สนิทใจ เศร้าแค่ไหนก็ต้องเรียนที่นี่อยู่ดี สู้ทำใจแล้วตั้งใจเรียนดีกว่า

                   นักเรียนโรงเรียนของเธอมีเกือบถึงพันคน โรงเรียนนี้ร่มรื่นเต็มไปด้วยต้นไม้นานาชนิด ปกคลุมอาคารเรียนไปหมด มองมาแต่ไกล ๆ นึกว่าโรงเรียนอยู่ในกลางป่า แตกต่างกับโรงเรียนของคู่แฝดที่มีตึกอาคารมากมาย ต้นไม้เกือบจะไม่มีเสียด้วยซ้ำ จะหาร่มเงาสักร่มแทบไม่มีตอนที่พาเจลไปจับฉลาก

                    การเรียนของแสงระวีเป็นไปตามปกติ ใช้ชีวิตปกติ ในช่วงพักเที่ยงแรก ๆ เจนชอบโทรมาคุยด้วย พูดเรื่องนั้นเรื่องนี้ให้ฟังเสมอ ความรู้สึกของเจนก็ไม่ได้ต่างไปจากแสงระวีสักนิด พวกเธอคิดถึงกันและกันมาก อยากอยู่ด้วยกัน อยากไปไหนมาไหนด้วยกันสามคนเหมือนตอนเด็ก ๆ

                     ตั้งแต่เข้าเรียนชั้น ม.1  มีรุ่นพี่มากมายเข้ามาจีบเพื่อน ๆ ของเธอ ส่วนตนเองหน้าตาธรรมดาเกินกว่าจะมีใครมาชอบ เธอสวยแต่เพื่อน ๆ ของเธอสวยกว่า คนแรกในกลุ่มที่มีแฟนคือน้ำกับชมพู่ มีรุ่นพี่ ม.6 เข้ามาขอเบอร์แล้วตามด้วยนิน และ คนอื่น ๆ ตามมา

                 ที่จริงก็มีคนเข้ามาขอเบอร์บ้างนั่นแหละ แต่ แสงระวีไม่ชอบ ไม่ถูกใจ ไม่ถูกสปก เพราะแสงระวีมีคนที่แอบปลื้มอยู่แล้วนั่นเอง คือรุ่นพี่ ม.5 ชื่อพี่นิ แสงระวีชอบแอบมองเวลาเดินสวนทางกัน พี่นิมีแฟนแล้ว ไม่เป็นไรแสงระวีบอกกับตัวเองแค่ปลื้มเฉย ๆ พี่เขาหล่อหน้าตาดีตรงสเปกที่กำหนดเอาไว้เลย

                    ทุก ๆ วันที่โรงเรียนแสงระวีจะต้องได้เห็นหน้าพี่นิ กลับมาบ้านตอนกลางคืนถึงจะนอนหลับ ไม่เคยได้คุยกัน ไม่ได้ขอเบอร์ติดต่อ แค่เห็นหน้ากันที่โรงเรียนทุกวันก็พอ เหมือนพี่นิจะรู้ว่ามีคนแอบปลื้มตนเองอยู่ ชอบเดินมาให้เห็นตลอดไม่ว่าจะอยู่มุมไหนของโรงเรียนก็ตาม น่าเสียดายอยู่เรื่องเดียวที่พี่นิมีแฟนแล้วนั่นเอง

                      วันเวลาผ่านไปหนึ่งเดือนกับการเรียน ม.1 พ่อกับแม่ของเธอย้ำสอนเสมอทุก ๆ วันเรื่องการมีแฟน ยังไม่อยากให้มีแฟนตอนนี้ อยากให้ตั้งใจเรียนก่อน ไม่พอพ่อยังแอบขู่ว่าถ้ารู้ว่าเธอมีแฟนพ่อจะไม่ให้เรียนต่อ อยากลองดีก็เชิญ เธอรับปากก็ไม่ได้อยากมีแฟนอยู่แล้วในช่วงเรียน ม.ต้นแบบนี้

                    “แค่ปลื้มได้มั้ยพ่อ” แกล้งถามพ่อ แอบเอาความจริงมาล้อพ่อเล่นเสมอ หนึ่งทุ่มของวันนี้เธอกับพ่อลงมานั่งเล่นใต้ถุนบ้าน รับลมเย็น ๆ ยังไม่อยากขึ้นบ้าน เธอนั่งไกวเปลเล่น ส่วนพ่อนั่งที่แคร่ เสียงทีวีจากบนบ้านและข้างบ้านดังมาให้ได้ยิน

                  “น่าน ! พึ่งเข้า ม.1 เองก็มีคนแอบปลื้มเสียแล้ว จะจบ ม.6 มั้ยน้อ” พ่อพูดว่าเธอ ปรายตามองเผยยิ้มให้ ถึงจะขู่ทุกวันพอเธอแกล้งถามแบบนี้ก็ไม่เห็นต่อว่าอะไร

                “แค่ปลื้มพี่เค้าไม่รู้หรอก” เธอพูดต่อ ฉีกยิ้มพูดปนหัวเราะให้ผู้เป็นพ่อ พูดไปเขินไป ไม่ได้เขินที่แอบปลื้มผู้ชาย ทว่าเขินที่ทำไมถึงกล้าพูดกล้าบอกพ่อว่าปลื้มผู้ชายแบบนี้ต่างหาก

                   “อย่าพึ่งเลยวีเอ๊ย ! ปลื้มไปปลื้มมาเดี๋ยวก็ชอบกันแอบคุยกัน พากันเสียการเรียน พูดแล้วก็นึกโมโหลุงจันทร์ของเอ็ง ทำไมให้ลูกรีบมีแฟนแต่เด็ก อายุแค่นี้ให้มีแฟนได้ยังไง” พ่อบ่นไปถึงพี่ชายตัวเอง ที่ลุงจันทร์ยอมให้เจนมีแฟนคบกับพี่มอสคนบ้านเดียวกัน แถมยังนึกทึ่งที่พ่อรู้จักความหมายของคำว่าปลื้มด้วย นึกตลกพ่อในใจพ่อก็วัยรุ่นเหมือนกันนะเนี่ย รู้จักคำว่าปลื้มด้วย คุยกับพ่อมองหน้าพ่อแล้วแอบยิ้ม

                  พ่อรู้ได้ไงอ่ะ เรื่องเจนกับพี่มอสคบกัน แต่ก็ไม่แปลก เพราะเจนเป็นคนที่ไม่มีความลับกับครอบครัวอยู่แล้ว นึกแปลกใจและงงพ่อในใจด้วย แสดงว่าข่าวเจนคงแพร่กระจายไปในหมู่ญาติ ๆ แล้ว

                  “วีอย่าพึ่งมีแฟนเหมือนเจนเลยลูก อย่างน้อยก็ให้พ้น ม.3 ไปก่อนเข้าใจมั้ย ถ้าอยากสบายกว่าพ่อกับแม่ก็ตั้งใจเรียน เรียนให้สูง ๆ พ่อกับแม่มีเงินส่งให้เรียนจนปอโทนู่น” แหมะได้ทีพูดใหญ่เลยนะพ่อ เธอกับพ่อนั่งคุยกันที่แคร่ใต้ถุนบ้าน พ่อดูดบุหรี่ไปด้วยคุยกับเธอไปด้วยอย่างสบายใจ ส่วนแม่กับน้อง ๆ เปิดทีวีดูบนบ้าน สอนการบ้านน้องวาไปด้วย

                “จริงเหรอพ่อ” แกล้งทำตาโตตกใจเสียเลย

               “เอ้าพ่อนะเนี่ยไม่ใช่เพื่อนเล่น ฮ่าๆ” พูดจบเขี่ยก้นบุหรี่ลงพื้นแล้วกลับมาดูดใหม่อีกรอบ

               “พ่อวีสัญญานะว่าวีจะตั้งใจเรียน”

                 “เรื่องแฟนล่ะ” พ่อทำเป็นถามเธอเล่นแต่คิดจริงจัง

                 “เอ้าพ่อก็ดูก่อนเผื่อมีคนหล่อ ๆ มาชอบ” แสงระวีพูดคุยกับพ่อพร้อมหัวเราะ พ่อนั่งดูดบุหรี่บนแคร่ แสงระวีนั่งไกวเปลห่างออกมา ไม่กล้าพูดเล่นกับแม่แบบนี้ มีหวังแม่ด่าตายเลย

                  เจนมีแฟนแล้ว เริ่มเรียน ม.1 ได้ไม่กี่เดือนพี่มอสก็เข้ามาจีบ ป้าก้อยกับลุงจันทร์อนุญาต เปิดทางให้ทั้งสองได้คบหากัน แต่ ต้องอยู่ในสายตาผู้ใหญ่ด้วย ห้ามเสียการเรียนเด็ดขาด เจนก็รับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะ หนักแน่น ให้คำมั่นสัญญากับผู้เป็นพ่อแม่จะตั้งใจเรียน และเจนก็ทำได้ดีมาก ๆ

                     หลังเลิกเรียนพี่มอสเที่ยวมาเล่นที่บ้านกับเจนเสมอ ลุงกับป้าก็อนุญาตตามเคย ไม่ห้ามเลยบางวันเธอก็ไปนั่งเล่นด้วย เจนไม่เคยทำให้ลุงจันทร์เสียใจ ไม่แอบไปไหนมาไหนสองต่อสองกับพี่มอส การคบกันของสองคนผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายรับรู้และเห็นดีด้วย

                    ทว่าในการคบกันของทั้งสองคนนี้ก็ยังมีข้อแม้อยู่บ้าง ลุงจันทร์กับป้าก้อยไม่อนุญาตให้เจนไปบ้านพี่มอส แม้จะอยู่ในหมู่บ้านเดียวกันก็ตาม เจนก็ไม่เคยไปแม้แต่ครั้งเดียว มีเพียงพี่มอสมาหาเจนทุกวัน ลุงจันทร์กับป้าก้อยก็ต้องการให้เป็นแบบนั้นแต่แรกอยู่แล้ว

                    ในส่วนของเธอเอง เธอปลื้มพี่นิมาก แอบคิดหนักถ้าเกิดพี่นิจบ ม.6 ไปจะทำอย่างไรดี คงคิดถึงน่าดู คงเหงาเมื่อมาโรงเรียนแล้วไม่เจอกัน แค่คิดมันก็เศร้าแล้ว ไม่อยากขึ้น ม.2 เลย อยากหยุดเวลาไว้เพียงแค่นี้ หยุดไว้แค่ที่ ม.1 แล้วพี่นิอยู่ ม.5 ตลอดไป ไม่อยากให้พี่นิขึ้น ม.6 และตนเองก็ไม่อยากขึ้น ม.3 แค่คิดมันก็เศร้าลงทันตาเห็น

                    เธอกับพ่อนั่งรับลมกันได้สักพักแม่ก็ลงมาเรียกให้ขึ้นบ้าน มันดึกแล้ว ความจริงยังไม่ดึกเท่าไหร่ ทว่าสามทุ่มตามชนบทแบบนี้เงียบสะงัดนัก

                     เช้าวันนี้มีงานบุญบั้งไฟที่หมู่บ้านใกล้กันแถมยังตรงกับเสาร์อาทิตย์ด้วย เหมาะมากกับการที่จะไปเที่ยวชม เสาร์อาทิตย์นี้เป็นคิวของฝาแฝดมาเล่นที่บ้านของเธอ เจลกับเจนขับรถมาจอดหน้าบ้าน ทั้งสองคนขับรถมอเตอร์ไซค์มาทั้งที่บ้านห่างกันไม่กี่หลัง ตั้งแต่มีรถเป็นของตนเองสองฝาแฝดก็ไม่เคยเดินอีกเลย ไม่ว่าจะใกล้หรือไกลต้องขับรถมอเตอร์ไซค์ทุกครั้ง

                 “เจนหัดมอเตอร์ไซค์ให้กูหน่อยดิ” แสงระวีพูดขอ อยากลองขับบ้าง เจนขับเป็นตั้งแต่อยู่ ป.5 เลย ส่วนเจลพึ่งขับเป็นก็ตอนที่ได้รถใหม่มานี่เอง

                “แน่ใจนะถ้าล้มล่ะมืง ให้อาปันมาก่อนมั้ย” เจนไม่ได้ห่วงรถแต่ห่วงความปลอดภัยมากกว่า

                 “แน่ใจ! ไม่ล้มหรอกมืงขับเป็นตั้งหลายปี พี่กายอยู่มั้ยให้พี่กายหัดให้ก็ได้ กูอยากขับเป็นพ่อบอกว่าจะซื้อให้ขึ้นมอสี่ก่อน รถพ่อกูมันต้องเข้าเกียร์กูไม่อยากหัด” เมื่อคิดถึงรถของตนที่แม่ขับไปทำงานทุกวันก็ไม่อยากหัดขับ

                  “รอให้มืงได้รถมาก่อนมั้ย หัดเป็นถ้าไม่ขับบ่อย ๆ มันก็ลืมนะมืง”

                   “เหรองั้นก็ได้” แสงระวีทำหน้าผิดหวัง จริงอย่างที่เจนว่า ถึงหัดเป็นเธอก็ไม่มีรถขับอยู่ดี

                 “พวกมืงไปดูรถแห่กันมั้ย งานบุญบั้งไฟที่หมู่บ้านนั้นอ่ะ” เมื่อตะวันบ่ายคล้อยลงมา เจลชวนเธอกับเจน ทว่าสายตาออกแนวบังคับว่าต้องไป

                 “ไปก็ไปแต่รีบมานะเดี๋ยวกูโดนแม่บ่น” แสงระวีทั้งอยากไปและไม่อยากไป กลัวกลับมาทำงานบ้านให้แม่ไม่ทัน ที่อยากไปเพราะหมู่บ้านที่เจลว่าเป็นหมู่บ้านของพี่นิ บางทีอาจจะได้เจอก็ได้

                 เมื่อตกลงกันได้ทั้งสามคนพี่น้องก็พากันขับมอเตอร์ไซค์ไปยังหมู่บ้านที่มีงานบุญบั้งไฟกันเลย เป็นหมู่บ้านของพี่นิเอง แสงระวีตัวเล็กนั่งด้านหน้า เจนเป็นคนขับ เจลนั่งซ้อนข้างหลัง

                   สามคนพี่น้องขับรถมุ่งหน้าไปยังต่างหมู่บ้าน เพื่อไปดูขบวนแห่บั้งไฟ ส่วนแสงระวีคาดหวังมากกว่านั้น คือได้เจอพี่นิคนที่แอบปลื้มต่างหาก พี่มอสขับรถตามมาด้วย เจนไม่ยอมไปนั่งซ้อนท้ายกับพี่มอสกลัวมีคนเห็นแล้วเอาไปฟ้องลุงจันทร์ ซ้อนสามรถตัวเองสบายใจกว่าให้พี่มอสขับตามมาคนเดียว

                  “เฮ้ยพี่นิ” แสงระวีเผลอพูดออกมาเมื่อมองเห็นใครบางคนที่คุ้นหน้า แววตาฉายความตื่นเต้นที่ได้เจอผู้ชายแอบปลื้ม

                   “นิไหนอี่วี” เจนไม่เข้าใจ และมองหาคนที่แสงระวีเรียกชื่อเมื่อครู่ กวาดสายตามองรอบ ๆ บริเวณ ผู้ชายคนไหนที่แสงระวีหมายปอง อยากเห็นหน้านัก

                  “อ่อพี่นิรุ่นพี่ ม.5 อ่ะ คนโรงเรียนกู คนที่กูปลื้ม นั่นไงคนนั้น เสื้อสีฟ้าน่ะมืงเห็นมั้ย” แสงระวีชี้ให้เจนกับเจลดู ขณะขบวนแห่กองยาวกำลังเคลื่อนผ่านพวกเธอไป พี่นิกำลังเซิ้งอย่างสนุกสนาน ในขบวนมีรถแห่บั้งไฟสวยงาม มีขบวนผาแดงนางไอ่ มีคนแต่งชุดแฟนตาซี ชาวบ้านทุกคนเซิ้งกันอย่างมีความสุข คนที่เมาหน่อยก็สนุกมากกว่าคนอื่น พี่นิยิ้มให้ทันทีที่มองเห็น

                  “คนไหนวะ คนที่ยิ้มให้มืงนั่นเหรอ” เจลถาม ชะเง้อมองหาพี่ตามที่เธอชี้ให้ดู สุดท้ายก็มองหาเจอจนได้

                  “เออคนนั้นแหละ มืงพวกมืงเห็นมั้ยพี่นิเขายิ้มให้กูด้วย” แสงระวียืนบิดตัวไปมาด้วยความเขินเล็กน้อย ที่ได้รับรอยยิ้มจากคนแอบปลื้ม แต่ส่งยิ้มให้มันช่างมีความสุขมากเหลือเกิน แค่นี้ก็สามารถทำให้เก็บไปนอนหลับฝันดีได้เป็นคืน ๆ เลยเชียว

                  “ก็หล่อดี น้อย ๆ หน่อยมืงเดี๋ยวแฟนเค้าก็มาตบเอา” เจลเมื่อเห็นอาการของน้องสาว จึงเบรกด้วยความหมั่นไส้ ก่อนที่แสงระวีจะยืนบิดตัวเป็นเกลียวเป็นน็อตหมด
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่