เห็นท่านสะพานเรียกร้องจัง... ผมจึงมาสนอง
อันดับแรก ธรรมคืออะไร?
.
หลายๆท่านในนี้ยังมีความเข้าใจไม่ชัดเจน... คลุมเครือ..ไปสรุปว่า
" ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นหละ... เป็นธรรม "
บางท่านก็ไปกล่าวว่า...
" ธรรมก็คือ...ธรรมชาติ ".. ซึ่งมันก็แบบเดียวกันว่า... ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นหละ
จนในที่สุด...ไม่รู้ว่าอะไรคือธรรมกันแน่...
.

แปลได้ว่า.. ทุกๆคนพูดเกี่ยวกับธรรมกล่าวธรรมะ..แต่..ไม่มีใครเข้าใจ..ธรรม
ทำใจให้บริสุทธ์..อันนี้หละธรรมะที่แท้จริง - S.N. โกเองก้า
ความหมายดั้งเดิมก็คือ...
" กฏแห่งธรามชาติ หรือ ความจริง " ทุกวันนี้ในอินเดีย, คำนี้ได้สูญความหมายที่ดังเดิมไปแล้ว..
โดยการไปใช้อย่างผิดๆเมื่ออ้างถึงนิกายต่างๆ.. 9ล9...
ธรรม...คือ..อะไร? เมื่อซัก 1,500-2,000ปีมานี้, โชคร้ายอย่างแรงที่...อินเดีย..สูญความหมายดั้งเดิมของคำว่า "
ธรรม "..ไป
มันเป็นไปได้อย่างไร..ที่ใครๆจะประพฤติปฏิบัติตามธรรมนั่นๆ..ในขณะที่ความหมายของมันหายไปแล้ว!
เรื่องมันเลวร้ายกว่าเดิดอีก..เมื่อมีการใส่ความเห็นตามทศนคติต่างๆเข้าไปอีก.. ในหลายกลุ่มได้สร้างความหมายของคำว่า " ธรรม "
ในแบบฉบับของตน... กลุ่มพุทธ-กลุ่มเชน-กลุ่มฮินดู-กลุ่มคริตส์...และกลุ่มอื่นๆ
https://www.vridhamma.org/What-is-Dhamma
☝
☝---ส่วนตัวผมเห็นด้วย..กับคำว่า
" ธรรม...ก็คือ...ความจริง "
ทุกๆศาสนา...ก็มี " ธรรม "...ของตนของตน แม้นนักวิทยาศาสตร์ในปัจจุบัน...
- ลัทธิครูทั้ง 6 ก็เสนอหลักธรรมที่ตนค้นพบ...หรือคิดออกมาได้ว่า

เหล้านี้...ก็คือ " ธรรม " (อ้างว่านี่คือความจริง)....ของเจ้าลัทธิทั้ง6
.
.
มาในปัจจุบัน.. ในยุคของวิทยาศาตร์และเทคโนโลยี่.. พวกผู้ค้นพบทั้งหลายเขาก็อ้างถึง " ธรรม(ความจริง) "...ที่เขาค้นพบ
- เซอร์ ไอแซก นิวตัน (Sir Isaac Newton)...อ้างถึงธรรม(หลักความจริง)...ที่ค้นพบ"
กฎการเคลื่อนที่ของนิวตันและกฎแรงโน้มถ่วงสากล "
- หลุยส์ ปาสเตอร์ (Louis Pasteur)....อ้างถึงธรรม(หลักความจริง)...ที่ค้นพบ "
ว่ามันมีเชื้อโรคที่ทำให้คนป่วย..อาหารบูดเน่า.. "
- Fourier’s law of Thermal Conduction ...ก็แสดง " ธรรม(ความจริง) "...ของธาตุไฟ(ความร้อน)ว่า
" The time rate of heat transfer through a material is proportional to the negative gradient
in the temperature and to the area. "
(อัตราของความร้อนที่ผ่านสู่ผิวของวัตถุหนึ่งๆ ก็คือ..การผกผันในเชิงลบของอุณหภูมิของพื้นผิวนั้น)
- ไฟฟ้าก็ว่า...ก็แสดง " ธรรม(ความจริง) "ว่า.. แรงดัน = กระแส x ความต้านทาน
- กลศาสตร์ของไหล..ก็แสดง " ธรรม(ความจริง) "..ว่า

- แม้นหลักการทางเศรษศาสตร์-การเมืองการปกครอง-การบริหาร-การทหาร...9ล9
เหล่านี้... ทั้งหมดทั้งมวล... ก็อ้างถึงความจริงของตนๆ... โดยที่จะจริงหรือไม่...ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ความนี้มาดู...ธรรมของพระศาสดาในศาสนานี้...
อันนี้ก็ต้องอ้าง... ถึงใบไม้ในกำมือ...และ....ไปไม่นอกกำมือ...
สีสปาสูตร
เปรียบสิ่งที่ตรัสรู้มีมากเหมือนใบไม้บนต้น
[๑๗๑๒] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ สีสปาวัน ใกล้เมืองโกสัมพี
ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคทรงถือใบประดู่ลาย ๒-๓ ใบด้วยฝ่าพระหัตถ์ แล้วตรัสเรียกภิกษุ ทั้งหลายมา แล้วตรัสถามว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน ใบ ประดู่ลาย ๒-๓ ใบที่เราถือด้วยฝ่ามือกับใบที่บนต้น
ไหนจะมากกว่ากัน? ภิกษุทั้งหลายกราบทูล ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ใบประดู่ลาย ๒-๓ ใบที่พระผู้มีพระภาคทรงถือด้วยฝ่าพระหัตถ์มี
ประมาณน้อย ที่บนต้นมากกว่า พระเจ้าข้า.
พ. อย่างนั้นเหมือนกัน ภิกษุทั้งหลาย
สิ่งที่เรารู้แล้วมิได้บอกเธอทั้งหลายมีมาก 👈👈👈
ก็เพราะเหตุไรเราจึงไม่บอก เพราะสิ่งนั้นไม่ประกอบด้วยประโยชน์ มิใช่พรหมจรรย์เบื้องต้น
ย่อมไม่เป็นไปเพื่อความหน่าย ความคลายกำหนัด ความดับ ความสงบ ความรู้ยิ่ง ความตรัสรู้ นิพพาน
เพราะเหตุนั้น เราจึงไม่บอก.
[๑๗๑๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย สิ่งอะไรเราได้บอกแล้ว เราได้บอกแล้วว่า
- นี้ทุกข์ ... (...อะไรคือทุกข์ ... )
- นี้ทุกขสมุทัย ...(......อะไรคือเหตุของทุกข์ ...)
- นี้ทุกขนิโรธ ...(......ทุกข์จะดับไปเพราะอะไร ...)
- นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา...(......ขั้นตอนในการดับทุกข์ ...)
ก็เพราะเหตุไรเราจึงบอก เพราะสิ่งนั้นประกอบด้วยประโยชน์ เป็น พรหมจรรย์เบื้องต้น ย่อมเป็นไปเพื่อความหน่าย ...
นิพพาน เพราะฉะนั้น เราจึงบอก
ดูกรภิกษุ ทั้งหลาย เพราะฉะนั้นแหละ เธอทั้งหลายพึงกระทำความเพียรเพื่อรู้ตามความเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ ฯลฯ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา.
จบ สูตรที่ ๑
☝
☝
☝
☝---- จากพระสูตรนี้.... จะเห็นว่า " ธรรม(หลักความจริง "...ที่พระองค์ประกาศ-แต่งตั้ง-แสดง... อันนี้เป็น...ธรรมในศาสนาพุทธ..นี้
จะสรุป..ว่า คำว่า " ธรรม " ....ในศาสนาพุทธก็คือหลักความจริงที่พระผู้มีพระภาคท่านทรงแสดงกล่าวบอกสอน...
ส่วนสิ่งที่พระองค์รู้ดั่งใบไม่ยอกกำมือ... แม้นจะเป็นจริง...ก็ไม่ถือว่าเป็น " ธรรมในศาสนาพุทธ ".... เพราะคำสอนเท่านั่นเป็นธรรม..
...
...
คราวนี้มาที่ สังขตะ-อสังขตะ-นิพพาน....เหล่านี้เป็นธาตุ มีลักณะของธาตุ... ไม่ใช่ธรรม
แต่คำสอนที่แสดงหลักการความจริงของ...ธาตุเหล่านี้ๆ นี้หละคือธรรม...
.
ดังนั้นนิพพานจึงไม่ใช่ธรรม...แต่คำสอนที่เกี่ยวกับนิพพานนั่นหละคือธรรม..
เมื่อนิพพานไม่ใช่ธรรม.... ดั้งนั้นก็อย่าไปบอกว่า " นิพพานเป็นธรรมอย่างหนึ่ง..นิพพานจึงเป็นอนัตตา "
จบหละ.. เอามารุมกันได้เลย....ครับ
ธรรม...คืออะไร สังขตธาตุ-อสังขตธาตุ-นิพพานธาตุ <---3 อย่างนี้เป็นธรรมหรือไม่....
อันดับแรก ธรรมคืออะไร?
.
หลายๆท่านในนี้ยังมีความเข้าใจไม่ชัดเจน... คลุมเครือ..ไปสรุปว่า " ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นหละ... เป็นธรรม "
บางท่านก็ไปกล่าวว่า... " ธรรมก็คือ...ธรรมชาติ ".. ซึ่งมันก็แบบเดียวกันว่า... ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นหละ
จนในที่สุด...ไม่รู้ว่าอะไรคือธรรมกันแน่...
.
แปลได้ว่า.. ทุกๆคนพูดเกี่ยวกับธรรมกล่าวธรรมะ..แต่..ไม่มีใครเข้าใจ..ธรรม
ทำใจให้บริสุทธ์..อันนี้หละธรรมะที่แท้จริง - S.N. โกเองก้า
ความหมายดั้งเดิมก็คือ..." กฏแห่งธรามชาติ หรือ ความจริง " ทุกวันนี้ในอินเดีย, คำนี้ได้สูญความหมายที่ดังเดิมไปแล้ว..
โดยการไปใช้อย่างผิดๆเมื่ออ้างถึงนิกายต่างๆ.. 9ล9...
ธรรม...คือ..อะไร? เมื่อซัก 1,500-2,000ปีมานี้, โชคร้ายอย่างแรงที่...อินเดีย..สูญความหมายดั้งเดิมของคำว่า " ธรรม "..ไป
มันเป็นไปได้อย่างไร..ที่ใครๆจะประพฤติปฏิบัติตามธรรมนั่นๆ..ในขณะที่ความหมายของมันหายไปแล้ว!
เรื่องมันเลวร้ายกว่าเดิดอีก..เมื่อมีการใส่ความเห็นตามทศนคติต่างๆเข้าไปอีก.. ในหลายกลุ่มได้สร้างความหมายของคำว่า " ธรรม "
ในแบบฉบับของตน... กลุ่มพุทธ-กลุ่มเชน-กลุ่มฮินดู-กลุ่มคริตส์...และกลุ่มอื่นๆ
https://www.vridhamma.org/What-is-Dhamma
☝
☝---ส่วนตัวผมเห็นด้วย..กับคำว่า " ธรรม...ก็คือ...ความจริง "
ทุกๆศาสนา...ก็มี " ธรรม "...ของตนของตน แม้นนักวิทยาศาสตร์ในปัจจุบัน...
- ลัทธิครูทั้ง 6 ก็เสนอหลักธรรมที่ตนค้นพบ...หรือคิดออกมาได้ว่า
เหล้านี้...ก็คือ " ธรรม " (อ้างว่านี่คือความจริง)....ของเจ้าลัทธิทั้ง6
.
.
มาในปัจจุบัน.. ในยุคของวิทยาศาตร์และเทคโนโลยี่.. พวกผู้ค้นพบทั้งหลายเขาก็อ้างถึง " ธรรม(ความจริง) "...ที่เขาค้นพบ
- เซอร์ ไอแซก นิวตัน (Sir Isaac Newton)...อ้างถึงธรรม(หลักความจริง)...ที่ค้นพบ" กฎการเคลื่อนที่ของนิวตันและกฎแรงโน้มถ่วงสากล "
- หลุยส์ ปาสเตอร์ (Louis Pasteur)....อ้างถึงธรรม(หลักความจริง)...ที่ค้นพบ " ว่ามันมีเชื้อโรคที่ทำให้คนป่วย..อาหารบูดเน่า.. "
- Fourier’s law of Thermal Conduction ...ก็แสดง " ธรรม(ความจริง) "...ของธาตุไฟ(ความร้อน)ว่า
" The time rate of heat transfer through a material is proportional to the negative gradient
in the temperature and to the area. "
(อัตราของความร้อนที่ผ่านสู่ผิวของวัตถุหนึ่งๆ ก็คือ..การผกผันในเชิงลบของอุณหภูมิของพื้นผิวนั้น)
- ไฟฟ้าก็ว่า...ก็แสดง " ธรรม(ความจริง) "ว่า.. แรงดัน = กระแส x ความต้านทาน
- กลศาสตร์ของไหล..ก็แสดง " ธรรม(ความจริง) "..ว่า
- แม้นหลักการทางเศรษศาสตร์-การเมืองการปกครอง-การบริหาร-การทหาร...9ล9
เหล่านี้... ทั้งหมดทั้งมวล... ก็อ้างถึงความจริงของตนๆ... โดยที่จะจริงหรือไม่...ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ความนี้มาดู...ธรรมของพระศาสดาในศาสนานี้...
อันนี้ก็ต้องอ้าง... ถึงใบไม้ในกำมือ...และ....ไปไม่นอกกำมือ...
สีสปาสูตร
เปรียบสิ่งที่ตรัสรู้มีมากเหมือนใบไม้บนต้น
[๑๗๑๒] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ สีสปาวัน ใกล้เมืองโกสัมพี
ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคทรงถือใบประดู่ลาย ๒-๓ ใบด้วยฝ่าพระหัตถ์ แล้วตรัสเรียกภิกษุ ทั้งหลายมา แล้วตรัสถามว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน ใบ ประดู่ลาย ๒-๓ ใบที่เราถือด้วยฝ่ามือกับใบที่บนต้น
ไหนจะมากกว่ากัน? ภิกษุทั้งหลายกราบทูล ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ใบประดู่ลาย ๒-๓ ใบที่พระผู้มีพระภาคทรงถือด้วยฝ่าพระหัตถ์มี
ประมาณน้อย ที่บนต้นมากกว่า พระเจ้าข้า.
พ. อย่างนั้นเหมือนกัน ภิกษุทั้งหลาย สิ่งที่เรารู้แล้วมิได้บอกเธอทั้งหลายมีมาก 👈👈👈
ก็เพราะเหตุไรเราจึงไม่บอก เพราะสิ่งนั้นไม่ประกอบด้วยประโยชน์ มิใช่พรหมจรรย์เบื้องต้น
ย่อมไม่เป็นไปเพื่อความหน่าย ความคลายกำหนัด ความดับ ความสงบ ความรู้ยิ่ง ความตรัสรู้ นิพพาน
เพราะเหตุนั้น เราจึงไม่บอก.
[๑๗๑๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย สิ่งอะไรเราได้บอกแล้ว เราได้บอกแล้วว่า
- นี้ทุกข์ ... (...อะไรคือทุกข์ ... )
- นี้ทุกขสมุทัย ...(......อะไรคือเหตุของทุกข์ ...)
- นี้ทุกขนิโรธ ...(......ทุกข์จะดับไปเพราะอะไร ...)
- นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา...(......ขั้นตอนในการดับทุกข์ ...)
ก็เพราะเหตุไรเราจึงบอก เพราะสิ่งนั้นประกอบด้วยประโยชน์ เป็น พรหมจรรย์เบื้องต้น ย่อมเป็นไปเพื่อความหน่าย ...
นิพพาน เพราะฉะนั้น เราจึงบอก
ดูกรภิกษุ ทั้งหลาย เพราะฉะนั้นแหละ เธอทั้งหลายพึงกระทำความเพียรเพื่อรู้ตามความเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ ฯลฯ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา.
จบ สูตรที่ ๑
☝
☝
☝
☝---- จากพระสูตรนี้.... จะเห็นว่า " ธรรม(หลักความจริง "...ที่พระองค์ประกาศ-แต่งตั้ง-แสดง... อันนี้เป็น...ธรรมในศาสนาพุทธ..นี้
จะสรุป..ว่า คำว่า " ธรรม " ....ในศาสนาพุทธก็คือหลักความจริงที่พระผู้มีพระภาคท่านทรงแสดงกล่าวบอกสอน...
ส่วนสิ่งที่พระองค์รู้ดั่งใบไม่ยอกกำมือ... แม้นจะเป็นจริง...ก็ไม่ถือว่าเป็น " ธรรมในศาสนาพุทธ ".... เพราะคำสอนเท่านั่นเป็นธรรม..
...
...
คราวนี้มาที่ สังขตะ-อสังขตะ-นิพพาน....เหล่านี้เป็นธาตุ มีลักณะของธาตุ... ไม่ใช่ธรรม
แต่คำสอนที่แสดงหลักการความจริงของ...ธาตุเหล่านี้ๆ นี้หละคือธรรม...
.
ดังนั้นนิพพานจึงไม่ใช่ธรรม...แต่คำสอนที่เกี่ยวกับนิพพานนั่นหละคือธรรม..
เมื่อนิพพานไม่ใช่ธรรม.... ดั้งนั้นก็อย่าไปบอกว่า " นิพพานเป็นธรรมอย่างหนึ่ง..นิพพานจึงเป็นอนัตตา "
จบหละ.. เอามารุมกันได้เลย....ครับ