วันก่อนรื้อ HDD ที่กองๆอยู่ในลิ้นชัก เพื่อหาดูว่าไปเที่ยวที่ไหนกันมาบ้าง ก็ไปเจอ Folder “Sanctuary of Truth” รูปไรหว่า อุตะ ปราสาทสัจธรรมนี่หน่า
ผมเชื่อว่าหลายๆคนน่าจะเคยไปมาแล้ว ถึงจะไม่เคยไปก็น่าจะเคยได้ยินชื่อมาบ้าง 9ปีก่อนผมก็แค่ได้ยินชื่อ แล้วก็พอดีลูกสาวกำลังจะต้องส่ง portfolio เพื่อยื่นเข้าคณะที่สอบตรง โดยมีเงื่อนไขว่า ทางกรรมการสัมภาษณ์ เขาอยากได้ภาพใหม่ๆ ที่เพิ่งถ่ายไม่เกิน 3 เดือน พอดีเป็นช่วงเดือนกพ. ฟ้าก็น่าจะใส ฝนคงไม่ตก เลยถามว่าจะไปกันไหมที่นี่ ลูกสาวก็ถามว่าแล้วจะไปถ่ายอะไรกัน คุณพ่อstuntไป 2 วินาที ไม่รู้เหมือนกันสิ แต่เชื่อว่า ยังไงๆก็มีงานส่งแน่
ว่าแล้ว คุณพ่อคุณลูกก็พกกล้องกันไปคนละ body เลนส์เดี๋ยวยืมๆกันใช้ก็แล้วกัน เสียดายหา file ของลูกสาวไม่เจอ ว่าจะเอามาลงฟีเจอริ่งกันหน่อย เลยมีแต่ภาพของผมเพียงคนเดียว
เข้าเรื่องกัน
ปราสาทสัจธรรม มีชื่อเรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า
Sanctuary of Truth เป็นงานสถาปัตยกรรมที่ใช้ไม้เป็นโครงสร้างแทบจะทั้งหมด ตัวปราสาทตั้งอยู่ริมทะเล เลยบางละมุงไปนิดหนึ่ง แต่ยังไม่ถึงหาดวงศ์อมาตย์ ลำบากนักก็เปิด Google maps แล้วพิมพ์คำว่า Sanctuary of Truth ลงไป เดี๋ยวก็พบครับ
ลึกๆ ผมเป็นคนที่ชอบเสพงานไม้ ไม้เป็นสิ่งที่ดูแล้วมีชีวิตชีวา มีลักษณะจำเพาะ แล้วถ้าเป็นงานแกะสลัก ขึ้นรูปจากไม้ ยังไงๆก็จะเป็นงานชิ้นเดียวในโลกที่ทำใหม่ก็ไม่เหมือนเดิม
เราแวะไปหาอะไรกินกันแถวแหลมฉบังกันก่อน กว่าจะไปถึงที่ปราสาทสัจธรรมก็เกือบๆจะบ่ายโมงแล้ว
เห็นราคาบัตรผ่านประตูแล้ว คุณแม่บอกว่า
คุณพ่อกับคุณลูกสาวเชิญตามสบายกันเลยนะคะ อยู่กันให้คุ้มค่าหน่อยก็แล้วกัน ฮ่า ฮ่า
สิ่งแรกที่เราเห็นเมื่อเดินผ่านทางเข้า ก็คือ ตัวปราสาท หน้ามุกที่เป็นพระพรหม 4 หน้า และ พระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ 3 เศียร ( ซึ่งจะมีถึง4เวอร์ชั่น ตามพระพักตร์ของพระพรหม ) ต่อยอดขึ้นไปด้วยเหล่าครุฑ เหล่าเทพ บนยอดปราสาทที่เห็นไกลๆ จำได้ว่าเป็น พระศรีอาริยเมตตรัย
เนื้อหาโดยรวมของปราสาท จะเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวพันกันเกี่ยวกับบุคคลในปรัชญาความเชื่อ ไม่ว่าจะเป็นพระพรหม พระอินทร์ พระศิวะ พระแม่อุมาเทวี ทั้งในปางเจ้าแม่กาลี พระพิฆเณศร เทวดา นางฟ้า กึ่งมนุษย์กึ่งสัตว์ ทั้งครุฑ และนาค
จะว่าไป เนื้อหาจริงๆก็ยังเป็น The never ending story เพราะตราบเท่าที่จินตนาการยังไม่สิ้นสุด ตัวปราสาทก็ยังมีการดำเนินการผลิตงานไม้แกะสลัก และสถาปัตยกรรมต่อเติมอยู่ตลอดเวลา ในวันที่เข้าเยี่ยมชมนั้น ภายในตัวปราสาทเองก็ยังมีงานไม้แกะสลักที่ยังไม่แล้วเสร็จอยู่ (
เท่าที่ทราบมา ตัวปราสาทในตอนนี้มีงานไม้แกะสลักใหม่ๆเกิดขึ้นมาอีกมากมาย )
เสียดายที่สภาพแสงภายในตัวปราสาทไม่เอื้ออำนวยในการถ่ายภาพนัก
เลยเน้นเดินเก็บภาพด้านนอกเป็นส่วนใหญ่
สำหรับผู้ที่ต้องการถ่ายภาพในลักษณะของ Texture แสงและเงา สถานที่แห่งนี้มีให้อย่างสมบูรณ์ ขอให้เลือกเวลาที่เหมาะสม เช่น ตอนบ่ายแก่ๆที่แดดจะส่องเข้ามา
ทางโถงทิศตะวันตก ตรงนั้นจะมีโถงบันได รูปพญานาคอยู่ทั้ง 2 ฝั่ง
รูปสุดท้ายด้านล่าง ถ่ายจากจุดชมวิวที่อยู่ตรงชายหาด เดินเลาะทะเลไป ใช้เลนส์ 50 mm ถ่ายจะเก็บได้พอดี ( คับไปนิดหนึ่งด้วยซ้ำ )
ความเห็นส่วนตัว
ไม่ควรคาดหวังเรื่องความปราณีต วิจิตรบรรจง มากนัก คงต้องยอมรับก่อนว่า งานแกะสลักไม้ในปัจจุบันนี้ นับวันจะหาช่างฝีมือได้ยากขึ้นเรื่อยๆ 9ปีที่ไปมานั้น รูปแกะสลักหลายรูปมีความไม่สมบูรณ์ในเรื่องของสัดส่วน รูปใบหน้าที่มีหลากหลายสไตล์ หากแต่ถ้ามองในลักษณะของความอลังการ์แห่งจินตนการที่ไร้ที่สิ้นสุดแล้ว สถานที่แห่งนี้ก็ยังถือได้ว่า มีเรื่องราวมากมายให้คิดตามกันเลยทีเดียว
ดังนั้น ผู้เข้าชมก็ควรจะมีจินตนาการไปกับสิ่งที่ได้เห็น และคิดให้เป็นเรื่องราว จึงจะมีความบันเทิงควบคู่
ตอนแรกที่จ่ายค่าบัตรผ่านประตูเข้าไปนั้น ค่อนข้างจะรู้สึกว่าราคา 500 บาท/ผู้ใหญ่ 1 คน นั้นค่อนข้างจะสูงเอาเรื่องเลยทีเดียว โดยเฉพาะสำหรับคนไทย
แต่ถ้าหากเทียบกับค่าใช้จ่ายที่สถานที่แห่งนี้ต้องลงทุนไป ไม่ว่าจะวัสดุชิ้นงาน ( บางชิ้นก็ทิ้ง บางชิ้นเสียหายก็ซ่อมสร้างกันใหม่ ) ค่าแรงงาน ค่าใช้จ่ายในการดูแลและบำรุงรักษา เช่น น้ำยาถนอมเนื้อไม้ เนื่องจากตัวปราสาทอยู่ติดทะเล ไอน้ำเค็มและความชื้น คือ ศัตรูถาวรของงานไม้อยู่แล้ว ยังไม่รับการลงทุนเกี่ยวกับระบบป้องกันอัคคีภัยภายในตัวปราสาทที่ลงทุนเพื่อบริหารความเสี่ยงแบบจริงจัง
และถ้าหากเคยไปเที่ยวต่างประเทศกันมาแล้ว ค่าบัตรผ่านประตูเข้าชมสถานที่บางแห่ง ซึ่งก็ไม่ได้มีอะไรที่ทำให้”ตะลึง”เลยยังแพงกว่านี้ด้วยซ้ำไป โดยรวมๆแล้ว ก็น่าจะเป็นราคาที่พอเหมาะพอสมกับต้นทุนที่จะต้องเอามาหมุนเวียนเพื่อใช้ดำเนินการต่อไป
ที่สำคัญที่นี่ยังคงเป็น
The never ending story
สำหรับผู้ที่มีจินตนาการ และนิยมเสพงานจินตนศิลป์ น่าจะหาโอกาสไปเยี่ยมชมสักครั้ง ไหนๆก็ไปต่างประเทศกันได้ยากแล้วช่วงนี้ รวมทั้งจะยังไม่มีทัวร์จีน ทัวร์เกาหลี เข้ามาเยี่ยมชมที่นี่ไปอีกพักใหญ่ๆ หาเวลาสักวันหนึ่ง ไปเช้า กลับเย็น ผมว่าก็ยังเป็นข้อเสนอที่น่าเก็บไปคิดนะครับ
[CR] เที่ยวทิพย์ : กาลครั้งหนึ่ง ณ ปราสาทสัจธรรม เมื่อ 9 ปีก่อน ใน version Black & White
ผมเชื่อว่าหลายๆคนน่าจะเคยไปมาแล้ว ถึงจะไม่เคยไปก็น่าจะเคยได้ยินชื่อมาบ้าง 9ปีก่อนผมก็แค่ได้ยินชื่อ แล้วก็พอดีลูกสาวกำลังจะต้องส่ง portfolio เพื่อยื่นเข้าคณะที่สอบตรง โดยมีเงื่อนไขว่า ทางกรรมการสัมภาษณ์ เขาอยากได้ภาพใหม่ๆ ที่เพิ่งถ่ายไม่เกิน 3 เดือน พอดีเป็นช่วงเดือนกพ. ฟ้าก็น่าจะใส ฝนคงไม่ตก เลยถามว่าจะไปกันไหมที่นี่ ลูกสาวก็ถามว่าแล้วจะไปถ่ายอะไรกัน คุณพ่อstuntไป 2 วินาที ไม่รู้เหมือนกันสิ แต่เชื่อว่า ยังไงๆก็มีงานส่งแน่
ว่าแล้ว คุณพ่อคุณลูกก็พกกล้องกันไปคนละ body เลนส์เดี๋ยวยืมๆกันใช้ก็แล้วกัน เสียดายหา file ของลูกสาวไม่เจอ ว่าจะเอามาลงฟีเจอริ่งกันหน่อย เลยมีแต่ภาพของผมเพียงคนเดียว
เข้าเรื่องกัน
ปราสาทสัจธรรม มีชื่อเรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า Sanctuary of Truth เป็นงานสถาปัตยกรรมที่ใช้ไม้เป็นโครงสร้างแทบจะทั้งหมด ตัวปราสาทตั้งอยู่ริมทะเล เลยบางละมุงไปนิดหนึ่ง แต่ยังไม่ถึงหาดวงศ์อมาตย์ ลำบากนักก็เปิด Google maps แล้วพิมพ์คำว่า Sanctuary of Truth ลงไป เดี๋ยวก็พบครับ
ลึกๆ ผมเป็นคนที่ชอบเสพงานไม้ ไม้เป็นสิ่งที่ดูแล้วมีชีวิตชีวา มีลักษณะจำเพาะ แล้วถ้าเป็นงานแกะสลัก ขึ้นรูปจากไม้ ยังไงๆก็จะเป็นงานชิ้นเดียวในโลกที่ทำใหม่ก็ไม่เหมือนเดิม
เราแวะไปหาอะไรกินกันแถวแหลมฉบังกันก่อน กว่าจะไปถึงที่ปราสาทสัจธรรมก็เกือบๆจะบ่ายโมงแล้ว เห็นราคาบัตรผ่านประตูแล้ว คุณแม่บอกว่า คุณพ่อกับคุณลูกสาวเชิญตามสบายกันเลยนะคะ อยู่กันให้คุ้มค่าหน่อยก็แล้วกัน ฮ่า ฮ่า
สิ่งแรกที่เราเห็นเมื่อเดินผ่านทางเข้า ก็คือ ตัวปราสาท หน้ามุกที่เป็นพระพรหม 4 หน้า และ พระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ 3 เศียร ( ซึ่งจะมีถึง4เวอร์ชั่น ตามพระพักตร์ของพระพรหม ) ต่อยอดขึ้นไปด้วยเหล่าครุฑ เหล่าเทพ บนยอดปราสาทที่เห็นไกลๆ จำได้ว่าเป็น พระศรีอาริยเมตตรัย
เนื้อหาโดยรวมของปราสาท จะเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวพันกันเกี่ยวกับบุคคลในปรัชญาความเชื่อ ไม่ว่าจะเป็นพระพรหม พระอินทร์ พระศิวะ พระแม่อุมาเทวี ทั้งในปางเจ้าแม่กาลี พระพิฆเณศร เทวดา นางฟ้า กึ่งมนุษย์กึ่งสัตว์ ทั้งครุฑ และนาค
จะว่าไป เนื้อหาจริงๆก็ยังเป็น The never ending story เพราะตราบเท่าที่จินตนาการยังไม่สิ้นสุด ตัวปราสาทก็ยังมีการดำเนินการผลิตงานไม้แกะสลัก และสถาปัตยกรรมต่อเติมอยู่ตลอดเวลา ในวันที่เข้าเยี่ยมชมนั้น ภายในตัวปราสาทเองก็ยังมีงานไม้แกะสลักที่ยังไม่แล้วเสร็จอยู่ (
เท่าที่ทราบมา ตัวปราสาทในตอนนี้มีงานไม้แกะสลักใหม่ๆเกิดขึ้นมาอีกมากมาย )
เสียดายที่สภาพแสงภายในตัวปราสาทไม่เอื้ออำนวยในการถ่ายภาพนัก
เลยเน้นเดินเก็บภาพด้านนอกเป็นส่วนใหญ่
สำหรับผู้ที่ต้องการถ่ายภาพในลักษณะของ Texture แสงและเงา สถานที่แห่งนี้มีให้อย่างสมบูรณ์ ขอให้เลือกเวลาที่เหมาะสม เช่น ตอนบ่ายแก่ๆที่แดดจะส่องเข้ามาทางโถงทิศตะวันตก ตรงนั้นจะมีโถงบันได รูปพญานาคอยู่ทั้ง 2 ฝั่ง
รูปสุดท้ายด้านล่าง ถ่ายจากจุดชมวิวที่อยู่ตรงชายหาด เดินเลาะทะเลไป ใช้เลนส์ 50 mm ถ่ายจะเก็บได้พอดี ( คับไปนิดหนึ่งด้วยซ้ำ )
ความเห็นส่วนตัว
ไม่ควรคาดหวังเรื่องความปราณีต วิจิตรบรรจง มากนัก คงต้องยอมรับก่อนว่า งานแกะสลักไม้ในปัจจุบันนี้ นับวันจะหาช่างฝีมือได้ยากขึ้นเรื่อยๆ 9ปีที่ไปมานั้น รูปแกะสลักหลายรูปมีความไม่สมบูรณ์ในเรื่องของสัดส่วน รูปใบหน้าที่มีหลากหลายสไตล์ หากแต่ถ้ามองในลักษณะของความอลังการ์แห่งจินตนการที่ไร้ที่สิ้นสุดแล้ว สถานที่แห่งนี้ก็ยังถือได้ว่า มีเรื่องราวมากมายให้คิดตามกันเลยทีเดียว
ดังนั้น ผู้เข้าชมก็ควรจะมีจินตนาการไปกับสิ่งที่ได้เห็น และคิดให้เป็นเรื่องราว จึงจะมีความบันเทิงควบคู่
ตอนแรกที่จ่ายค่าบัตรผ่านประตูเข้าไปนั้น ค่อนข้างจะรู้สึกว่าราคา 500 บาท/ผู้ใหญ่ 1 คน นั้นค่อนข้างจะสูงเอาเรื่องเลยทีเดียว โดยเฉพาะสำหรับคนไทย
แต่ถ้าหากเทียบกับค่าใช้จ่ายที่สถานที่แห่งนี้ต้องลงทุนไป ไม่ว่าจะวัสดุชิ้นงาน ( บางชิ้นก็ทิ้ง บางชิ้นเสียหายก็ซ่อมสร้างกันใหม่ ) ค่าแรงงาน ค่าใช้จ่ายในการดูแลและบำรุงรักษา เช่น น้ำยาถนอมเนื้อไม้ เนื่องจากตัวปราสาทอยู่ติดทะเล ไอน้ำเค็มและความชื้น คือ ศัตรูถาวรของงานไม้อยู่แล้ว ยังไม่รับการลงทุนเกี่ยวกับระบบป้องกันอัคคีภัยภายในตัวปราสาทที่ลงทุนเพื่อบริหารความเสี่ยงแบบจริงจัง
และถ้าหากเคยไปเที่ยวต่างประเทศกันมาแล้ว ค่าบัตรผ่านประตูเข้าชมสถานที่บางแห่ง ซึ่งก็ไม่ได้มีอะไรที่ทำให้”ตะลึง”เลยยังแพงกว่านี้ด้วยซ้ำไป โดยรวมๆแล้ว ก็น่าจะเป็นราคาที่พอเหมาะพอสมกับต้นทุนที่จะต้องเอามาหมุนเวียนเพื่อใช้ดำเนินการต่อไป
ที่สำคัญที่นี่ยังคงเป็น The never ending story
สำหรับผู้ที่มีจินตนาการ และนิยมเสพงานจินตนศิลป์ น่าจะหาโอกาสไปเยี่ยมชมสักครั้ง ไหนๆก็ไปต่างประเทศกันได้ยากแล้วช่วงนี้ รวมทั้งจะยังไม่มีทัวร์จีน ทัวร์เกาหลี เข้ามาเยี่ยมชมที่นี่ไปอีกพักใหญ่ๆ หาเวลาสักวันหนึ่ง ไปเช้า กลับเย็น ผมว่าก็ยังเป็นข้อเสนอที่น่าเก็บไปคิดนะครับ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้