อังกฤษที่ว่าลีกแข็งๆ ทีมชาติยังสู้โปรตุเกส ฝรั่งเศส ไม่ได้เลย จนตอนนี้หันมามองเรื่องนักเตะท้องถิ่น นักเตะเยาวชนกันแล้ว และบางคนเริ่มออกไปต่างประเทศอย่าง ซานโช่ จู๊ด ทริเบีย หรือที่ไม่ติดทีมชาติอย่าง สมอริ่ง ยัง คือเริ่มไปเปิดโลกล่ะ ไม่งั้นก็อวยตัวเองกันต่อไป

ดูอย่างอิตาลี ลีกไม่ได้แข็งเหมือนเก่า ทีมชาติก็ล้มเหลวมาตกรอบบอลโลก 2018 สมาพันธ์ฟุตบอลอิตาลี เลยประชุมเพื่อหาทางออก โดยมี 2 ทางเลือก คือ
1. ยังคงแนวทางการเล่นแบบเดิม รับแล้วโต้ แบบดั้งเดิม ในลีกก็ยังคงแบบนี้
2. เปลี่ยนแนวทางการเล่น ไปเล่นบอลบุก และเปลี่ยนกลิ่นไอการเล่นในลีก
เรียกว่าการเลือกของสมาพันธ์ฟุตบอลอิตาลีครั้งนี้จะเป็นการแหวกม่านประเพณีกับเลยทีเดียว แต่สุดท้ายสมาพันธ์ฯ ทำในสิ่งที่แตกต่าง คือ เราจะเล่นบอลเกมส์รุก และจะพัฒนาเยาวชนให้เล่นบอลเกมส์รุก แต่ก็จะไม่ทิ้งความเป็นตัวตนของเรา

นั่นจึงเป็นที่มาของการตามหาโค้ชที่ทำได้ อิตาลี มีโค้ชดีๆเยอะ แต่หลายคนยังคงยึดแนวทางเดิม ดังเห็นได้จากโค้ชหลายๆคน จนสุดท้ายสมาพันธ์เลือกไปที่มันชินี่ โดยเอาเทปนัดที่แพ้สวีเดน ตกรอบบอลโลกไปให้ดู แล้วถามว่าทีมบกพร่องตรงไหน มันชินี่ตอบว่ากองหน้าเราทำไมลงมาต่ำ และต้องมาเล่นรับ สมาพันธ์บอกว่าเราก็คิดแบบนี้เลยมาหาคุณ มันชินี่บอกคุณมาหาถูกคนแล้ว แล้วแกก็เริ่ม ปฏิวัติ การเล่นทีมชาติอิตาลีที่เล่นกันมาเกือบ 100 ปี อย่าที่เห็น โดยใช้เวลาแค่ 3 ปี เปลี่ยนจาก anti football เป็น เดินหน้าฆ่ามัน และถามว่าเปลี่ยนแล้วเกมส์รับอ่อนลงไหม ก็ไม่เลยแค่ไม่ไปตังรับลึก แต่ใช้วิธีเพรสซิ่งในการลดการบุกฝั่งตรงข้าม เรียกว่า อิตาลี สามารถก้าวข้ามยุคสมัยของฟุตบอลได้แล้ว

สิ่งที่อยากจะสื่อ บอกว่าแนวทางการเล่นในลีก การพัฒนาโค้ช การเลือกโค้ช วิธีการเล่น มันเป็นหน้าที่ของสมาคม ความล้มเหลวมันมีได้แต่อย่านาน หรือล้มแล้วไม่คิดจะแก้ไขอะไรเลย ฝากสมาคมฟุตบอลด้วยว่า ตอนนี้ควรระดมความคิดแล้วว่าทีมชาติไทยบกพร่องตรงไหน เราจะพัฒนาตรงไหน และจะพัฒนาอย่างไร