“ธีรัจชัย” เผย “ก้าวไกล” ยังไม่ส่งป.ป.ช. สอบ “ธรรมนัส” ต่อ หลังพบพิรุธ “ก.ต่างประเทศ”
https://www.matichon.co.th/politics/news_2774960
“ธีรัจชัย” เผย “ก้าวไกล” ยังไม่ส่งป.ป.ช. สอบ “ธรรมนัส” ต่อ หลังพบพิรุธ “ก.ต่างประเทศ” ไม่ส่งเอกสารคดียาเสพติดให้ ศาลรธน.
เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน นาย
ธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ในฐานะคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า พรรคก้าวไกล ยังไม่สรุปว่าจะส่งเรื่องตรวจสอบ ร.อ.
ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา พรรคพลังประชารัฐ และรัฐมนตรีช่วยว่าการเกษตรและสหกรณ์ ไปยังหน่วยงานตรวจสอบ เช่น คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เมื่อใด เพราะขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบรายละเอียดและรวบรวมข้อมูลให้พร้อมก่อนจะดำเนินการ
นาย
ธีรัจชัย กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม การตรวจสอบดังกล่าวในชั้นอนุกมธ.ที่มีตนเป็นประธานอยู่ระหว่างตรวจสอบรายละเอียดที่เกิดขึ้น ต่อจากกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยต่อคดีของ ร.อ.
ธรรมนัส ที่ต้องคำพิพากษาในศาลประเทศออสเตรเลีย ในคดียาเสพติด พร้อมกับตรวจสอบหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการต่างประเทศ ที่ไม่พบการส่งรายละเอียดคำพิพากษาในคดีของร.อ.
ธรรมนัส ให้กับศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งที่ปี 2540 พบว่า กระทรวงการต่างประเทศ ส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ซึ่งกรณีดังกล่าวของกระทรวงการต่างประเทศ จะตรวจสอบว่าได้ปฏิบัติโดยชอบหรือละเลยการปฏิบัติหน้าที่ส่วนใดหรือไม่
นาย
ธีรัจชัย กล่าวอีกว่า กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย ซึ่งเป็นประเด็นเชิงเทคนิค คือระบุต่ออำนาจทางอธิปไตยของตุลาการนั้น ต้องตรวจสอบต่อว่า ในประเด็นทางกฎหมายที่เกี่ยวเนื่องกับคุณสมบัติและบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญที่ต้องการกลั่นกรองบุคคลก่อนเข้าสู่ตำแหน่งทางการเมืองก็ควรต้องตรวจสอบ ทั้งนี้การตรวจสอบของอนุกมธ. ไม่ตั้งธงว่าจะให้ผลเป็นแบบใด แต่ต้องการให้มาตรการตรวจสอบและกลั่นกรองคนเข้าสู่ตำแหน่งเป็นมาตรฐาน
ชง ศบค. หามาตรการ อุ้มร้านอาหาร ก่อนปิดตัวนับแสนเจ้า ชี้ คนละครึ่ง ก็ช่วยไม่ได้
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_6451526
นายกสมาคมภัตตาคาร ชง “นายกฯ-ศบค.” ตั้งคณะกรรมการร่วม หามาตรการเยียวยาร้านอาหาร ก่อนกิจการกว่าแสน ต้องปิดตัว ชี้ คนละครึ่ง ก็ช่วยอะไรไม่ได้
วานนี้ (14 มิ.ย.) นาง
ฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย เปิดเผยว่า การประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ในวันที่ 18 มิถุนายนนี้ ทางสมาคมฯจะเสนอให้ ศบค.เห็นชอบจัดตั้งคณะกรรมการร่วมเป็นการเฉพาะเกี่ยวกับภัตตาคารและร้านอาหาร ที่ประกอบด้วยคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสมาคมที่เกี่ยวข้องกับร้านอาหาร
เพื่อหามาตรการเยียวยาและช่วยเหลือให้ตรงกับความต้องการและปัญหาที่เกิดขึ้นของแต่ละกลุ่ม ซึ่งส่วนใหญ่ผู้ประกอบการร้านอาหารเป็นกลุ่มเอสเอ็มอี และที่ผ่านมาไม่มีปากเสียงต่อการเข้าร้องเรียนโดยตรงกับภาครัฐ แนวคิดตั้งคณะกรรมการดูแลโดยตรง เพราะร้านอาหารถือเป็นหนึ่งในภาคบริการ มีเครือข่ายห่วงโซ่เกี่ยวข้องกับหลายธุรกิจและจำนวนคนเป็นล้านๆคน และยังเป็นการรองรับแรงงานที่ตกงานจากหลากหลายอาชีพ ดังนั้นเมื่อผู้ประกอบการร้านอาหารประสบปัญหา ก็จะกระทบเป็นวงกว้างทั้งธุรกิจและแรงงาน
“เราวิตกว่าหากหลังเดือนมิถุนายนนี้การแพร่ระบาดยังไม่คลี่คลายดีขึ้น จะยิ่งกดดันกำลังซื้อประชาชน กระทบร้านอาหารปิดตัว แม้รัฐบาลออกมาตรการช่วยเหลือประชาชน เช่น คนละครึ่ง แต่ข้อจำกัดการเปิดร้าน หรือ กำลังซื้อประชาชนไม่ได้มากขึ้น ก็ไม่ได้ส่งผลต่อผู้ประกอบการอาหาร อีกทั้งที่ผ่านมา มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการก็ไม่ได้ตรงจุด เราต้องการสินเชื่อเงินไม่ได้มาก 5 หมื่นถึง 1 แสนบาท/รายในเบื้องต้นเพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนซื้อสินค้าหรือประคองแรงงาน ก็ยังไม่สามารถเข้าถึงได้
หรือ ปัญหาต้นทุนสูง อย่างเปิดร้านได้น้อยก็ขายออนไลน์แต่เจอเรื่องถูกเก็บค่าบริการ(จีพี)จัดส่งดิลิเวอรี่ จากเจ้าของแพลตฟอร์ม ทำให้รายได้จริงไม่พอค่าใช้จ่าย เมื่อเรามีคณะกรรมการก็ดีต่อการเจรจาเพื่อให้ผ่อนปรนค่าจีพีเพื่อช่วยเหลือระหว่างกันมากขึ้น เช่น ลด 50% จนกว่าโควิดรุนแรงจะดีขึ้น อีกทั้ง การมีคณะกรรมการร่วม จะได้รู้ข้อมูลแท้จริง
เช่น ดูตัวเลขร้านอาหารจดทะเบียนกับกระทรวงพาณิชย์มีเพียง 1.5 หมื่นราย แต่ไปดูจำนวนร้านอาหารเสียภาษีกับกระทรวงการคลังมีเป็นแสนๆราย ที่เสี่ยงปิดตัวจากหมดสายป่านหลังแบกภาระขาดรายได้จากมาตรการเข้มช่วงโควิด ที่เราเสนอพียงให้เกิดการช่วยเหลือได้จริง ตรงจุด และรวดเร็ว บนกติกาที่เหมาะสม ” นาง
ฐนิวรรณ กล่าว
นาง
ฐนิวรรณ กล่าว่า จะยังไม่มีการนำเสนอในการปลดล็อกหรือผ่อนปรนอะไรในช่วงนี้ เพราะยังเห็นจำนวนตัวเลจขผู้ติดเชื้อต่อวันยังสูง และการกระจายฉีดวัคซีนเพิ่งเริ้มดำเนินการ จึงเชื่อว่าศบค.จะพิจารณาถึงความเหมาะสมต่อไป ที่ผู้ประกอบการต้องการตอนนี้คือความช่วยเหลือเฉพาะหน้าที่ให้ร้านเปิดได้ ซึ่งเริ่มเห็นสัญญาณเลิกร้านเพิ่มขึ้น จะชัดเจนมากขึ้นหลังมิถุนายนนี้ โดยเฉพาะร้านในต่างจังหวัด ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาว่างงานและขาดรายได้อย่างรุนแรง
อีกเรื่องที่อยากให้ ศบค.พิจารณาคือ ควรใช้การสั่งปิดร้านอาหารเฉพาะร้านที่เจอโควิด และ ไม่ปฎิบัติตามมาตรการที่เข้มงวด เพราะยังเห็นบางร้านค้าไม่จำกัดจำนวนคนนั่ง หรือ เปิดค้าแบบไม่มีมาตรการป้องกัน ดีกว่าจะเหมาใช้มาตรการเดียวในพื้นที่หรือทั้งจังหวัด เพื่อให้ผู้ประกอบการปฎิบัติได้ตามมาตรการไม่ได้รับผลกระทบไปด้วย
ปราจีนบุรี พิษโควิด โรงเรียนในเขตพื้นที่แจ้งเลื่อนเปิดเรียนอย่างไม่มีกำหนดกว่า 80% หลังพบนักเรียนติดเชื้อโควิด จากผู้ปกครอง 3 ราย
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_6451519
กรณี ในวันที่ 14 มิ.ย.64 สถานศึกษาต่างๆ ในจังหวัดปราจีนบุรี จะเปิดเรียนตามปกติแล้ว แต่ตัวผู้บริหารและครูผู้สอนกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ยังไม่รับการฉีดวัคซีน ทำให้คณะบุคลากรรวมทั้ง นักเรียน ผู้ปกครองมีความวิตกกังวลในเรื่องนี้ ที่จังหวัดปราจีนบุรีไม่สามารถจัดสรรวัคซีนให้กับบุคลากรได้ครบก่อนเปิดเทอม
ล่าสุด เมื่อวันที่ 14 มิ.ย.64 โรงเรียนในพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรี มีรายงานว่า เริ่มทยอยประกาศเลื่อนการเปิดการเรียน การสอน ในวันที่ 14 มิ.ย.64 นี้ หลังจากพบว่ามีการรายงานของสำนักงานสาธารณสุขปราจีนบุรี พบผู้ติดเชื้อโควิด 19 จำนวน 10 ราย ในเขตพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรี ในจำนวนนั้นเป็นบุคลากร รพ.กบินทร์บุรี จำนวน 2 ราย รวมทั้งบุคลากรผู้เสี่ยงสูงอีกจำนวนมากที่ต้องกักตัว
ส่วนที่โรงเรียนเทศบาล 2 วัดใหม่ท่าพาณิชย์ เทศบาลตำบลกบินทร์ ที่พบว่ามีนักเรียนติดเชื้อโควิด 19 จากผู้ปกครองจำนวน 3 ราย จึงอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้โรงเรียนในเขตพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรีกว่า 80% เลื่อนเปิดเรียนอย่างไม่มีกำหนดออกไปอีก
นอกจากนี้ ยังพบบรรดาผู้ปกครอง ที่ไม่ทราบข่าวการเลื่อนเปิดเรียน ยังนำลูกหลานมาโรงเรียนเหมือนตามปกติ แต่ต้องผิดหวัง พร้อมกับกล่าวว่า ไม่ทราบข่าวว่ามีการเลื่อนเปิดเรียนแต่อย่างใด เพราะไม่อยากให้ลูกหลานหยุดเรียนนาน
ด้านครูฝ่ายปกครองโรงเรียนเทศบาล 2 กล่าวว่า ทางโรงเรียนต้องเลื่อนเปิดเรียนออกไปอีก เพราะมีผู้ปกครองของนักเรียนที่เรียนอยู่ที่นี้ อยู่ที่บ้านโนน ม. 8 ต.กบินทร์ ติดโควิด อาจทำให้นักเรียนที่เป็นลูกหลานอาจจะได้รับเชื้อโควิด 3-4 คน ทางโรงเรียนเกรงว่าจะไม่ปลอดภัยจึงเลื่อนเปิดเรียนออกไปอีก นอกจากนี้ บรรดา พ่อค้า แม่ค้า ที่ขายอาหารกลางวันในโรงเรียนต้องเก็บข้าวของที่ซื้อไว้ขายในโรงเรียนกลับบ้าน บอกว่าทุนหาย กำไรหดไปตามๆกัน
ทั้งนี้เบื้องต้นสถานศึกษาที่แจ้งเลื่อนการเปิดเทอมออกไป ในโรงเรียนขนาดใหญ่ อาทิ โรงเรียนปราจีนกัลยาณี (ปกณ.) โรงเรียนปราจีนราษฏรอำรุง (ปรอ.) โรงเรียนอนุบาลปราจีน โรงเรียนสังกัดการศึกษาเอกชน โรงเรียนมารีย์วิทยา เป็นต้น ส่วนโรงเรียนในสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)ทั้ง อบจ. เทศบาล ขึ้นอยู่กับผู้บริหารของแต่ละแห่งเช่นกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายบุญเกื้อ พากเพียรศิลป์ นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองปราจีนบุรี ประกาศเทศบาลเมืองปราจีนบุรี เรื่อง ขอเลื่อนการเปิดการเรียนการสอนในรูปแบบ OnSite (แบบนักเรียนมาโรงเรียน) จากเดิมวันจันทร์ที่ 14 มิ.ย.64 ออกไปโดยยังไม่มีกำหนด หากมีการเปลี่ยนแปลงทางเทศบาลเมืองปราจีนบุรี จะประชาสัมพันธ์ให้ทราบในโอกาสต่อไป
JJNY : ก.ก.ยังไม่ส่งสอบธรรมนัสต่อ│ชงอุ้มร้านอาหารก่อนปิดตัว│ปราจีนบุรีพบนร.ติดเชื้อโควิด│ชี้ใช้เงินท้องถิ่นซื้อวัคซีนได้
https://www.matichon.co.th/politics/news_2774960
เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ในฐานะคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า พรรคก้าวไกล ยังไม่สรุปว่าจะส่งเรื่องตรวจสอบ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา พรรคพลังประชารัฐ และรัฐมนตรีช่วยว่าการเกษตรและสหกรณ์ ไปยังหน่วยงานตรวจสอบ เช่น คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เมื่อใด เพราะขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบรายละเอียดและรวบรวมข้อมูลให้พร้อมก่อนจะดำเนินการ
นายธีรัจชัย กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม การตรวจสอบดังกล่าวในชั้นอนุกมธ.ที่มีตนเป็นประธานอยู่ระหว่างตรวจสอบรายละเอียดที่เกิดขึ้น ต่อจากกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยต่อคดีของ ร.อ.ธรรมนัส ที่ต้องคำพิพากษาในศาลประเทศออสเตรเลีย ในคดียาเสพติด พร้อมกับตรวจสอบหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการต่างประเทศ ที่ไม่พบการส่งรายละเอียดคำพิพากษาในคดีของร.อ.ธรรมนัส ให้กับศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งที่ปี 2540 พบว่า กระทรวงการต่างประเทศ ส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ซึ่งกรณีดังกล่าวของกระทรวงการต่างประเทศ จะตรวจสอบว่าได้ปฏิบัติโดยชอบหรือละเลยการปฏิบัติหน้าที่ส่วนใดหรือไม่
นายธีรัจชัย กล่าวอีกว่า กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย ซึ่งเป็นประเด็นเชิงเทคนิค คือระบุต่ออำนาจทางอธิปไตยของตุลาการนั้น ต้องตรวจสอบต่อว่า ในประเด็นทางกฎหมายที่เกี่ยวเนื่องกับคุณสมบัติและบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญที่ต้องการกลั่นกรองบุคคลก่อนเข้าสู่ตำแหน่งทางการเมืองก็ควรต้องตรวจสอบ ทั้งนี้การตรวจสอบของอนุกมธ. ไม่ตั้งธงว่าจะให้ผลเป็นแบบใด แต่ต้องการให้มาตรการตรวจสอบและกลั่นกรองคนเข้าสู่ตำแหน่งเป็นมาตรฐาน
ชง ศบค. หามาตรการ อุ้มร้านอาหาร ก่อนปิดตัวนับแสนเจ้า ชี้ คนละครึ่ง ก็ช่วยไม่ได้
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_6451526
นายกสมาคมภัตตาคาร ชง “นายกฯ-ศบค.” ตั้งคณะกรรมการร่วม หามาตรการเยียวยาร้านอาหาร ก่อนกิจการกว่าแสน ต้องปิดตัว ชี้ คนละครึ่ง ก็ช่วยอะไรไม่ได้
วานนี้ (14 มิ.ย.) นางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย เปิดเผยว่า การประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ในวันที่ 18 มิถุนายนนี้ ทางสมาคมฯจะเสนอให้ ศบค.เห็นชอบจัดตั้งคณะกรรมการร่วมเป็นการเฉพาะเกี่ยวกับภัตตาคารและร้านอาหาร ที่ประกอบด้วยคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสมาคมที่เกี่ยวข้องกับร้านอาหาร
เพื่อหามาตรการเยียวยาและช่วยเหลือให้ตรงกับความต้องการและปัญหาที่เกิดขึ้นของแต่ละกลุ่ม ซึ่งส่วนใหญ่ผู้ประกอบการร้านอาหารเป็นกลุ่มเอสเอ็มอี และที่ผ่านมาไม่มีปากเสียงต่อการเข้าร้องเรียนโดยตรงกับภาครัฐ แนวคิดตั้งคณะกรรมการดูแลโดยตรง เพราะร้านอาหารถือเป็นหนึ่งในภาคบริการ มีเครือข่ายห่วงโซ่เกี่ยวข้องกับหลายธุรกิจและจำนวนคนเป็นล้านๆคน และยังเป็นการรองรับแรงงานที่ตกงานจากหลากหลายอาชีพ ดังนั้นเมื่อผู้ประกอบการร้านอาหารประสบปัญหา ก็จะกระทบเป็นวงกว้างทั้งธุรกิจและแรงงาน
“เราวิตกว่าหากหลังเดือนมิถุนายนนี้การแพร่ระบาดยังไม่คลี่คลายดีขึ้น จะยิ่งกดดันกำลังซื้อประชาชน กระทบร้านอาหารปิดตัว แม้รัฐบาลออกมาตรการช่วยเหลือประชาชน เช่น คนละครึ่ง แต่ข้อจำกัดการเปิดร้าน หรือ กำลังซื้อประชาชนไม่ได้มากขึ้น ก็ไม่ได้ส่งผลต่อผู้ประกอบการอาหาร อีกทั้งที่ผ่านมา มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการก็ไม่ได้ตรงจุด เราต้องการสินเชื่อเงินไม่ได้มาก 5 หมื่นถึง 1 แสนบาท/รายในเบื้องต้นเพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนซื้อสินค้าหรือประคองแรงงาน ก็ยังไม่สามารถเข้าถึงได้
หรือ ปัญหาต้นทุนสูง อย่างเปิดร้านได้น้อยก็ขายออนไลน์แต่เจอเรื่องถูกเก็บค่าบริการ(จีพี)จัดส่งดิลิเวอรี่ จากเจ้าของแพลตฟอร์ม ทำให้รายได้จริงไม่พอค่าใช้จ่าย เมื่อเรามีคณะกรรมการก็ดีต่อการเจรจาเพื่อให้ผ่อนปรนค่าจีพีเพื่อช่วยเหลือระหว่างกันมากขึ้น เช่น ลด 50% จนกว่าโควิดรุนแรงจะดีขึ้น อีกทั้ง การมีคณะกรรมการร่วม จะได้รู้ข้อมูลแท้จริง
เช่น ดูตัวเลขร้านอาหารจดทะเบียนกับกระทรวงพาณิชย์มีเพียง 1.5 หมื่นราย แต่ไปดูจำนวนร้านอาหารเสียภาษีกับกระทรวงการคลังมีเป็นแสนๆราย ที่เสี่ยงปิดตัวจากหมดสายป่านหลังแบกภาระขาดรายได้จากมาตรการเข้มช่วงโควิด ที่เราเสนอพียงให้เกิดการช่วยเหลือได้จริง ตรงจุด และรวดเร็ว บนกติกาที่เหมาะสม ” นางฐนิวรรณ กล่าว
นางฐนิวรรณ กล่าว่า จะยังไม่มีการนำเสนอในการปลดล็อกหรือผ่อนปรนอะไรในช่วงนี้ เพราะยังเห็นจำนวนตัวเลจขผู้ติดเชื้อต่อวันยังสูง และการกระจายฉีดวัคซีนเพิ่งเริ้มดำเนินการ จึงเชื่อว่าศบค.จะพิจารณาถึงความเหมาะสมต่อไป ที่ผู้ประกอบการต้องการตอนนี้คือความช่วยเหลือเฉพาะหน้าที่ให้ร้านเปิดได้ ซึ่งเริ่มเห็นสัญญาณเลิกร้านเพิ่มขึ้น จะชัดเจนมากขึ้นหลังมิถุนายนนี้ โดยเฉพาะร้านในต่างจังหวัด ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาว่างงานและขาดรายได้อย่างรุนแรง
อีกเรื่องที่อยากให้ ศบค.พิจารณาคือ ควรใช้การสั่งปิดร้านอาหารเฉพาะร้านที่เจอโควิด และ ไม่ปฎิบัติตามมาตรการที่เข้มงวด เพราะยังเห็นบางร้านค้าไม่จำกัดจำนวนคนนั่ง หรือ เปิดค้าแบบไม่มีมาตรการป้องกัน ดีกว่าจะเหมาใช้มาตรการเดียวในพื้นที่หรือทั้งจังหวัด เพื่อให้ผู้ประกอบการปฎิบัติได้ตามมาตรการไม่ได้รับผลกระทบไปด้วย
ปราจีนบุรี พิษโควิด โรงเรียนในเขตพื้นที่แจ้งเลื่อนเปิดเรียนอย่างไม่มีกำหนดกว่า 80% หลังพบนักเรียนติดเชื้อโควิด จากผู้ปกครอง 3 ราย
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_6451519
กรณี ในวันที่ 14 มิ.ย.64 สถานศึกษาต่างๆ ในจังหวัดปราจีนบุรี จะเปิดเรียนตามปกติแล้ว แต่ตัวผู้บริหารและครูผู้สอนกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ยังไม่รับการฉีดวัคซีน ทำให้คณะบุคลากรรวมทั้ง นักเรียน ผู้ปกครองมีความวิตกกังวลในเรื่องนี้ ที่จังหวัดปราจีนบุรีไม่สามารถจัดสรรวัคซีนให้กับบุคลากรได้ครบก่อนเปิดเทอม
ล่าสุด เมื่อวันที่ 14 มิ.ย.64 โรงเรียนในพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรี มีรายงานว่า เริ่มทยอยประกาศเลื่อนการเปิดการเรียน การสอน ในวันที่ 14 มิ.ย.64 นี้ หลังจากพบว่ามีการรายงานของสำนักงานสาธารณสุขปราจีนบุรี พบผู้ติดเชื้อโควิด 19 จำนวน 10 ราย ในเขตพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรี ในจำนวนนั้นเป็นบุคลากร รพ.กบินทร์บุรี จำนวน 2 ราย รวมทั้งบุคลากรผู้เสี่ยงสูงอีกจำนวนมากที่ต้องกักตัว
ส่วนที่โรงเรียนเทศบาล 2 วัดใหม่ท่าพาณิชย์ เทศบาลตำบลกบินทร์ ที่พบว่ามีนักเรียนติดเชื้อโควิด 19 จากผู้ปกครองจำนวน 3 ราย จึงอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้โรงเรียนในเขตพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรีกว่า 80% เลื่อนเปิดเรียนอย่างไม่มีกำหนดออกไปอีก
นอกจากนี้ ยังพบบรรดาผู้ปกครอง ที่ไม่ทราบข่าวการเลื่อนเปิดเรียน ยังนำลูกหลานมาโรงเรียนเหมือนตามปกติ แต่ต้องผิดหวัง พร้อมกับกล่าวว่า ไม่ทราบข่าวว่ามีการเลื่อนเปิดเรียนแต่อย่างใด เพราะไม่อยากให้ลูกหลานหยุดเรียนนาน
ด้านครูฝ่ายปกครองโรงเรียนเทศบาล 2 กล่าวว่า ทางโรงเรียนต้องเลื่อนเปิดเรียนออกไปอีก เพราะมีผู้ปกครองของนักเรียนที่เรียนอยู่ที่นี้ อยู่ที่บ้านโนน ม. 8 ต.กบินทร์ ติดโควิด อาจทำให้นักเรียนที่เป็นลูกหลานอาจจะได้รับเชื้อโควิด 3-4 คน ทางโรงเรียนเกรงว่าจะไม่ปลอดภัยจึงเลื่อนเปิดเรียนออกไปอีก นอกจากนี้ บรรดา พ่อค้า แม่ค้า ที่ขายอาหารกลางวันในโรงเรียนต้องเก็บข้าวของที่ซื้อไว้ขายในโรงเรียนกลับบ้าน บอกว่าทุนหาย กำไรหดไปตามๆกัน
ทั้งนี้เบื้องต้นสถานศึกษาที่แจ้งเลื่อนการเปิดเทอมออกไป ในโรงเรียนขนาดใหญ่ อาทิ โรงเรียนปราจีนกัลยาณี (ปกณ.) โรงเรียนปราจีนราษฏรอำรุง (ปรอ.) โรงเรียนอนุบาลปราจีน โรงเรียนสังกัดการศึกษาเอกชน โรงเรียนมารีย์วิทยา เป็นต้น ส่วนโรงเรียนในสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)ทั้ง อบจ. เทศบาล ขึ้นอยู่กับผู้บริหารของแต่ละแห่งเช่นกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายบุญเกื้อ พากเพียรศิลป์ นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองปราจีนบุรี ประกาศเทศบาลเมืองปราจีนบุรี เรื่อง ขอเลื่อนการเปิดการเรียนการสอนในรูปแบบ OnSite (แบบนักเรียนมาโรงเรียน) จากเดิมวันจันทร์ที่ 14 มิ.ย.64 ออกไปโดยยังไม่มีกำหนด หากมีการเปลี่ยนแปลงทางเทศบาลเมืองปราจีนบุรี จะประชาสัมพันธ์ให้ทราบในโอกาสต่อไป