ผจญภัยในอาณาจักรโบราณ



.............. เรื่องนี้เริ่มในบ่ายวันหนึ่ง  คุณชัย มีภูมิลำเนาเดิมเป็นคนอำเภอคูเมือง ได้พาแฟนสาวมาเยี่ยมญาติผู้ใหญ่ โดย วางแผนในช่วงวันหยุดยาวไว้ว่า จะค้างบ้านคุณปู่หนึ่งคืน  พรุ่งนี้เช้า คุณชัยจะพาคุณสกุณาแฟนสาว ไปชมสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัด คือปราสาทหิน อีกวันจะข้ามชายแดน ไปเที่ยวกัมพูชากันต่อ   
 
 อากาศช่วงบ่ายไม่สู้ดี ท้องฟ้ามีสีแดง คุณชัยจะพาแฟนไปหาซื้อของใช้จำเป็นในตัวจังหวัด ที่ไกลออกไปประมาณ 40 กิโลเมตร  คงจะกลับมาอีกทีในช่วงค่ำ  ปู่โชติบอก อุกาฟ้าเหลือง พายุจะเข้า ไม่ต้องไปไหนหรอก คุณชัยเป็นหลานชายที่เกรงคุณปู่ มากกว่าคุณพ่อเสียอีก  ท่านเป็นคนหน้านิ่ง บทจะดุขึ้นมา คนในบ้านพากันเงียบหมด  สมัยก่อนท่านทำหน้าที่เป็นผู้คุมในเรือนจำ ตามผนังห้อง จึงมีรูปถ่ายสีขาวดำแขวนไว้   
 
 สิ่งที่ทำให้คุณสกุณาสะดุดตาก็คือ ภาพข่าวตัดแปะ จากหน้าหนังสือพิมพ์ในยุคนั้น มีภาพของคุณปู่โชติสมัยหนุ่มๆ ถือปืนยาวดูโก้มาก มาดเข้มราวกับดาวร้ายหนังไทย  มันเป็นข่าวนักโทษแหกรถคุมขัง จนถูกวิสามัญ  คุณสกุณาเห็นว่าเมื่อไม่มีอะไรทำ เลยหันมาชวนคุณปู่พูดคุยถึงเรื่องราวในภาพ  อีกทั้งจะได้ทำความคุ้นเคยกันให้มากขึ้น   
  
ปกติแล้ว คุณปู่ไม่ค่อยพูดถึง เรื่องราวของตนเองในสมัยเป็นผู้คุม  แต่เมื่อเห็นคุณสกุณามีใบหน้าคล้ายกับคนรู้จัก  ทำให้ท่านอดคิดถึงความหลังไม่ได้  จึงยอมเล่าให้ฟัง  ที่แม้แต่คุณชัยเองยังไม่เคยฟังมาก่อน
 
 
มันเป็นบ่ายของวันที่อากาศเลวร้าย ท้องฟ้าสีแดงฉานเหมือนย้อมไปด้วยเลือด ในป่าดิบดงทึบอันเป็นส่วนหนึ่งในเทือกเขาพนมดงรัก  ชายฉกรรจ์สิบคน กำลังมุ่งหน้าอย่างรีบเร่ง หนีการติดตามของเจ้าหน้าที่บ้านเมือง บางคนหายใจหอบจนตัวโยน  วิ่งต่อไปไม่ไหวแล้ว  ร้องขอให้คนข้างหน้าหยุดรอก่อน 
  
“ขอพักก่อนพี่ซ้ง  เราวิ่งกันไม่ไหวแล้ว  พวกตำรวจมันตามมาไม่ทันตอนนี้หรอก” 
“อย่าวางใจ เราจะต้องข้ามชายแดนไปเขมรให้ได้  ข้ามีพรรคพวก รอช่วยอยู่ฝั่งโน้น”  
   
เมื่อชั่วโมงก่อน นักโทษกลุ่มนี้พึ่งแหกรถคุมขัง ยิงผู้คุมเสียชีวิต หากหนีไม่พ้น ตำรวจติดตามมาทัน จะต้องถูกวิสามัญอย่างแน่นอน  ไม่นานที่เกรงกันไว้ก็เป็นจริง เมื่อมีเสียงหมาเห่าไล่หลังมาทุกที  รู้ว่าตำรวจใช้หมาดมกลิ่นนักโทษ 
   
พอจวนตัว  นายซ้งหัวหน้าแก๊งปล้นธนาคาร ไม่คิดยอมให้จับอีกแล้ว จะขอสู้ตาย  หน่วงเวลาให้พรรคพวกลงไปในแม่น้ำ มันตื้นเขินมาก และใสพอให้มองเห็นหินแกะสลักมากมายอยู่ใต้น้ำ  มองผิวเผินเหมือนรูปสลักของฤๅษีนับจำนวนไม่ถ้วน  ในเวลานั้น ไม่มีใครมีกะใจพิจารณาดูแล้ว  
   
พอนักโทษทั้งหมดข้ามไปถึงอีกฝั่ง  ได้เกิดฟ้าผ่าลงมาดังเปรี้ยง!  พวกตำรวจต้องหมอบหลบกับพื้น  พอเงยหน้าอีกที  พวกนักโทษได้หายไปแล้ว  ในป่ามันทึบมาก แค่คลาดสายตาแปบเดียวก็แทบไม่เห็นหลัง จึงต้องใช้หมาช่วยตามกลิ่น  นายตำรวจที่ควบคุมภารกิจ  ส่งสัญญาณให้ทุกคนหยุดก่อน อย่าข้ามแม่น้ำไป เพราะได้ยินเสียงดังแปลกๆ มาจากต้นน้ำ  อากาศตอนนี้วิปริตมาก  ท้องฟ้าเหนือหัวมีเมฆวน และส่งสายฟ้าลงมาเป็นที่น่าหวั่นเกรง  เพียงไม่กี่
   
อึดใจสิ่งที่นายตำรวจเกรงไว้ก็เป็นจริง  น้ำป่าไหลหลากเหมือนเขื่อนแตก  ทำให้พวกตำรวจไม่สามารถติดตามนักโทษไปได้
 
 ในป่าตอนนี้อับทึบมาก ยิ่งมีเมฆฝนปกคลุม ทำให้มืดราวกับกลางคืน นายซ้งพาทุกคนมาหยุดในที่โล่งตอนหนึ่ง ,มันเป็นเนินเขาสูง  ทุกสายตาพบว่า  มีงูยักษ์แผ่แม่เบี้ยอยู่ตรงหน้า  ฟ้าแลบทำให้สว่างจ้า จึงเห็นว่าเป็นนาคเจ็ดเศียรอยู่เชิงบันได  ด้านข้างมีสิงห์หิน เด็กหนุ่มชื่อชาติชาย หวาดกลัวตลอดเวลา คิดจะล่าถอยไปมอบตัว นายซ้งตามมาหิ้วคอมากอดปลอบใจ บอกไม่ต้องกลัว  บนเนินเขาจะต้องเป็นเทวาลัยร้าง  พวกเราจะขึ้นไปหลบฝนกันก่อน  
  
พอเดินผ่านบันไดขึ้นมา เหมือนหลงเข้ามาอยู่ในโลกร้าง  มันมีแต่ซากอิฐแลง หินทรายแกะสลักรูปนางอัปสรถล่มลงมากองกับพื้น  จมอยู่ภายใต้วัชพืชปกคลุม  คนขวัญอ่อนรู้สึกเหมือนมีคนจ้องอยู่ตลอดเวลา  อาจจะด้วยรูปสลักของนางอัปสรมีอยู่มากมาย ในเทวาลัยแห่งนี้  
  
วัลลภใช้ท่อนปาดเช็ดน้ำฝนย้อยเข้าเบ้าตา  สิ่งก่อสร้างที่โดดเด่น มองดูทีแรกเหมือนเนินเขาหย่อมๆ มีต้นไม้ใหญ่ปกคลุมคือมณฑป และปราสาทประธาน ที่มีส่วนยอดสูงชันเหมือนยอดพระปราง  สิ่งก่อสร้างโบราณส่วนใหญ่ ที่ยังยืนหยัดเป็นรูปทรงอยู่ได้ด้วยอาศัยรากไม้ และเถาวัลย์ขนาดใหญ่พันรัด ทำให้ยืนหยัดมาได้นับพันปี  
  
บึ้ม! เสียงดังของระเบิดสังหาร จากคนที่เดินอยู่ท้ายแถว  ชายคนนั้นขาขาดทันที ลำไส้ทะลักออกจากหน้าท้องทั้งพวง  ส่งเสียงร้องโหยหวน พรรคพวกต่างสยองขวัญไปตามกัน  ไม่มีใครจะช่วยเหลืออะไรได้เลย  หนึ่งในคนข้างหน้าเดินย้อนกลับมา  ชายหน้าเหี้ยม ดวงตาแข็งกร้าวเหมือนมือปืนอาชีพ ที่ยิงคนมานับร้อยศพ  มาถึงก็ใช้ปืนยิงเข้าที่ขมับคนเคราะห์ร้าย ปลิดชีพอย่างรวดเร็ว  เป็นการุณยฆาต ไม่ให้ต้องทรมานให้นานนัก 
  
“มันไม่รอดแล้ว ปล่อยไว้จะทรมานเปล่า”  ชายหน้าเหี้ยมกล่าวกับทุกคน 
“ไม่มีใครว่าเอ็งหรอก  เอ็งใจเหี้ยมดี ว่าแต่เอ็งชื่ออะไรวะ โดนคดีอะไรมา”
  
นักโทษทั้งหมดล้วนคดีอุกฉกรรจ์ ถูกศาลจังหวัดส่งตัวไปเรือนจำกลาง มีรถควบคุมนักโทษมารับในคราวเดียว จึงยังรู้จักไม่ทั่วถึง  นายซ้ง นักโทษคดีปล้นและฆ่าเจ้าทรัพย์  ปากร้องถามก็จริง สายตามองไปที่ปืนกระบอกนั้น จำได้ว่ามันเป็นปืนของผู้คุม  ชายคนนั้นไม่ตอบ กำปืนแน่นพร้อมจะสังหารทุกคน หากคิดร้ายต่อตน นายซ้งทำทีหัวเราะ พอจะเดาออก มีนักโทษที่เป็นมือปืนอาชีพขึ้นรถมาด้วย  ฉายาในวงการมือปืนรับจ้าง  เก๋า เอชเค เพราะชอบใช้ปืนเอชเคยิงถล่มเหยื่อ ในชั่วโมงก่อนหน้านี้  ลูกน้องของตน ได้ลงมือปล้นรถคุมขังนักโทษ
  
เปรี้ยง!  เสียงปืนดังขึ้นนัดแรก จากคนบนรถกระบะ ที่ขับติดตามมา จนปะเหมาะสบโอกาสลงมือบนหนทางเปลี่ยว  เสียงปืนยิงเร็วดังราวกับประทัดวันตรุษ  มีเสียงปืนตอบโต้มาจากเจ้าหน้าที่ เพียงไม่นานก็ถูกอีกฝ่ายควบคุมไว้ได้   นักโทษแย่งปืนผู้คุม  โซ่ตรวนถูกนำออก  ทิ้งศพผู้คุม และนักโทษ ที่ถูกกระสุนบาดเจ็บล้มตายไว้เบื้องหลัง 
  
กำลังเห็นอิสระอยู่รำไรแล้ว   เส้นทางที่ใช้หลบหนี ถูกเจ้าหน้าที่ตั้งด่านสกัด จนต้องทิ้งรถไว้ในป่าข้างทาง  เป้าหมายคือเดินเท้าข้ามป่าเขา หนีเข้าชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน
  
เด็กหนุ่มชื่อชาติชายกอดเอวซ้งไว้แน่น ร้องไห้ด้วยความหวาดกลัว เหมือนญาติผู้น้อง หรือไม่ก็คู่รักก็ไม่ปาน ในเวลาคับขันเช่นนี้ ไม่มีใครมีกะใจคิดเรื่องอกุศล คนคู่นี้มีความสัมพันธ์กันยังไงนั้น ไม่มีเวลาจะคิด ในเมื่อพายุใหญ่กำลังแผลงฤทธิ์ ในป่ามีเสียงดังอื้ออึง ต้นไม้ใหญ่น้อยหักโค่น ไม่มีที่ไหนจะปลอดภัยอีกแล้ว นอกจากเข้าไปหลบในปราสาท   
  
สายฝนที่ตกลงมา ทำให้ร่างของนักโทษทุกคน ชุ่มโชกไปด้วยสีแดงคล้ายเลือด  จากที่มีคนตาย คราวนี้มาเจอฝนเลือด ชายที่ถูกเรียกขาน เก๋า เอชเค ส่งเสียงตะโกนแข่งกับลมฝน อย่าได้ตกใจไป ให้เข้าไปหลบฝนในปราสาท เลือดของคนตายกระเด็นขึ้นติดกิ่งไม้ข้างบน พอฝนตกลงมา ทำให้ชะเอาเลือดลงมาด้วย  
  
ฟ้าร้องครืนเหมือนเสียงกลองมโหระทึก ในพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีเวลาได้หยุดพักหายใจ  นายซ้งหิ้วแขนเด็กหนุ่มวิ่งฝ่าสายฝนนำไปก่อน  วัลลภต้องคอยหิ้วแขนธนัช  เด็กหนุ่มอีกคน ที่มีความกลัวตลอดเวลา ไม่ให้ล้าหลังเพื่อน จนไปถึงซุ้มประตู ต้องตกตะลึงกับทวารบาลสององค์  บัดนี้กำลังนองไปด้วยเลือด  
   
วัลลภดินล้ำหน้าทุกคนเข้าไปดูให้แน่ชัด  ด้วยเป็นคนมีการศึกษา  มีความรู้ในเรื่องปราสาทในยุคโบราณอยู่บ้าง  ลักษณะของทวารบาลสององค์นี้ จำแนกปราสาทแห่งนี้จะต้องเป็น  “ราชวิหาร” ของกษัตริย์พระองค์หนึ่งในยุคโบราณ  ไม่ใช่เทวาลัยของนักบวช ผู้ที่จะเข้ามากระทำพิธีกรรม จะต้องเป็นกษัตริย์เท่านั้น  จึงต้องมีทวารบาลคอยเฝ้าอยู่สององค์  โดยแกะสลักอยู่สองข้างของประตู ติดกับผนังปราสาท 
  
ทางด้านขวาจะมีลักษณะเมตตา เรียกชื่อว่า “นันทิเกศวร” ใบหน้าทวารบาลแสดงอาการยิ้มเล็กน้อย  ทางด้านซ้ายของทวาร คือ “อสูรทวารบาล”  มีลักษณะใบหน้าที่ดุร้าย นัยน์ตาโปน จมูกแบน ริมฝีปากหนา แสดงอาการแสยะยิ้ม  จำหลักอยู่ในท่ายืนกุมกระบองไว้ด้านหน้า วางอยู่ที่กึ่งกลาง
  
ซ้งกับเก๋าเข้าไปสอบถาม  วัลลภพูดโดยไม่มองหน้า บอกแต่เพียง ป่าแถบนี้อาจจะมียางไม้สีแดง พอฝนตกลงมาทำให้น้ำมีสีแดง ไม่มีอะไรผิดปกติ  พอถามไถ่พอให้รู้จักกันก็รู้มาว่า ชื่อ วัลลภ เคยเป็นพนักงานธนาคาร มีความผิดในคดีฆาตกรรมภรรยากับพ่อตาแม่ยาย  พฤติกรรมโหดเหี้ยม จึงถูกศาลตัดสินโทษประหารชีวิต คดีอยู่ในระหว่างอุทธรณ์
  
ทั้งหมดข้างในปราสาท  มีคนหนึ่งร้องเอะอะ  เมื่อพบว่ามีกวางแม่ลูกเข้ามาหลบในนี้ มันพึ่งจะคลอดลูก  มันเหมือนของขวัญให้กับคนที่ท้องกำลังหิวโหย   วัลลภร้องห้ามอย่าไปทำมัน แต่ไม่มีใครฟัง  คนพวกนั้นช่วยกันล้อมจับตัวไว้ได้  จับกดพื้น ใช้มีดพับเชือดคอกวางเคราะห์ร้าย   เมื่ออยู่กลางฝน จะหาฟืนก็ยาก จึงใช้มีดเฉือนเนื้อมากินกับดิบๆ  บางคนใช้สองมือกอบเอาเลือดจากในท้องกวาง มาซดจนปากแดง   
  
วัลลภไม่อาจทนดูได้  เดินออกกรำฝนข้างนอก ได้แต่สาปแช่งในใจ  ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสถานที่แห่งนี้ฆ่าพวกมันให้หมด   ต้องแปลกใจ ที่เห็นนายเก๋าเดินตามออกมาด้วย  มุมปากแสยะยิ้มเหมือนพวกฆาตกรโรคจิต  ในมือถือปืนคอยจับตามองตนคล้ายจับผิด  
  
ตลอดทางที่หนีมา วัลลภแอบหักกิ่งไม้ ทำตำหนิบนก้อนหิน ให้ตำรวจติดตามมาได้  เขาไม่ได้คิดหนี ในเมื่อคดีอยู่ในระหว่างอุทธรณ์  มั่นใจในความบริสุทธิ์ของตนเอง จะต้องชนะคดี   ตอนคนร้ายปล้นรถชิงตัวนักโทษ  เลยถูกลากมาด้วย  เพื่อใช้ร่างกำบังกระสุนจากเจ้าหน้าที่   คนที่จำหน้าได้ก็มี นายซ้ง คดีปล้นฆ่าเจ้าทรัพย์  นาย ธนัช คดียาเสพติด  นายชาติชาย คดีทางเพศ  ทั้งหมดถูกตัดสินประหารชีวิต จะต้องถูกส่งตัวไปเรือนจำกลาง  อีกห้าคนคือพวกมือปืน ที่บุกมาปล้นรถนักโทษ ซึ่งคงเป็นลูกน้องของนายซ้งอย่างไม่ต้องสงสัย  แต่จำหน้านายเก๋าคนนี้ไม่ได้ ไม่รู้โดนคดีอะไรมา  
  
พอกินกันอิ่มแล้ว นายซ้งได้เรียกประชุมโจร โดยขับไล่คนที่ไม่เกี่ยวข้องออกไป  ลูกน้องแต่ละคนต้องการส่วนแบ่งจากเงินที่ช่วยกันปล้นธนาคาร  ในเมื่อนายซ้งนำเงินไปซ่อนไว้   อีกครู่จึงเกิดมีปากเสียงกันขึ้น  
  
“ไอ้เบิ้ม หรือเอ็งจะทรยศข้า”
“อย่าทำใสซื่อเลยพี่  พวกเราต้องการเงินกันเท่านั้น พี่ซ้งก็ยอมบอกที่ซ่อนเงินมาเถอะ แล้วพวกเราจะไม่ทำอะไร”
  
นายซ้งพึ่งรู้ตัวเองว่าถูกลูกน้องหักหลัง ไม่ทันจับปืนก็ถูกปืนจ่อสีข้าง ไม่มีใครคาดคิดในเวลานั้น เก๋า เอชเค จะย่องเงียบเข้ามาจากด้านหลัง  คว้าคอนายเบิ้ม ใช้ปืนจ่อขมับ แล้วร้องสั่งทุกคนให้วางปืน  ซ้งไม่คิดวางปืนอยู่แล้ว ยิงใส่ร่างของลูกน้องผู้คิดคด  ประกายไฟวูบวาบ เสียงดังกึกก้องในปราสาทร้าง  เพียงชั่วอึดใจเดียว  คำสาปแช่งของวัลลภก็เป็นผล เลือดคนกระเซ็นมาโดนทวารบาล  จนริมฝีปากอิ่มไปด้วยเลือด น้ำฝนนองพื้นถูกย้อมไปด้วยสีของเลือด 
  
ท่ามกลางควันปืนอบอวล และกลิ่นคาวเลือด เหลือเพียงชายสองคนยืนจ้องปืนใส่กัน  ซ้งหัวเราะในลำคอ ยอมลดปืนลงก่อน  เมื่อเห็นฝีมือ และหัวจิตหัวใจของมือปืนแปลกหน้า  หมดข้อสงสัยทันที  ถึงกับออกปากชักชวนให้ไปอยู่กับนายของตน ซึ่งเป็นผู้ยิ่งใหญ่ของภาคอีสาน  เก๋า เอชเค ไม่ตอบว่ากะไร เพียงยิ้มกระตุกไหล่ รู้ว่าโอกาสของตนยังมาไม่ถึง      
  
กรี๊ด!... หญิงสาวคนหนึ่งส่งเสียงกรีดร้องขึ้นมา เมื่อพบกับศพคนมากมาย  พอเห็นหน้าคนร้าย  เธอหันหลังวิ่งหนีออกไปอย่างไม่คิดชีวิต  ไม่มีใครรู้ว่าเธออยู่ในนี้ก่อนแล้ว  อาจจะมาหาของป่า เจอฝนตกหนักเลยหลบเข้ามาในนี้  นายซ้งร้องสั่งพวกข้างนอกให้จับตัวไว้  นายชาติ คดีฆ่าข่มขืนเห็นหญิงสาวหน้าตาดี  วิ่งตามไปจะกอดรวบไว้  แต่ถูกวัลลภตามไปเตะตัดขาล้มเสียก่อน
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่