ไม่รู้ทำไมถึงเป็นเเบบนี้ เเต่มีจุดหนึ่งที่เรากลับมานึกคิดได้ว่าเราเปลี่ยนไปนะ
อาการของเราน่าจะเปลี่ยนตั้งเเต่ผิดหวังเจ็บปวดเสียใจกับทุกความสัมพันธ์ เรียกได้ว่าเป็นช่วงที่ดิ่งที่สุดก่อนที่เราจะเริ่มไม่สนใจปล่อยวางเเล้วเดินหน้าต่อ เเต่ในทางกลับกันเราไม่สามารถวางใจหรือฝากใจให้คนอื่นเต็ม100 ได้เหมือนก่อน เริ่มมองเพื่อนสนิทเป็นเเค่เพื่อนสนิทในเวลาหนึ่ง เริ่มเมยเฉยคือทุกสิ่ง ไม่ได้สนใจอะไรนอกจากหน้าที่ที่ตนต้องทำ ในหัวมีเเค่ให้ใช้ชีวิตต่อำป เดี๋ยวก็ใกล้จากโลกนี้เอง สักวันหนึ่ง
เวลาเราเล่นสนุกกับเเก๊งเพื่อน หัวเราะ ดีใจ ยินดี สนุกสนาน ทางร่างกายเราเเสดงออกมาเหมือนปกติเลย เราไม่ได้รู้สึกฝืนหรือเสเเสร้งเเกล้งทำ เเต่ข้างในเรากลับไม่รู้สึกมัน มันว่างเปล่ามากค่ะ ไม่เจ็บหรือเสียใจ ไม่ได้รู้สึกเเย่อะไร เหมือนเเก้วเปล่าไม่มีน้ำ
อย่างเพื่อนทักมาปลอบเเล้วไปจี้จุดปมเรา ถ้าเป็นตัวเราอดีตคงร้องไห้ตื้นตันดีใจที่มีคนห่วง เเต่ความจริง เราไม่รู้สึกอะไรเลย เเละไม่รู้ด้วยว่าตัวเองยิ้มถ้าคุณเเม่ไม่ทัก
งงกับอาการตัวเองจริงๆว่าเป็นอะไร
ร่างกายกัยความรู้สึกไปเเสดงออกคนละทาง? เราเป็นอะไร?
อาการของเราน่าจะเปลี่ยนตั้งเเต่ผิดหวังเจ็บปวดเสียใจกับทุกความสัมพันธ์ เรียกได้ว่าเป็นช่วงที่ดิ่งที่สุดก่อนที่เราจะเริ่มไม่สนใจปล่อยวางเเล้วเดินหน้าต่อ เเต่ในทางกลับกันเราไม่สามารถวางใจหรือฝากใจให้คนอื่นเต็ม100 ได้เหมือนก่อน เริ่มมองเพื่อนสนิทเป็นเเค่เพื่อนสนิทในเวลาหนึ่ง เริ่มเมยเฉยคือทุกสิ่ง ไม่ได้สนใจอะไรนอกจากหน้าที่ที่ตนต้องทำ ในหัวมีเเค่ให้ใช้ชีวิตต่อำป เดี๋ยวก็ใกล้จากโลกนี้เอง สักวันหนึ่ง
เวลาเราเล่นสนุกกับเเก๊งเพื่อน หัวเราะ ดีใจ ยินดี สนุกสนาน ทางร่างกายเราเเสดงออกมาเหมือนปกติเลย เราไม่ได้รู้สึกฝืนหรือเสเเสร้งเเกล้งทำ เเต่ข้างในเรากลับไม่รู้สึกมัน มันว่างเปล่ามากค่ะ ไม่เจ็บหรือเสียใจ ไม่ได้รู้สึกเเย่อะไร เหมือนเเก้วเปล่าไม่มีน้ำ
อย่างเพื่อนทักมาปลอบเเล้วไปจี้จุดปมเรา ถ้าเป็นตัวเราอดีตคงร้องไห้ตื้นตันดีใจที่มีคนห่วง เเต่ความจริง เราไม่รู้สึกอะไรเลย เเละไม่รู้ด้วยว่าตัวเองยิ้มถ้าคุณเเม่ไม่ทัก