เรากับแฟนคบกันมา 6 ปี ตลอดระยะเวลาที่คบก็มีทะเลาะกันบ้าง ไม่เข้าใจกันบ้าง
แต่เราก็พยายามปรับความเข้าใจ ให้อภัย และเราเป็นคนง้อตลอดทุกครั้ง
แต่ครั้งนี้เราเสียความรู้สึกมาก เรื่องมีอยู่ว่า
เรากับแฟน ทำงานที่เดียวกัน โดยเดินทางมาทำงานด้วยรถยนต์ (รถยนต์เป็นของแฟน) แล้ววันนั้นช่วงบ่ายโมง
แม่เราโทรมาบอกว่า ตกจากเก้าอี้ ขณะปีนหยิบของแล้วหงายหลังตกลงมา ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล ให้เรามาหาหน่อย
เราตกใจ รีบวิ่งไปลางานหัวหน้า และได้ขอยืมรถแฟนไปโรงพยาบาล ขณะขับรถไปโรงพยาบาล
แฟนเราได้ไลน์มา
แฟน : จะกลับกี่โมง แล้วเค้าจะกลับคอนโดยังไง ?
เรา : ถ้าเรากลับไม่ทัน เรียกเกรป หรือแท็กซี่กลับก่อนเลย เดี่ยวเราออกตังให้
แฟน : ไม่อยากนั่งแท็กซี่ มีรถของตัวเอง ทำไมต้องนั่งแท็กซี่กลับ
เรา : สตั้นไป 10 วิ.... แต่เราก็ตอบไปว่า โอเคๆ จะพยายามรีบกลับ
ซึ่งเวลาเลิกงาน คือ 5 โมงเย็น เราออกมาจากที่ทำงานประสานบ่ายโมงครึ่ง ระยะทางไปโรงพยาบาล
ประมาณ 25 กิโล เราไปถึงที่โรงพยาบาล สภาพแม่เรา คือนั่งรถเข็น หัวเข่าบวมมาก ต้องเข้าเฝือกอ่อน
คือแบบ เดินไม่ไหว เราก็จัดแจงไปจ่ายตัง ไปรับยา แล้วพากลับบ้าน เราก็ไปซื้อข้าว ซื้อน้ำ มาไว้ให้ ช่วยอาบน้ำ
(เรากลับแม่อยู่คนละที่กัน และแม่อยู่บ้านคนเดียว) ละคือเวลาเกือบจะ 5โมงแล้ว
หลังจากอาบน้ำเสร็จเราก็ให้แม่ กินข้าว กินยาแล้วนอนพัก และบอกไม่ให้เดินเยอะ เดี่ยวขาจะบวม
แล้วเราก็ออกมาเลย ซึ่งเรากลับมารับแฟนทัน เพราะแฟนเลิกเลทไปครึ่งชม.
แต่คำที่เค้าพูดกับเรามันคาใจ เราเลยถามเค้าไปว่า
เรา : ทำไมถึงพูดแบบนั้น ว่ามีรถตัวเองทำไมต้องนั่งแท็กซี่กลับ ?
แฟน : ก็จริงอะ ซื้อรถมาก็อยากนั่งรถตัวเอง
เรา : ก๋เข้าใจ แต่นี่มันเรื่องฉุกเฉิน แม่ทั้งคนนะ
แฟน : แล้วถ้าเธอไม่ไปรับ คือแม่กลับไม่ได้หรอ
เรา : ขาแม่บวมมาก เดินไม่ไหว
แฟน : ก็มีคนเข็นรถเข็น มาเรียนแท็กซี่ข้างหน้าได้
พอได้ยินประโยคนี้ คือจุก จุกแบบหมดคำจะพูด หน้าชา ซึ่งเราก็เข้าใจว่าเป็นรถของเค้า
แต่คือเราไม่ได้ยืมไปเที่ยว ไปทำเรื่องไร้สาระ ซึ่งพักหลังๆเราเลยพยายามไม่ใช้รถเค้าไปไหนมาไหน
เราก็อยากมีรถเป็นของตัวเอง เรากำลังเก็บตังอยู่ พอเช้าวันถัดมา เราก็นั่งรถเมย์ไปหาแม่
เราเสียความรู้สึกไปแล้ว เราควรจะจัดการกับความรู้สึกนี้ยังไง ??
แฟนแบบนี้ ควรเลิกดีไหม ?
แต่เราก็พยายามปรับความเข้าใจ ให้อภัย และเราเป็นคนง้อตลอดทุกครั้ง
แต่ครั้งนี้เราเสียความรู้สึกมาก เรื่องมีอยู่ว่า
เรากับแฟน ทำงานที่เดียวกัน โดยเดินทางมาทำงานด้วยรถยนต์ (รถยนต์เป็นของแฟน) แล้ววันนั้นช่วงบ่ายโมง
แม่เราโทรมาบอกว่า ตกจากเก้าอี้ ขณะปีนหยิบของแล้วหงายหลังตกลงมา ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล ให้เรามาหาหน่อย
เราตกใจ รีบวิ่งไปลางานหัวหน้า และได้ขอยืมรถแฟนไปโรงพยาบาล ขณะขับรถไปโรงพยาบาล
แฟนเราได้ไลน์มา
แฟน : จะกลับกี่โมง แล้วเค้าจะกลับคอนโดยังไง ?
เรา : ถ้าเรากลับไม่ทัน เรียกเกรป หรือแท็กซี่กลับก่อนเลย เดี่ยวเราออกตังให้
แฟน : ไม่อยากนั่งแท็กซี่ มีรถของตัวเอง ทำไมต้องนั่งแท็กซี่กลับ
เรา : สตั้นไป 10 วิ.... แต่เราก็ตอบไปว่า โอเคๆ จะพยายามรีบกลับ
ซึ่งเวลาเลิกงาน คือ 5 โมงเย็น เราออกมาจากที่ทำงานประสานบ่ายโมงครึ่ง ระยะทางไปโรงพยาบาล
ประมาณ 25 กิโล เราไปถึงที่โรงพยาบาล สภาพแม่เรา คือนั่งรถเข็น หัวเข่าบวมมาก ต้องเข้าเฝือกอ่อน
คือแบบ เดินไม่ไหว เราก็จัดแจงไปจ่ายตัง ไปรับยา แล้วพากลับบ้าน เราก็ไปซื้อข้าว ซื้อน้ำ มาไว้ให้ ช่วยอาบน้ำ
(เรากลับแม่อยู่คนละที่กัน และแม่อยู่บ้านคนเดียว) ละคือเวลาเกือบจะ 5โมงแล้ว
หลังจากอาบน้ำเสร็จเราก็ให้แม่ กินข้าว กินยาแล้วนอนพัก และบอกไม่ให้เดินเยอะ เดี่ยวขาจะบวม
แล้วเราก็ออกมาเลย ซึ่งเรากลับมารับแฟนทัน เพราะแฟนเลิกเลทไปครึ่งชม.
แต่คำที่เค้าพูดกับเรามันคาใจ เราเลยถามเค้าไปว่า
เรา : ทำไมถึงพูดแบบนั้น ว่ามีรถตัวเองทำไมต้องนั่งแท็กซี่กลับ ?
แฟน : ก็จริงอะ ซื้อรถมาก็อยากนั่งรถตัวเอง
เรา : ก๋เข้าใจ แต่นี่มันเรื่องฉุกเฉิน แม่ทั้งคนนะ
แฟน : แล้วถ้าเธอไม่ไปรับ คือแม่กลับไม่ได้หรอ
เรา : ขาแม่บวมมาก เดินไม่ไหว
แฟน : ก็มีคนเข็นรถเข็น มาเรียนแท็กซี่ข้างหน้าได้
พอได้ยินประโยคนี้ คือจุก จุกแบบหมดคำจะพูด หน้าชา ซึ่งเราก็เข้าใจว่าเป็นรถของเค้า
แต่คือเราไม่ได้ยืมไปเที่ยว ไปทำเรื่องไร้สาระ ซึ่งพักหลังๆเราเลยพยายามไม่ใช้รถเค้าไปไหนมาไหน
เราก็อยากมีรถเป็นของตัวเอง เรากำลังเก็บตังอยู่ พอเช้าวันถัดมา เราก็นั่งรถเมย์ไปหาแม่
เราเสียความรู้สึกไปแล้ว เราควรจะจัดการกับความรู้สึกนี้ยังไง ??