ขอเล่าพื้นเพและนิสัยส่วนตัวเราก่อนนะคะเพื่อรบกวนวิเคราะห์เรื่องที่อยากปรึกษาค่ะ เราทำงานบริษัทนี้มา 6 ปีแล้ว อยู่ในตำแหน่งที่ค่อนข้างเกือบสูงสุดของบริษัท มีเงินเยอะเนื่องจากมีงานเสริมคือทำธุรกิจไปด้วย ทำให้เป็นคนไม่ค่อยสนใจยอดเงินในกระเป๋าไม่เคยคำนวนเงินว่ามีเงินสดเท่าไหร่ใช้ไปเท่าไหร่ ด้วยนิสัยแบบนี้จะมีบ้างที่เรารู้ หรือไม่รู้เลยว่าเงินจะหายไปเท่าไหร่ ยังไง แต่มี 2-3 ครั้งที่เรารู้ว่าเงินหายจริง เนื่องจากช่วงนั้นไม่ได้กดเงินสด มีคนพึ่งเอาเงินมาให้วันนี้ จะจำยอดเงินได้เป๊ะ แต่วันต่อมาหายไป 1 พัน ก็รู้แล้ว เพราะก่อนที่จะหายทุกครั้งต้องมีเหตุการณ์ผิดปกติให้เอะใจก่อนว่าทำไมคนๆนี้มาอยู่จุดนี้ เวลานี้ แต่ไม่ได้พูดอะไร บางครั้งก็มีเงินที่สะสมเช่น แบงค์พันเลข 9 หน้า ตอง 9 หลัง หายไปเฉยๆ แต่ก็ไม่อะไรมาก มั่นใจว่าหายแต่มารู้ทีหลังซึ่งไม่รู้ว่าหายไปตอนไหน เรื่องของเรื่องคือด้วยนิสัยที่แย่ๆของเราคือไม่ชอบพกกระเป๋าตังค์เหมือนผู้หญิงทั่วไป ไม่ชอบรูดซิปกระเป๋า ชอบวางกระเป๋าไว้ชั้นหลังโต๊ะทำงานไม่รูดซิปมองไปก็จะเห็นเงินเลย บางทีถ้าช่วงนั้นได้เงินสดมาเป็นหมื่น หรือหลายหมื่นถ้ายังไม่มีเวลาเอาไปเข้าแบงค์ก็ใช้ไปเรื่อย เลยทำให้ต่อให้หายไปพันหรือสองพันก็ไม่รู้เลย มานับแค่ยอดจะฝากเข้าแค่นั้นไม่เคยทวนยอดใช้เงิน
เรื่องของเรื่องคือเราเคยประกาศชัดว่าเงินหาย 2 ครั้งแต่ทุกครั้งเพื่อนร่วมงานกลับมองว่า เราหลงไปเอง ลืมไว้ไหนมั้ย ซึ่งครั้งที่ 2 หนักสุดตอนนั้นเข้าทำงานได้ปีที่ 2 เงินหาย 1 พัน เคสนี้ที่จำได้คือพึ่งเบิกเงินสดย่อยจากบริษัทมาแค่ 4 พันบาท มีเงินสดแค่นั้นแล้วยังไ่ม่ได้ใช้สักบาท เช้าวันต่อมา ช่วง 10 โมงเช้าไปดูเงินอีกที เหลือ 3 พันบาท ตอนน้ันมั่นใจมากว่าเงินหายเพราะยังไม่ได้ใช้อะไร และช่วงเช้ามีเหตุการณ์ที่เราแปลกใจคือ
ขอกล่าวถึงพื้นเพแม่บ้านคนนี้ที่เราสงสัยนะคะ ปกติคือคนที่ชอบพูดจาโผงผางตรงไปตรงมา สามารถดุพนักงานได้เลยเมื่อทำสกปรก ทำงานกับบริษัทนี้มานานเข้างานมาก่อนเราไม่นาน และเป็นที่ไว้ใจของพนักงานทุกคน ทำหน้าที่เป็นแมสเซนเจอร์ด้วยคือฝากเงิน เบิกเงินให้บริษัท ยอดหลายหมื่นหลายแสนได้ ไม่เคยหายไม่เคยตกหล่น และพนักงานทุกคนจะฝากซื้ออาหารเช้าทุกวัน ดูแลทุกคนเรื่องอาหารทุกเช้า พูดง่ายๆคือเป็นคนปากร้ายใจดีเป็นที่พึ่งพาของพนักงานเพราะใช้ทำงานวิ่งเอกสารให้ได้ แต่ข้อเสียคือมีภาระหนี้สินเยอะ จนติดหนี้พนักงานงานไปทั่ว เราเองก็เป็นหนึ่งในเจ้าหนี้ยอดหลายหมื่นของเค้า เพราะสามีติดการพนัน หรือจะนุ่นนี่นั่นเพื่อขอยืม
วันที่เงินหายรอบ 2 (รอบที่มั่นใจว่าเงินหายชัวร์ๆ) ปกติตอนเช้าจะต้องกินข้าวเช้าพร้อมกันทุกวันก่อนเข้างานรวมถึงแม่บ้านคนนี้ แต่วันนี้ไม่กินด้วยเรากินข้าวเสร็จกลับมาที่โต๊ะ (ที่นั่งกินอยู่นอกออฟฟิศจะไม่มีใครเห็นคนในออฟฟิศ) ก็แปลกใจว่าทำไมพี่เค้าไม่ไปกินข้าวด้วยมาทำอะไรตรงนี้ตอนนี้ ก็ได้แต่แปลกใจก็ถามกันปกติ พอสายวันนั้นหยิบเงินมาใช้ปรากฏว่าเหลือ 3 พันบาท ทำให้รู้ชัดแจ้งเลยว่าเงินหายแน่นอน เลยโวยวายว่าเงินหาย 1 พัน เนี่ยพึ่งเบิกมาเมื่อวาน 4 พันยังไม่ได้ใช้อะไรเลย ครั้งนี้ขอดูกล้องวงจรปิดเนื่องจากโต๊ะเรามีกล้องส่องถึงเลยทำให้ไวใจเวลาวางกระเป๋า แต่ปรากฏว่าวันน้ันสายกล้องวงจรปิดกลับถูกถอดออกไม่ได้เสียบปลั๊กเป็นเหตุให้ดูไม่ได้ แต่เพื่อนร่วมงานคนอื่นๆกลับหาว่าเราหลงไว้ไหนมั้ยไม่มีใครขโมยหรอกเงินแค่นี้ นุ่นนี่นั่น หาดีๆ แต่เรามั่นใจว่าหายเพราะใครแต่ไม่พูด ที่มั่นใจเพราะวันนั้นมีเหตุที่แม่บ้านคนนี้ต้องใช้หนี้เจ้าหนี้ 1 คนยอด 1 พันบาทโดนทวงหนักและวันนั้นมีเงินคืน (ได้รายวันเงินออกทุกๆ 15 วัน) ที่คนหาว่าเราหลงมั้ย ลืมไว้ไหนมั้ย เพราะอย่างที่บอกเงินเยอะไม่เคยนับไม่เคยคำนวน และมี 1 เหตุการณ์ที่เค้าจำ และพูดกันมาจนทุกวันนี้คือ มีเคสนึงที่เราพึ่งได้เงินสดมา แสนกว่าบาท จะฝากเข้าก็เลยคำนวนเงิน ปรากฏว่าเลยพูดขึ้นมาดังๆว่าเฮ้ยเงินหาย 1 หมื่น เฮ้ยพนักงานใหม่ที่ชื่อ ก ขโมยหรือป่าวนะ (เราทำงานมีออฟฟิศ 2 ที่ สลับเข้าออฟฟิศนี้ด้วย ส่วน อีกที่ห้องนั้นก็นั่งทำงานกันแค่สองคน บังเอิญพึ่งรับพนักงานใหม่เข้าทำงานได้ไม่ถึงอาทิตย์ยังไม่รู้นิสัยแต่ดันวางเงินไว้แบบไว้ใจ) เลยทำให้พูดปากเร็วไป ซึ่งทุกคนก็ตกใจและบอกให้คิดดีๆ ก็เลยนั่งคำนวนอีกรอบปรากฏว่ายอด 1 หมื่นให้คนอื่นไปเอง ซึ่งเราก็พูดตอนนั้นเลยว่าอ๋อรู้แล้วไม่ใช่ๆน้องเค้าแระ โอ้ยไปโทษคนอื่นตัวเองหลงเอง แต่เหตุการณ์มันต่างกันคือเราพูดเร็ว แต่ก็ได้คำตอบเร็วไม่ถึง 5 นาทีว่าเงินไม่ได้หายไปไหน แต่เหตุการณ์นี้ทุกคนกลับจำว่าเราลืมเอง และทำให้ทุกครั้งที่เราพูดว่าเงินหายคนจะมองว่าเราลืมเองชอบโทษคนอื่น จนครั้งที่ 2 ที่เราพูดว่าเงินหายและขอดูกล้องปรากฏว่ากล้องถูกถอดปลั๊กเราก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แค่สงสัยและมั่นใจเองเพราะเราจะเห็นตอนที่จ๊ะเอ๋แล้วคนคนนั้นทำท่าทางรนๆแปลกๆให้เราเอะใจ ตอนนั้นเราเข้างานไม่นานทำให้พอเราบอกว่าเงินหาย คนที่ทำงานคนนึงถึงกับอยากได้เลขที่บัตรประชาชนเราไปให้ตำรวจตรวจสอบประวัติเราเพื่อดูว่าเราเป็นมิจฉาชีพมั้ยเพราะเงินหายบ่อย หายอยู่คนเดียวนี่คือคำติดปาก (แต่ก่อนหน้าก็มีคนนึงหายเหมือนกัน แต่เค้าก็พูดว่าสงสัยเค้าหลงลืมไว้ไหน ) ตอนนั้นก็มีเรื่องกันอยู่เพราะเรามองว่าค่อนข้างรุนแรงแล้วก็จบไป หลายคนก็พูดนินทาว่าถ้าเงินหายจริงทำไมไม่แจ้งความ เราก็พยายามบอกว่าถ้าแจ้งความแล้วใช่เค้า เงินหาย 1 พัน แลกกับหลายหมื่นที่ให้เค้ายืมไปเลยนะ บังเอิญเราชอบทำบุญให้เงินคนด้วยเวลาใครเดือดร้อนยืมพันสองพัน หรือห้าพันก็เคยให้ฟรีๆมาแล้วเลยไม่ไม่เสียดายเงิน ผ่านไปปีนี้ปีที่ 4 จากเหตุการณ์นั้น
4/6/64 เกิดเหตุการณ์อีกครั้งที่เราถูกหาว่าบ้าหรือป่าว เงินหายอีกแล้ว หายอยู่คนเดียวไปโทษคนอื่น คนอื่นเค้าเสียใจนะ เสียความรู้สึกนะ แต่เรางงว่าแล้วเราที่เงินหายชัดเจนล่ะ 2 พันบาทที่นับไว้หายไป เพราะรอบนี้เราโทรไปหาแม่บ้านคนนี้เลยเพราะโมโหมาก แต่แกปฏิเสธเสียงแข็งบอกว่าเสียใจมากทำไมมากล่าวหากันแบบนี้ ทำไม ร้องไห้ฟูมฟายเราเปิดโฟนให้คนอื่นฟังด้วยตอนโทรไป ทุกคนเห็นใจแกเชื่อแก ตอนเช้าแกมาทำงานแต่เช้า มาเล่าให้ทุกคนฟังหมดว่าโดนเรากล่าวหา และร้องไห้ต่อหน้าทุกคน ทุกคนเลยโทษที่เราไปพูดแบบนั้นทั้งที่ไม่มีหลักฐาน
สงสัยมั้ยว่าที่ผ่านมาหลายปี ทำไมเงินไม่หายอีก เพราะว่าเราไม่ได้ไปทำงานที่ออฟฟิศนั้นอีกแล้ว พนักงานที่ออฟฟิศนั้นทุกคนถูกย้ายมารวมที่เดียวกัน แต่แม่บ้านคนนี้ก็มีหน้าที่เฝ้าออฟฟิศเดิมต่อไปไม่ได้ตามคนอื่นๆมา แล้วพึ่งได้ตามมารวมกับคนอื่นๆได้ประมาณ 6 เดือน เนื่องจากปิดออฟฟิศนั้นถาวรแล้ว
แกตามมาอยู่นี่ทุกอย่างก็ปกติเราก็ยังใจดีกับแกเหมือนเดิมเราลืมทุกอย่างหมดแล้ว (เป็นคนนิสัยโกรธง่าย หายง่ายกว่า) ทั้งๆที่หนี้เก่ายังไม่ได้คืนสักบาท แต่รอบนี้แกขอให้ซื้อสดมอเตอร์ไซด์มือหนึ่งให้ แล้วผ่อนเราโดยตรงเพราะแกติดแบ็คลิสกู้เองไม่ได้ เราก็ซื้อให้ทันทีแบบงงๆ ไม่พอแค่นั้นมีมอเตอร์ไซด์มือสองของเราอีกคันก็ให้แกผ่อนอีกเพราะลูกสาวแกอยากได้
เราไม่ได้อะไรจากตรงนี้แต่ไม่เข้าใจตัวเองทุกครั้งใครขออะไรจะให้โดยง่าย
วันที่ 4/6/64 เราโวยวายอีกครั้งเพราะเงินหายชัดเจน 2 พันบาท ที่รู้แน่ชัดเนื่องจากช่วงนี้นำเงินที่มีทั้งหมดในชีวิต ไปลงทุนเพื่อ ก่อนจะได้เงินก้อนใหญ่พร้อมกำไรกลับมาต้องเอาเงินปิดก่อน(ธุรกิจอสังหาฯ) ทำให้ช่วงนี้ต้องนับเงินทุกบาททุกสตางค์คำนวนเงินทุกเม็ดที่มี และที่สำคัญคือทุกวันนี้ไม่ค่อยพกเงินสดกัน ทุกอย่างโอนหมด สแกนหมด แต่มียังมีบางที่แต่ละคนจะเอาเงินสดมาให้เราฝากโอนให้คนนั้นทีคนนี้ทีก็จะมีเงินสดหลายหมื่นแต่ไม่เคยนับเช่นเคยซึ่งถ้าหายก็คงไม่รู้เรื่องเช่นกัน แต่รอบนี้ไม่มีเงินสดสักบาท วันที่ 1 ถูกลอตเตอรี่ 2 ใบ วันที่ 2 ฝากน้องไปขึ้นเงินได้เงินสดมา 3920 บาท ทำให้มีเงินแค่นั้นได้เงินช่วงบ่ายทำให้ไม่ได้ใช้เงินเลย วันที่ 3 มาทำงานช่วงบ่าย มีพัสดุมาส่งจ่ายเงิน 300 กว่าบาท หยิบแบงค์พันในกระเป๋าจ่าย ตอนนั้นอยู่ครบ เย็นเลิกงานซื้อข้าว100 กว่าบาท เราจำได้แม่นเป๊ะ เพราะช่วงนี้ใช้เงินประหยัด เพื่อนร่วมงานที่สนิทๆจะรู้นิสัยเราดี ถ้าไม่มีก็จะขี้งก เพราะเป็นแบบนี้บ่อยช่วงไหนใช้เงินปิดบ้านเพื่อรอโอน
แต่วันที่ 4 เหตุการณ์ที่ไม่ปกติคือ ช่วงเที่ยงขณะที่ทุกคนมากินข้าวเที่ยงกันที่ครัวชั้นล่าง (ออฟฟิศเราเอาบ้านทำออฟฟิศ เราทำงานชั้น 2 ) กำลังกินข้าวยังไม่เสร็จเลยมีเหตุว่ามีคนมารับเอกสาร เราเลยต้องหยุดกินแล้ววิ่งขึ้นไปชั้น 2 พอไปถึงห้องทำงานเราก็แปลกใจว่าเจอแม่บ้านคนนี้อยู่กลางห้องทำงานเราที่ปิดไฟมืด แล้วท่าท่างรนๆว่าพี่เอาเอกสารมาให้ (ซึ่งขณะนั้นพนักงานทุกคนกินข้าวกันข้างล่างหมดรวมถึงคนที่ต้องรับเอกสาร) เราก็แปลกใจแต่ไม่เอะใจเพราะรีบๆหยิบเอกสารของเรา แต่แกก็ยังพูดไม่หยุดรนๆว่า เอาเอกสารมาให้ เราเลยขอดูเลยเอกสารที่แกถือมาแล้วบอกว่าเอามาทำไมนี่มันเขียนชัดเจนว่าของแผนกจัดซื้อ เราก็เอาคืนให้ แล้วแกก็เลยพูดว่ามาหาพี่... ด้วย (พี่ทีอยู่อีกห้องนึงข้างๆกัน)เลยบอกว่าเค้าไม่อยู่ไปกินข้าวข้างนอกไฟก็ปิดอยู่เห็นๆมาๆ ลงมา แกเหมือนไม่อยากลงรั้งท้ายเราแล้วพูดอีกว่าพี่มาหา.... เลยพูดซ้ำเค้าไปกินข้าวข้างนอกปิดไฟอยู่ ป่ะๆ ชวนลงมา แต่เราก็แปลกในใจ แต่ด้วยรีบมีคนรอรับเอกสารเราอยู่
ซึ่งเราก็ไม่ได้ดูเงินในกระเป๋าอีกเลยจนเลิกงานเก็บกระเป๋าจะกลับบ้านแต่ผิดสังเกตที่กระเป๋าเล็กที่ใส่บัตรเครดิตไว้ถูกวางคว่ำลงแล้วบัตรล่วงของในกระเป๋าเล็กล่วงใส่ใบใหญ่ ปกติใบนี้รูดซิปปิดทุกครั้งเเพราะมีแต่บัตรเครติด เคยตกใจแล้วดูเงิน ใจตอนนั้นถ้ามีแบงค์พันเหลือสักใบเราก็จะไม่สนใจเพราะคิดว่าตัวเองคงใช้บ้างแล้วจะไม่ย้อนไทม์ไลน์การใช้เงินเลยยังมั่นใจว่าแบงค์พันพึ่งได้มายังอยู่ เพราะก่อนเลิกงานพึ่งโอนจ่ายบัตรเครดิต ยังบวกเงินคงเหลือรวมเงินสดด้วยแค่ไม่ได้เปิดดู(ปกติเราทำงานแล้วกลับบ้านเลยไม่เคยไปไหน เพราะบ้านกับที่ทำงานห่างกันแค่ 3 นาทีการใช้เงินจึงน้อยและจำได้แม่นเราอยู่บ้านกับแฟนสองคน เราตัดเรื่องแฟนหยิบเงินเพราะเค้าค่อนข้างมีเงินเยอะให้เรายืมใช้ช่วงนี้ อยู่ด้วยกันมาต่อให้เราวางเงินไว้ยังไงก็อยู่อย่างนั้นที่บ้านมีเงินวางอยู่ทุกมุมก็ยังมีอยู่) ตอนน้นเราโมโหมากลงมาข้างล่างคนอื่นๆกลับกันหมดเหลือพนักงานไม่กี่คนยังอยู่ เราเลยโทรหาแม่บ้านเลย ตอนนั้นแหละที่แกร้องไห้ฟูมฟายว่าเสียใจมากล่าวหาแกได้ยังไง น้ำเสียงแกจริงจัง และน่าเชื่อถือมาก จนเราก็เสียงอ่อนแล้วบอกว่าก็เดี๋ยวจะถามทุกคนดู พอดีวันนี้ตอนเที่ยงเจอพี่อยู่ในห้องมืดๆก็เลยสงสัยเป็นคนแรกแค่นั้น
เช้าวันที่ 5 ก่อนเราเข้างานมาถึง แกป่าวประกาศกับทุกคน ร้องไห้ใส่ทุกคน ว่าถูกกล่าวหา เสียใจ เสียความรู้สึก เราโดนน้องๆ ว่าพี่ไปว่าแกแบบนั้นได้ยังไง แกเสียใจนะ แกไม่ได้เอาไป แกก็เสียใจ เรานี่อึ้งเลย คนนั้นก็ว่าหัวหน้าลืมหรือป่าว พี่ลืมไว้ไหนมั้ย ทั้งที่ที่เราก็บอกชัดว่ามันเงินที่ขึ้นเงินมาทุกคนก็เห็นเงินนั้นแล้วก็เห็นว่าพี่ไม่ได้ไปไหน ช่วงนี้พี่ไม่มีเงินพี่ต้องนับเงินทุกบาททุกสตางค์ สรุปทุกคนมองว่าเราบ้าค่ะ คนอะไรเงินหายอยู่คนเดียว หายบ่อยด้วย
ที่เราวิเคราะห์นะคะ
1. คนอื่นๆไม่มีเหตุจูงใจเพราะเงินเดือนพึ่งออกกัน อยู่กันมาตั้งนานเงินไม่เคยหาย
2.แม่บ้านติดหนี้หวยหลายพันต้องให้หนี้หวยงวดวันที่ 1ที่ผ่านมา เงินแกจะออกอีกทีวันที่ 5 และวันนี้จ่ายดอกเบี้ยเงินกู้พี่ที่ทำงานอีกคนด้วย (เราไม่เคยได้เพราะไม่เคยทวง)
3.เราเจอแกบนห้องตอนเที่ยง และท่าทางคนตกใจแลนรนๆแปลกๆ
4.เราดูกล้องวงจรปิดที่ชั้นล่างตั้งแต่เดินก้าวเท้าขึ้นบันได ใช้เวลาก่อนเราวิ่งขึ้นห้องตามไปจ๊ะเอ๋ 1 นาที ถ้าดูเวลา 1 นาทีเหมือนน้อย แต่พอเราดูคลิปที่เดินขึ้นไป เหมือนนานมากกับแค่วางเอกสาร จนกว่าเราจะขึ้นไปแล้วเรายังเจอในห้องเอกสารยังไม่วางแต่ตกใจเราก่อน
***แต่ตอนนี้ เรากลายเป็นคนผิดที่ไปกล่าวหาแม่บ้านผู้แสนดีของทุกคน เพราะเค้าไม่เคยเงินหายกันเลย เพราะทุกคนไม่ค่อยพกเงินสดกัน ต้องกดเงินกันบ่อย หลัก 100 200 (ขอเงินสดแล้วโอนให้กัน) แต่ละคนไม่พกเงินเยอะเหมือนเรา แต่จะมีกลุ่มคนที่เชื่อเราอยู่ครึ่งนึงที่เห็นคลิปแล้ววิเคราะห์ว่านานไปสำหรับการเอาเอกสารไปวาง เจ้าน
เงินเราหายบ่อยในที่ทำงาน แต่ทุกครั้งที่พูดว่าเงินหายกลับไม่มีใครเชื่อ ถึงกับเคยมีคนจะแอบเอาเลขบัตรประชาชนเราไปเช็ค
เรื่องของเรื่องคือเราเคยประกาศชัดว่าเงินหาย 2 ครั้งแต่ทุกครั้งเพื่อนร่วมงานกลับมองว่า เราหลงไปเอง ลืมไว้ไหนมั้ย ซึ่งครั้งที่ 2 หนักสุดตอนนั้นเข้าทำงานได้ปีที่ 2 เงินหาย 1 พัน เคสนี้ที่จำได้คือพึ่งเบิกเงินสดย่อยจากบริษัทมาแค่ 4 พันบาท มีเงินสดแค่นั้นแล้วยังไ่ม่ได้ใช้สักบาท เช้าวันต่อมา ช่วง 10 โมงเช้าไปดูเงินอีกที เหลือ 3 พันบาท ตอนน้ันมั่นใจมากว่าเงินหายเพราะยังไม่ได้ใช้อะไร และช่วงเช้ามีเหตุการณ์ที่เราแปลกใจคือ
ขอกล่าวถึงพื้นเพแม่บ้านคนนี้ที่เราสงสัยนะคะ ปกติคือคนที่ชอบพูดจาโผงผางตรงไปตรงมา สามารถดุพนักงานได้เลยเมื่อทำสกปรก ทำงานกับบริษัทนี้มานานเข้างานมาก่อนเราไม่นาน และเป็นที่ไว้ใจของพนักงานทุกคน ทำหน้าที่เป็นแมสเซนเจอร์ด้วยคือฝากเงิน เบิกเงินให้บริษัท ยอดหลายหมื่นหลายแสนได้ ไม่เคยหายไม่เคยตกหล่น และพนักงานทุกคนจะฝากซื้ออาหารเช้าทุกวัน ดูแลทุกคนเรื่องอาหารทุกเช้า พูดง่ายๆคือเป็นคนปากร้ายใจดีเป็นที่พึ่งพาของพนักงานเพราะใช้ทำงานวิ่งเอกสารให้ได้ แต่ข้อเสียคือมีภาระหนี้สินเยอะ จนติดหนี้พนักงานงานไปทั่ว เราเองก็เป็นหนึ่งในเจ้าหนี้ยอดหลายหมื่นของเค้า เพราะสามีติดการพนัน หรือจะนุ่นนี่นั่นเพื่อขอยืม
วันที่เงินหายรอบ 2 (รอบที่มั่นใจว่าเงินหายชัวร์ๆ) ปกติตอนเช้าจะต้องกินข้าวเช้าพร้อมกันทุกวันก่อนเข้างานรวมถึงแม่บ้านคนนี้ แต่วันนี้ไม่กินด้วยเรากินข้าวเสร็จกลับมาที่โต๊ะ (ที่นั่งกินอยู่นอกออฟฟิศจะไม่มีใครเห็นคนในออฟฟิศ) ก็แปลกใจว่าทำไมพี่เค้าไม่ไปกินข้าวด้วยมาทำอะไรตรงนี้ตอนนี้ ก็ได้แต่แปลกใจก็ถามกันปกติ พอสายวันนั้นหยิบเงินมาใช้ปรากฏว่าเหลือ 3 พันบาท ทำให้รู้ชัดแจ้งเลยว่าเงินหายแน่นอน เลยโวยวายว่าเงินหาย 1 พัน เนี่ยพึ่งเบิกมาเมื่อวาน 4 พันยังไม่ได้ใช้อะไรเลย ครั้งนี้ขอดูกล้องวงจรปิดเนื่องจากโต๊ะเรามีกล้องส่องถึงเลยทำให้ไวใจเวลาวางกระเป๋า แต่ปรากฏว่าวันน้ันสายกล้องวงจรปิดกลับถูกถอดออกไม่ได้เสียบปลั๊กเป็นเหตุให้ดูไม่ได้ แต่เพื่อนร่วมงานคนอื่นๆกลับหาว่าเราหลงไว้ไหนมั้ยไม่มีใครขโมยหรอกเงินแค่นี้ นุ่นนี่นั่น หาดีๆ แต่เรามั่นใจว่าหายเพราะใครแต่ไม่พูด ที่มั่นใจเพราะวันนั้นมีเหตุที่แม่บ้านคนนี้ต้องใช้หนี้เจ้าหนี้ 1 คนยอด 1 พันบาทโดนทวงหนักและวันนั้นมีเงินคืน (ได้รายวันเงินออกทุกๆ 15 วัน) ที่คนหาว่าเราหลงมั้ย ลืมไว้ไหนมั้ย เพราะอย่างที่บอกเงินเยอะไม่เคยนับไม่เคยคำนวน และมี 1 เหตุการณ์ที่เค้าจำ และพูดกันมาจนทุกวันนี้คือ มีเคสนึงที่เราพึ่งได้เงินสดมา แสนกว่าบาท จะฝากเข้าก็เลยคำนวนเงิน ปรากฏว่าเลยพูดขึ้นมาดังๆว่าเฮ้ยเงินหาย 1 หมื่น เฮ้ยพนักงานใหม่ที่ชื่อ ก ขโมยหรือป่าวนะ (เราทำงานมีออฟฟิศ 2 ที่ สลับเข้าออฟฟิศนี้ด้วย ส่วน อีกที่ห้องนั้นก็นั่งทำงานกันแค่สองคน บังเอิญพึ่งรับพนักงานใหม่เข้าทำงานได้ไม่ถึงอาทิตย์ยังไม่รู้นิสัยแต่ดันวางเงินไว้แบบไว้ใจ) เลยทำให้พูดปากเร็วไป ซึ่งทุกคนก็ตกใจและบอกให้คิดดีๆ ก็เลยนั่งคำนวนอีกรอบปรากฏว่ายอด 1 หมื่นให้คนอื่นไปเอง ซึ่งเราก็พูดตอนนั้นเลยว่าอ๋อรู้แล้วไม่ใช่ๆน้องเค้าแระ โอ้ยไปโทษคนอื่นตัวเองหลงเอง แต่เหตุการณ์มันต่างกันคือเราพูดเร็ว แต่ก็ได้คำตอบเร็วไม่ถึง 5 นาทีว่าเงินไม่ได้หายไปไหน แต่เหตุการณ์นี้ทุกคนกลับจำว่าเราลืมเอง และทำให้ทุกครั้งที่เราพูดว่าเงินหายคนจะมองว่าเราลืมเองชอบโทษคนอื่น จนครั้งที่ 2 ที่เราพูดว่าเงินหายและขอดูกล้องปรากฏว่ากล้องถูกถอดปลั๊กเราก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แค่สงสัยและมั่นใจเองเพราะเราจะเห็นตอนที่จ๊ะเอ๋แล้วคนคนนั้นทำท่าทางรนๆแปลกๆให้เราเอะใจ ตอนนั้นเราเข้างานไม่นานทำให้พอเราบอกว่าเงินหาย คนที่ทำงานคนนึงถึงกับอยากได้เลขที่บัตรประชาชนเราไปให้ตำรวจตรวจสอบประวัติเราเพื่อดูว่าเราเป็นมิจฉาชีพมั้ยเพราะเงินหายบ่อย หายอยู่คนเดียวนี่คือคำติดปาก (แต่ก่อนหน้าก็มีคนนึงหายเหมือนกัน แต่เค้าก็พูดว่าสงสัยเค้าหลงลืมไว้ไหน ) ตอนนั้นก็มีเรื่องกันอยู่เพราะเรามองว่าค่อนข้างรุนแรงแล้วก็จบไป หลายคนก็พูดนินทาว่าถ้าเงินหายจริงทำไมไม่แจ้งความ เราก็พยายามบอกว่าถ้าแจ้งความแล้วใช่เค้า เงินหาย 1 พัน แลกกับหลายหมื่นที่ให้เค้ายืมไปเลยนะ บังเอิญเราชอบทำบุญให้เงินคนด้วยเวลาใครเดือดร้อนยืมพันสองพัน หรือห้าพันก็เคยให้ฟรีๆมาแล้วเลยไม่ไม่เสียดายเงิน ผ่านไปปีนี้ปีที่ 4 จากเหตุการณ์นั้น
4/6/64 เกิดเหตุการณ์อีกครั้งที่เราถูกหาว่าบ้าหรือป่าว เงินหายอีกแล้ว หายอยู่คนเดียวไปโทษคนอื่น คนอื่นเค้าเสียใจนะ เสียความรู้สึกนะ แต่เรางงว่าแล้วเราที่เงินหายชัดเจนล่ะ 2 พันบาทที่นับไว้หายไป เพราะรอบนี้เราโทรไปหาแม่บ้านคนนี้เลยเพราะโมโหมาก แต่แกปฏิเสธเสียงแข็งบอกว่าเสียใจมากทำไมมากล่าวหากันแบบนี้ ทำไม ร้องไห้ฟูมฟายเราเปิดโฟนให้คนอื่นฟังด้วยตอนโทรไป ทุกคนเห็นใจแกเชื่อแก ตอนเช้าแกมาทำงานแต่เช้า มาเล่าให้ทุกคนฟังหมดว่าโดนเรากล่าวหา และร้องไห้ต่อหน้าทุกคน ทุกคนเลยโทษที่เราไปพูดแบบนั้นทั้งที่ไม่มีหลักฐาน
สงสัยมั้ยว่าที่ผ่านมาหลายปี ทำไมเงินไม่หายอีก เพราะว่าเราไม่ได้ไปทำงานที่ออฟฟิศนั้นอีกแล้ว พนักงานที่ออฟฟิศนั้นทุกคนถูกย้ายมารวมที่เดียวกัน แต่แม่บ้านคนนี้ก็มีหน้าที่เฝ้าออฟฟิศเดิมต่อไปไม่ได้ตามคนอื่นๆมา แล้วพึ่งได้ตามมารวมกับคนอื่นๆได้ประมาณ 6 เดือน เนื่องจากปิดออฟฟิศนั้นถาวรแล้ว
แกตามมาอยู่นี่ทุกอย่างก็ปกติเราก็ยังใจดีกับแกเหมือนเดิมเราลืมทุกอย่างหมดแล้ว (เป็นคนนิสัยโกรธง่าย หายง่ายกว่า) ทั้งๆที่หนี้เก่ายังไม่ได้คืนสักบาท แต่รอบนี้แกขอให้ซื้อสดมอเตอร์ไซด์มือหนึ่งให้ แล้วผ่อนเราโดยตรงเพราะแกติดแบ็คลิสกู้เองไม่ได้ เราก็ซื้อให้ทันทีแบบงงๆ ไม่พอแค่นั้นมีมอเตอร์ไซด์มือสองของเราอีกคันก็ให้แกผ่อนอีกเพราะลูกสาวแกอยากได้
เราไม่ได้อะไรจากตรงนี้แต่ไม่เข้าใจตัวเองทุกครั้งใครขออะไรจะให้โดยง่าย
วันที่ 4/6/64 เราโวยวายอีกครั้งเพราะเงินหายชัดเจน 2 พันบาท ที่รู้แน่ชัดเนื่องจากช่วงนี้นำเงินที่มีทั้งหมดในชีวิต ไปลงทุนเพื่อ ก่อนจะได้เงินก้อนใหญ่พร้อมกำไรกลับมาต้องเอาเงินปิดก่อน(ธุรกิจอสังหาฯ) ทำให้ช่วงนี้ต้องนับเงินทุกบาททุกสตางค์คำนวนเงินทุกเม็ดที่มี และที่สำคัญคือทุกวันนี้ไม่ค่อยพกเงินสดกัน ทุกอย่างโอนหมด สแกนหมด แต่มียังมีบางที่แต่ละคนจะเอาเงินสดมาให้เราฝากโอนให้คนนั้นทีคนนี้ทีก็จะมีเงินสดหลายหมื่นแต่ไม่เคยนับเช่นเคยซึ่งถ้าหายก็คงไม่รู้เรื่องเช่นกัน แต่รอบนี้ไม่มีเงินสดสักบาท วันที่ 1 ถูกลอตเตอรี่ 2 ใบ วันที่ 2 ฝากน้องไปขึ้นเงินได้เงินสดมา 3920 บาท ทำให้มีเงินแค่นั้นได้เงินช่วงบ่ายทำให้ไม่ได้ใช้เงินเลย วันที่ 3 มาทำงานช่วงบ่าย มีพัสดุมาส่งจ่ายเงิน 300 กว่าบาท หยิบแบงค์พันในกระเป๋าจ่าย ตอนนั้นอยู่ครบ เย็นเลิกงานซื้อข้าว100 กว่าบาท เราจำได้แม่นเป๊ะ เพราะช่วงนี้ใช้เงินประหยัด เพื่อนร่วมงานที่สนิทๆจะรู้นิสัยเราดี ถ้าไม่มีก็จะขี้งก เพราะเป็นแบบนี้บ่อยช่วงไหนใช้เงินปิดบ้านเพื่อรอโอน
แต่วันที่ 4 เหตุการณ์ที่ไม่ปกติคือ ช่วงเที่ยงขณะที่ทุกคนมากินข้าวเที่ยงกันที่ครัวชั้นล่าง (ออฟฟิศเราเอาบ้านทำออฟฟิศ เราทำงานชั้น 2 ) กำลังกินข้าวยังไม่เสร็จเลยมีเหตุว่ามีคนมารับเอกสาร เราเลยต้องหยุดกินแล้ววิ่งขึ้นไปชั้น 2 พอไปถึงห้องทำงานเราก็แปลกใจว่าเจอแม่บ้านคนนี้อยู่กลางห้องทำงานเราที่ปิดไฟมืด แล้วท่าท่างรนๆว่าพี่เอาเอกสารมาให้ (ซึ่งขณะนั้นพนักงานทุกคนกินข้าวกันข้างล่างหมดรวมถึงคนที่ต้องรับเอกสาร) เราก็แปลกใจแต่ไม่เอะใจเพราะรีบๆหยิบเอกสารของเรา แต่แกก็ยังพูดไม่หยุดรนๆว่า เอาเอกสารมาให้ เราเลยขอดูเลยเอกสารที่แกถือมาแล้วบอกว่าเอามาทำไมนี่มันเขียนชัดเจนว่าของแผนกจัดซื้อ เราก็เอาคืนให้ แล้วแกก็เลยพูดว่ามาหาพี่... ด้วย (พี่ทีอยู่อีกห้องนึงข้างๆกัน)เลยบอกว่าเค้าไม่อยู่ไปกินข้าวข้างนอกไฟก็ปิดอยู่เห็นๆมาๆ ลงมา แกเหมือนไม่อยากลงรั้งท้ายเราแล้วพูดอีกว่าพี่มาหา.... เลยพูดซ้ำเค้าไปกินข้าวข้างนอกปิดไฟอยู่ ป่ะๆ ชวนลงมา แต่เราก็แปลกในใจ แต่ด้วยรีบมีคนรอรับเอกสารเราอยู่
ซึ่งเราก็ไม่ได้ดูเงินในกระเป๋าอีกเลยจนเลิกงานเก็บกระเป๋าจะกลับบ้านแต่ผิดสังเกตที่กระเป๋าเล็กที่ใส่บัตรเครดิตไว้ถูกวางคว่ำลงแล้วบัตรล่วงของในกระเป๋าเล็กล่วงใส่ใบใหญ่ ปกติใบนี้รูดซิปปิดทุกครั้งเเพราะมีแต่บัตรเครติด เคยตกใจแล้วดูเงิน ใจตอนนั้นถ้ามีแบงค์พันเหลือสักใบเราก็จะไม่สนใจเพราะคิดว่าตัวเองคงใช้บ้างแล้วจะไม่ย้อนไทม์ไลน์การใช้เงินเลยยังมั่นใจว่าแบงค์พันพึ่งได้มายังอยู่ เพราะก่อนเลิกงานพึ่งโอนจ่ายบัตรเครดิต ยังบวกเงินคงเหลือรวมเงินสดด้วยแค่ไม่ได้เปิดดู(ปกติเราทำงานแล้วกลับบ้านเลยไม่เคยไปไหน เพราะบ้านกับที่ทำงานห่างกันแค่ 3 นาทีการใช้เงินจึงน้อยและจำได้แม่นเราอยู่บ้านกับแฟนสองคน เราตัดเรื่องแฟนหยิบเงินเพราะเค้าค่อนข้างมีเงินเยอะให้เรายืมใช้ช่วงนี้ อยู่ด้วยกันมาต่อให้เราวางเงินไว้ยังไงก็อยู่อย่างนั้นที่บ้านมีเงินวางอยู่ทุกมุมก็ยังมีอยู่) ตอนน้นเราโมโหมากลงมาข้างล่างคนอื่นๆกลับกันหมดเหลือพนักงานไม่กี่คนยังอยู่ เราเลยโทรหาแม่บ้านเลย ตอนนั้นแหละที่แกร้องไห้ฟูมฟายว่าเสียใจมากล่าวหาแกได้ยังไง น้ำเสียงแกจริงจัง และน่าเชื่อถือมาก จนเราก็เสียงอ่อนแล้วบอกว่าก็เดี๋ยวจะถามทุกคนดู พอดีวันนี้ตอนเที่ยงเจอพี่อยู่ในห้องมืดๆก็เลยสงสัยเป็นคนแรกแค่นั้น
เช้าวันที่ 5 ก่อนเราเข้างานมาถึง แกป่าวประกาศกับทุกคน ร้องไห้ใส่ทุกคน ว่าถูกกล่าวหา เสียใจ เสียความรู้สึก เราโดนน้องๆ ว่าพี่ไปว่าแกแบบนั้นได้ยังไง แกเสียใจนะ แกไม่ได้เอาไป แกก็เสียใจ เรานี่อึ้งเลย คนนั้นก็ว่าหัวหน้าลืมหรือป่าว พี่ลืมไว้ไหนมั้ย ทั้งที่ที่เราก็บอกชัดว่ามันเงินที่ขึ้นเงินมาทุกคนก็เห็นเงินนั้นแล้วก็เห็นว่าพี่ไม่ได้ไปไหน ช่วงนี้พี่ไม่มีเงินพี่ต้องนับเงินทุกบาททุกสตางค์ สรุปทุกคนมองว่าเราบ้าค่ะ คนอะไรเงินหายอยู่คนเดียว หายบ่อยด้วย
ที่เราวิเคราะห์นะคะ
1. คนอื่นๆไม่มีเหตุจูงใจเพราะเงินเดือนพึ่งออกกัน อยู่กันมาตั้งนานเงินไม่เคยหาย
2.แม่บ้านติดหนี้หวยหลายพันต้องให้หนี้หวยงวดวันที่ 1ที่ผ่านมา เงินแกจะออกอีกทีวันที่ 5 และวันนี้จ่ายดอกเบี้ยเงินกู้พี่ที่ทำงานอีกคนด้วย (เราไม่เคยได้เพราะไม่เคยทวง)
3.เราเจอแกบนห้องตอนเที่ยง และท่าทางคนตกใจแลนรนๆแปลกๆ
4.เราดูกล้องวงจรปิดที่ชั้นล่างตั้งแต่เดินก้าวเท้าขึ้นบันได ใช้เวลาก่อนเราวิ่งขึ้นห้องตามไปจ๊ะเอ๋ 1 นาที ถ้าดูเวลา 1 นาทีเหมือนน้อย แต่พอเราดูคลิปที่เดินขึ้นไป เหมือนนานมากกับแค่วางเอกสาร จนกว่าเราจะขึ้นไปแล้วเรายังเจอในห้องเอกสารยังไม่วางแต่ตกใจเราก่อน
***แต่ตอนนี้ เรากลายเป็นคนผิดที่ไปกล่าวหาแม่บ้านผู้แสนดีของทุกคน เพราะเค้าไม่เคยเงินหายกันเลย เพราะทุกคนไม่ค่อยพกเงินสดกัน ต้องกดเงินกันบ่อย หลัก 100 200 (ขอเงินสดแล้วโอนให้กัน) แต่ละคนไม่พกเงินเยอะเหมือนเรา แต่จะมีกลุ่มคนที่เชื่อเราอยู่ครึ่งนึงที่เห็นคลิปแล้ววิเคราะห์ว่านานไปสำหรับการเอาเอกสารไปวาง เจ้าน