แม้ว่าบริการการบินด้วยความเร็วที่เหนือเสียง (Super Sonic) จะยุติลงในปี 2003 หลังจากที่ British Airways และ Air France ยกเลิกการให้บริการ Concorde แต่นวัตกรรมเครื่องบินโดยสารความเร็วเหนือเสียงก็พัฒนาอย่างต่อเนื่อง และทาง United สายการสัญชาติอเมริกาได้ประกาศในต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาว่าจะทำให้ “ยุคของการบินเหนือเสียงจะกลับมาอีกครั้ง” ครับ
อดีตอันรุ่งเรืองของการบินเร็วเหนือเสียง
โดยปกติเครื่องบินโดยสารทั่วไปจะบินที่ความเร็วประมาณ 900 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งความเร็วดังกล่าวยังต่ำกว่าความเร็วเสียงที่มีความเร็วถึง 1,060 กิโลเมตรต่อชั่วโมงครับ ซึ่งเครื่องบินที่สามารถทำความเร็วได้มากกว่ากว่าความเร็วเสียงไม่ว่าจะกี่เท่าก็ตามจะเรียกรวมกลุ่มเครื่องบินดังกล่าวว่ากลุ่มการบินเหนือเสียง (Supersonic flight) ครับ
อย่างไรก็ตามเทคโนโลยีเครื่องบินความเร็วเหนือเสียงเป็นเทคโนโลยีที่มีมานานพอสมควรครับ ในปี 1969 เครื่องบิน Concorde ได้ทดสอบขึ้นบินเป็นครั้งแรกและเริ่มนำมาใช้ในเชิงพาณิชย์ในปี 1976 ครับ เครื่องบิน Concorde สามารถทำความเร็วได้ถึง 2,158 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และให้บริการเที่ยวบินข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกระหว่าง “ลอนดอน – นิวยอร์ก” และ “ปารีส – นิวยอร์ก” โดนสายการบิน British Airways และ Air France ครับ
การเกษียณอายุของ Concorde
อย่างไรก็ตามตลอดการให้บริการเกือบ 30 ปี เครื่องบิน Concorde มีอุบัติเหตุเครื่องบินตกเพียงครั้งเดียวในปี 2000 ครับ โดยเครื่องบินดังกล่าวคือเที่ยวบิน 4590 ของ Air France และตกเนื่องจากชิ้นส่วนของเครื่องบินลำก่อนหน้ากระแทกกับยางล้อของเครื่องบิน Concorde 4590 จนเป็นเหตุให้ยางล้อระเบิดเกิดไฟลุกไหม้จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 113 คนครับ ถึงแม้ว่าสาเหตุดังกล่าวไม่ได้มา Concorde แต่ก็โดนระงับการบินทุกเที่ยวและหาสาเหตุครับ
นอกจากนี้ในปี 2001 เกิดการก่อวินาศกรรม 11 กันยายน (9/11) ที่มีการใช้เครื่องบินพุ่งชนตึก World Trade Center จนมีผู้เสียชีวิตจำนวนมากส่งผลให้เกิดความตกต่ำอย่างรุนแรงในอุตสาหกรรมการบินครับ ด้วยจำนวนคนบินที่น้อยลงจนทั้ง 2 สายการบินไม่สามารถรับค่าใช้จ่ายได้ไหว ทาง British Airways และ Air France จึงยุติการให้บริการในที่สุดครับ
Overture ยุคใหม่แห่งการบินเหนือเสียง
เมื่อเทคโนโลยีพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และความต้องการในการบินข้ามหาสมุทรแอตแลนติกด้วยระยะเวลาที่สั้นลงกลับมาอีกครั้ง ทางยอดสายการบิน United ได้ประกาศโครงการที่จะปลุกชีพเครื่องบินความเร็วเหนือเสียงโดยได้จัดหาเครื่องบิน Overture จำนวน 15 ลำ และสิทธิในการจัดซื้อเครื่องเพิ่มเติม เพื่อเตรียมเปิดให้บริการภายใน 2029 ครับ
เครื่องบิน Overture ถูกผลิตโดยบริษัทอากาศยาน Boom จากเมือง Denver ครับ โดยทาง Boom แจ้งว่าเครื่อง Overture จะบินที่ความเร็ว 1,805 กิโลเมตต่อชั่วโมง หรือ Mach 1.7 (ความเร็วต่ำกว่าความเร็วของ Concorde ครับ) ซึ่งด้วยความเร็วดังกล่าวสามารถย่นระยะเวลาการบินข้ามแอตแลนติกจาก 6 ชั่วโมงครึ่ง เหลือเพียง 3.5 ชั่วโมงเท่านั้นครับ
อย่างไรก็ตามการบินที่ความเร็วเหนือเสียงต้องแลกมาด้วยข้อจำกัดหลายประการ โดยเฉพาะเรื่องของเสียงดังจากการทะลุกำแพงเสียงที่เรียกว่า Sonic Boom และ มลภาวะจะการเผาไหม้เชื้อเพลิงอย่างรวดเร็วครับ
ความท้าทายครั้งใหม่ของ Overture
เมื่อเครื่องบินสามารถเคลื่อนไหวได้รวดเร็วเหนือเสียงจะเกิดเสียงระเบิดหรือเสียงฟ้าผ่าดังจนได้ยินถึงพื้นดินครับ เสียงดังกล่าวมีชื่อว่า Sonic boom ซึ่งท้ายที่สุดบริษัท Boom นำมาใช้เป็นชื่อของบริษัทในที่สุดครับ สิ่งนี้ทำให้บริษัท Boom ได้ออกแบบ Overture ให้มีเสียงดังไม่เกินเครื่องบินธรรมดาระหว่างขึ้นบิน บินในเขตชุมชน และ การลงจอดครับ Overture จะเริ่มบินที่ความเร็วเหนือเสียงในระหว่างที่บินอยู่เหนือมหาสมุทรเท่านั้นครับ สิ่งนี้จะทำให้ Overture ไม่สร้างเสียงรบกวนแก่ประชาชนทั่วไปครับ
นอกจากนี้เรื่องการซดเชื้อเพลิงเพื่อทำความเร็วก็เป็นสิ่งสำคัญครับ คุณ Kathy Savitt หัวหน้าฝ่ายการค้าของบริษัท Boom กล่าวว่า Overture จะต้องบินที่ความเร็วเหนือเสียงแต่ Overture จะเป็นเครื่องบินที่สามารถขึ้นบินโดยไม่ปล่อยคาร์บอนเข้าสู่สิ่งแวดล้อม (Net-Zero) ครับ โดยใช้เชื้อเพลิงการบินชนิดยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel) ครับ
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. Guy Gratton จาก Cranfied University ได้อธิบายว่าเชื้อเพลิงการบินชนิดยั่งยืนเป็นเชื้อเพลิงจะทำจากเชื้อเพลิงดีเซลชีวภาพชนิดพิเศษที่ทำจากของเสียไขมันสัตว์ที่มาจากอุตสาหกรรมปศุสัตว์หรือพืชที่มีพลังงานสูงครับ แต่ปัญหาสำคัญของเชื้อเพิลงชนิดนี้คือจะมีกำลังการผลิตเพียงพอต่อความต้องการของอุตสาหกรรมการบินหรือไม่ครับ แต่ทาง Boom มองว่าพวกเขาสามารถที่จะใช้พลังงานทดแทนส่วนที่ขาดไปจากเทคโนโลยีพลงงานสะอาดอื่นๆ ได้ครับ
อนาคตของ Overture
แต่ปัญหาที่สำคัญอีกอย่างคือความต้องการใช้การบินเหนือเสียงยังมีอยู่หรือไม่ โลกนั้นเล็กลงมากจากการทำ Digitalization ส่งผลให้การเดินทางมีความสำคัญน้อยลง นอกจากนี้มหาเศรษฐีที่เคยใช้ Concorde ในการเดินทางเพราะหรูหราเหนือกว่า First Class เริ่มหันมาใช้เครื่องบินส่วนตัวกันมากขึ้นซึ่งสะดวกมากกว่าเพราะกำหนดต้นทางและเป้าหมายได้ตามใจครับ
ทาง Boom ได้ทำการทดสอบตลาดและพบว่าสิ่งที่ลูกค้าต้องการจริงคือความสะดวกรวดเร็วในราคาที่สมเหตุสมผลครับ ดังนั้น Boom ที่ยึดถือแนวคิด “การเชื่อมกันระหว่างบุคคลและประสานความสัมพันธ์ทางธุรกิจให้ดีขึ้น” ได้มองว่าพวกเขาจะเน้นการจำหน่ายตั๋วเครื่องบินในราคา Business Class เพื่อให้ประชาชนทั่วไปจับต้องได้ครับ โดยทาง Boom คาดว่าสายการบินสามารถทำได้รายได้จากการตั้งราคาที่เป็นมิตรต่อผู้โดยสารมากขึ้น อย่างไรก็ตามทุกอย่างขึ้นอยู่กับทาง United เป็นผู้ตั้งราคาครับ
โดยสรุปแล้วการที่ United เลือกที่จะลงทุนในเครื่องบินความเร็วเหนือเสียงนอกจากจะแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการจะเป็นผู้นำตลาดการบินในอนาคต แต่ยังแสดงออกให้เห็นถึงความตั้งใจที่จะสร้างประสบการณ์การบินที่รวดเร็วแต่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วยครับ
ขอฝากติดตาม กด like กด share ข้อมูลดีๆ ได้ทาง
https://www.facebook.com/Unboxthinking
หรือ
https://www.blockdit.com/pages/5f4b6519e807060cb777cdbf ด้วยนะครับ ขอบคุณมากครับ
Ref:
https://edition.cnn.com/2021/06/03/investing/united-supersonic-flights/index.html
Ref:
https://www.marketwatch.com/story/united-is-going-supersonic-but-airline-stocks-fall-on-mixed-guidance-and-broader-worries-about-troubled-sector-11622735986
Ref:
https://www.cbsnews.com/video/united-airlines-plans-to-bring-back-supersonic-flights/
เปิดตัวเครื่องบินเหนือเสียง!!! United จะนำเครื่องบินเหนือเสียงออกให้บริการอกครั้งในปี 2029
แม้ว่าบริการการบินด้วยความเร็วที่เหนือเสียง (Super Sonic) จะยุติลงในปี 2003 หลังจากที่ British Airways และ Air France ยกเลิกการให้บริการ Concorde แต่นวัตกรรมเครื่องบินโดยสารความเร็วเหนือเสียงก็พัฒนาอย่างต่อเนื่อง และทาง United สายการสัญชาติอเมริกาได้ประกาศในต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาว่าจะทำให้ “ยุคของการบินเหนือเสียงจะกลับมาอีกครั้ง” ครับ
อดีตอันรุ่งเรืองของการบินเร็วเหนือเสียง
โดยปกติเครื่องบินโดยสารทั่วไปจะบินที่ความเร็วประมาณ 900 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งความเร็วดังกล่าวยังต่ำกว่าความเร็วเสียงที่มีความเร็วถึง 1,060 กิโลเมตรต่อชั่วโมงครับ ซึ่งเครื่องบินที่สามารถทำความเร็วได้มากกว่ากว่าความเร็วเสียงไม่ว่าจะกี่เท่าก็ตามจะเรียกรวมกลุ่มเครื่องบินดังกล่าวว่ากลุ่มการบินเหนือเสียง (Supersonic flight) ครับ
อย่างไรก็ตามเทคโนโลยีเครื่องบินความเร็วเหนือเสียงเป็นเทคโนโลยีที่มีมานานพอสมควรครับ ในปี 1969 เครื่องบิน Concorde ได้ทดสอบขึ้นบินเป็นครั้งแรกและเริ่มนำมาใช้ในเชิงพาณิชย์ในปี 1976 ครับ เครื่องบิน Concorde สามารถทำความเร็วได้ถึง 2,158 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และให้บริการเที่ยวบินข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกระหว่าง “ลอนดอน – นิวยอร์ก” และ “ปารีส – นิวยอร์ก” โดนสายการบิน British Airways และ Air France ครับ
การเกษียณอายุของ Concorde
อย่างไรก็ตามตลอดการให้บริการเกือบ 30 ปี เครื่องบิน Concorde มีอุบัติเหตุเครื่องบินตกเพียงครั้งเดียวในปี 2000 ครับ โดยเครื่องบินดังกล่าวคือเที่ยวบิน 4590 ของ Air France และตกเนื่องจากชิ้นส่วนของเครื่องบินลำก่อนหน้ากระแทกกับยางล้อของเครื่องบิน Concorde 4590 จนเป็นเหตุให้ยางล้อระเบิดเกิดไฟลุกไหม้จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 113 คนครับ ถึงแม้ว่าสาเหตุดังกล่าวไม่ได้มา Concorde แต่ก็โดนระงับการบินทุกเที่ยวและหาสาเหตุครับ
นอกจากนี้ในปี 2001 เกิดการก่อวินาศกรรม 11 กันยายน (9/11) ที่มีการใช้เครื่องบินพุ่งชนตึก World Trade Center จนมีผู้เสียชีวิตจำนวนมากส่งผลให้เกิดความตกต่ำอย่างรุนแรงในอุตสาหกรรมการบินครับ ด้วยจำนวนคนบินที่น้อยลงจนทั้ง 2 สายการบินไม่สามารถรับค่าใช้จ่ายได้ไหว ทาง British Airways และ Air France จึงยุติการให้บริการในที่สุดครับ
Overture ยุคใหม่แห่งการบินเหนือเสียง
เมื่อเทคโนโลยีพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และความต้องการในการบินข้ามหาสมุทรแอตแลนติกด้วยระยะเวลาที่สั้นลงกลับมาอีกครั้ง ทางยอดสายการบิน United ได้ประกาศโครงการที่จะปลุกชีพเครื่องบินความเร็วเหนือเสียงโดยได้จัดหาเครื่องบิน Overture จำนวน 15 ลำ และสิทธิในการจัดซื้อเครื่องเพิ่มเติม เพื่อเตรียมเปิดให้บริการภายใน 2029 ครับ
เครื่องบิน Overture ถูกผลิตโดยบริษัทอากาศยาน Boom จากเมือง Denver ครับ โดยทาง Boom แจ้งว่าเครื่อง Overture จะบินที่ความเร็ว 1,805 กิโลเมตต่อชั่วโมง หรือ Mach 1.7 (ความเร็วต่ำกว่าความเร็วของ Concorde ครับ) ซึ่งด้วยความเร็วดังกล่าวสามารถย่นระยะเวลาการบินข้ามแอตแลนติกจาก 6 ชั่วโมงครึ่ง เหลือเพียง 3.5 ชั่วโมงเท่านั้นครับ
อย่างไรก็ตามการบินที่ความเร็วเหนือเสียงต้องแลกมาด้วยข้อจำกัดหลายประการ โดยเฉพาะเรื่องของเสียงดังจากการทะลุกำแพงเสียงที่เรียกว่า Sonic Boom และ มลภาวะจะการเผาไหม้เชื้อเพลิงอย่างรวดเร็วครับ
ความท้าทายครั้งใหม่ของ Overture
เมื่อเครื่องบินสามารถเคลื่อนไหวได้รวดเร็วเหนือเสียงจะเกิดเสียงระเบิดหรือเสียงฟ้าผ่าดังจนได้ยินถึงพื้นดินครับ เสียงดังกล่าวมีชื่อว่า Sonic boom ซึ่งท้ายที่สุดบริษัท Boom นำมาใช้เป็นชื่อของบริษัทในที่สุดครับ สิ่งนี้ทำให้บริษัท Boom ได้ออกแบบ Overture ให้มีเสียงดังไม่เกินเครื่องบินธรรมดาระหว่างขึ้นบิน บินในเขตชุมชน และ การลงจอดครับ Overture จะเริ่มบินที่ความเร็วเหนือเสียงในระหว่างที่บินอยู่เหนือมหาสมุทรเท่านั้นครับ สิ่งนี้จะทำให้ Overture ไม่สร้างเสียงรบกวนแก่ประชาชนทั่วไปครับ
นอกจากนี้เรื่องการซดเชื้อเพลิงเพื่อทำความเร็วก็เป็นสิ่งสำคัญครับ คุณ Kathy Savitt หัวหน้าฝ่ายการค้าของบริษัท Boom กล่าวว่า Overture จะต้องบินที่ความเร็วเหนือเสียงแต่ Overture จะเป็นเครื่องบินที่สามารถขึ้นบินโดยไม่ปล่อยคาร์บอนเข้าสู่สิ่งแวดล้อม (Net-Zero) ครับ โดยใช้เชื้อเพลิงการบินชนิดยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel) ครับ
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. Guy Gratton จาก Cranfied University ได้อธิบายว่าเชื้อเพลิงการบินชนิดยั่งยืนเป็นเชื้อเพลิงจะทำจากเชื้อเพลิงดีเซลชีวภาพชนิดพิเศษที่ทำจากของเสียไขมันสัตว์ที่มาจากอุตสาหกรรมปศุสัตว์หรือพืชที่มีพลังงานสูงครับ แต่ปัญหาสำคัญของเชื้อเพิลงชนิดนี้คือจะมีกำลังการผลิตเพียงพอต่อความต้องการของอุตสาหกรรมการบินหรือไม่ครับ แต่ทาง Boom มองว่าพวกเขาสามารถที่จะใช้พลังงานทดแทนส่วนที่ขาดไปจากเทคโนโลยีพลงงานสะอาดอื่นๆ ได้ครับ
อนาคตของ Overture
แต่ปัญหาที่สำคัญอีกอย่างคือความต้องการใช้การบินเหนือเสียงยังมีอยู่หรือไม่ โลกนั้นเล็กลงมากจากการทำ Digitalization ส่งผลให้การเดินทางมีความสำคัญน้อยลง นอกจากนี้มหาเศรษฐีที่เคยใช้ Concorde ในการเดินทางเพราะหรูหราเหนือกว่า First Class เริ่มหันมาใช้เครื่องบินส่วนตัวกันมากขึ้นซึ่งสะดวกมากกว่าเพราะกำหนดต้นทางและเป้าหมายได้ตามใจครับ
ทาง Boom ได้ทำการทดสอบตลาดและพบว่าสิ่งที่ลูกค้าต้องการจริงคือความสะดวกรวดเร็วในราคาที่สมเหตุสมผลครับ ดังนั้น Boom ที่ยึดถือแนวคิด “การเชื่อมกันระหว่างบุคคลและประสานความสัมพันธ์ทางธุรกิจให้ดีขึ้น” ได้มองว่าพวกเขาจะเน้นการจำหน่ายตั๋วเครื่องบินในราคา Business Class เพื่อให้ประชาชนทั่วไปจับต้องได้ครับ โดยทาง Boom คาดว่าสายการบินสามารถทำได้รายได้จากการตั้งราคาที่เป็นมิตรต่อผู้โดยสารมากขึ้น อย่างไรก็ตามทุกอย่างขึ้นอยู่กับทาง United เป็นผู้ตั้งราคาครับ
โดยสรุปแล้วการที่ United เลือกที่จะลงทุนในเครื่องบินความเร็วเหนือเสียงนอกจากจะแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการจะเป็นผู้นำตลาดการบินในอนาคต แต่ยังแสดงออกให้เห็นถึงความตั้งใจที่จะสร้างประสบการณ์การบินที่รวดเร็วแต่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วยครับ
ขอฝากติดตาม กด like กด share ข้อมูลดีๆ ได้ทาง https://www.facebook.com/Unboxthinking
หรือ https://www.blockdit.com/pages/5f4b6519e807060cb777cdbf ด้วยนะครับ ขอบคุณมากครับ
Ref: https://edition.cnn.com/2021/06/03/investing/united-supersonic-flights/index.html
Ref: https://www.marketwatch.com/story/united-is-going-supersonic-but-airline-stocks-fall-on-mixed-guidance-and-broader-worries-about-troubled-sector-11622735986
Ref: https://www.cbsnews.com/video/united-airlines-plans-to-bring-back-supersonic-flights/