คือ เเฟนเราเป็นรุ่นน้อง1ปีค่ะ ตอนนี้เรากำลังจะขึ้นปี 2 ส่วนเเฟนเราพึ่งติดมหาลัยเดียวกันค่ะ เขาตั้งใจจะสอบติดมหาลัยเดียวกับเรามากๆ ส่วนเราก็ช่วยเรื่องติวให้เขา คอยส่งประกาศ และเกณฑ์ของมหาลัยให้เขาเรื่อยๆ เพราะรุ้ว่าเขาอยากได้ที่นี่มาก จนเเฟนเราติดมหาลัยเดียวกัน เเต่ พอติดเเล้ว เเฟนเราบอกทางครอบครัวไปว่าติดมหาลัยนี้ คณะนี้ พ่อเขาโอเคร เเต่เเม่เขาอยากให้ไปต่อทหารมากกว่า จนพูดเด็ดขาดกับเขาว่า ถ้าต่อมหาลัยจะไม่ช่วยออกค่าอะไรให้ทั้งนั้น ให้พ่อของเขาออกเเค่ฝ่ายเดียว ซึ่งครอบครัวเเฟนเรา ก็มีการหย่าร้างกันเป็นที่เรียบร้อย เเต่ก็ยังมีการไปมาหาสู่กันบ้าง เหมือนยังตัดไม่ขาด เเต่ฝ่ายเเม่เขาออกไปอยู่เป็นหอข้างนอกเเทน ซึ่งฝั่งพ่อเเฟนเราก็เป็นทหารอยู่เหมือนกัน เเต่อายุค่อนข้างเยอะเเล้ว เเฟนเราเลยมาถามเราว่า ถ้าให้เลือกระหว่าง เราจบมาเเล้วมีบ้าน มีทุกอย่างพร้อม โดยที่เขาจะเป็นนหาเงินมาให้ครอบครัว เเละหาเงินมาสร้างบ้าน จากการเป็นทหารเเต่ต้องเเลกกับการที่ไม่ได้เจอกันเลยเป็นปี อาจจะฝึกหนักเเล้วไม่มีเวลาคุยเเละส่วนตัวช่วงโควิดเราอยู่หอคนเดียวตลอด1ปีจนเรารู้สึกว่าเรารอเขาติดมาตลอด เราอยู่คนเดียวจนเคว้งเรียนออนไลน์ในห้องไม่ได้ออกไปไหน เพราะเพื่อนก็ไปกับเเฟนของตัวเองกันหมด เราเลยเลือกที่จะรอเขาติด เเต่วันนี้เขาเริ่มไม่เเน่ใจ กับอีกอันนึงที่เขาให้เลือกคือ เราเรียนมหาลัยด้วยกัน เราเจอกันตลอด ไม่มีอะไรต้องกังวล ช่วยกันเรียน จบมาเเยกย้ายกันทำงานที่ตัวเองอยากทำเขาอยากเป็นทนายความ เเต่ถ้าเลือกทางนี้คงต้องใช้เวลาในการเก็บเงินทำหลายๆอย่าง กว่าจะเรียนจบ ทำงานเก็บเงิน จบมายังไม่สบายมากเท่ากับเขาเรียนทหาร คือเราเข้าใจครอบครัวเขามาก เราเคารพการตัดสินใจของเขา เราบอกเขาว่า เลือกทางไหนก็ได้ที่เขาสบายใจ เเต่เขาถามเราซำ้ๆจนเราเริ่ม เเอนเอียงไปทางอยากให้เขา มาเรียนด้วยกัน เเต่เรายังไม่เเน่ใจว่าเราควรตัดสินใจ บอกเขาไปยังไง เราไม่ได้หวังพึ่งเขาเลยเเม้เเต่นิดเดียว เเต่เขาเเคร์ความเป็นอยู่ของเราเเละครอบครัวของเขา ซึ่ง สิ่งที่เราเลือกกับสิ่งที่เเม่เขา เลือกเเน่นอนว่ามันไม่ใช่เเบบเดียวกัน เเต่เราก็ไม่อยากคัดค้านเพราะเราก็ไม่ใช่คนในครอบครัว เราควรบอกเขายังไงดีคะ เราควรเลือกตามที่ตัวเองต้องการ หรือเลือกตามสิ่งที่เเม่เขาต้องการ
เเฟนต้องเลือกระหว่างต่อทหารหรือต่อมหาลัย เเต่เขามาถามความคิดเห็นของเรา ทั้งที่ ความคิดเห็นของเเม่เขาอยากให้ต่อทหาร