ขอรบกวนปรึกษาค่ะ เนื่องจากเราเป็นหนี้บัตรเครดิต จำนวน 4 ใบ โดยเราพยายามเก็บเงินทยอยชำระ ตั้งแต่ปีที่แล้วปิดไป 3 ใบ พร้อมหนี้ กยศ. จนเหลือใบสุดท้ายของกสิกรยอดหนี้ ส่งฟ้องประมาณ 3 แสน และมีการส่งเรื่องบังคับคดียึดบ้าน โดยเราก็คุยเจรจากับบริษัทที่รับมอบอำนาจจาก กสิกร โดยขอปิดยอดอยู่ที่ 1.7 แสน อยู่ระหว่างหาเงิน และนัดหมายเพื่อชำระปิดบัญชี แต่เนื่องจากสถานการณ์โควิด ทำให้เงินที่เราคิดว่าจะได้ภายในเดือน ก.พ. เลื่อนออกไปและไม่ได้ตามกำหนด จนมาเดือน เม.ย. เราได้เงินครบ จึงโทรไปเพื่อเจรจาชำระ (ระหว่างนี้ เราก็ได้มีการไปลงทะเบียนเพื่อขอเจรจาหนี้ ตามมาตรการช่วยของรัฐบาล ) แต่ปรากฏว่า บ้านเรา โดนขายทอดตลาดไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ 10 มีนาคม ซึ่งเป็นการขายทอดตลาดครั้งแรก โดยเป้นการประมูลซื้อแบบติดจำนอง
ขอท้าวความนิดนึงค่ะ ว่า บ้านหลังนี้เป็นทรัพย์ที่อยู่ต่างจังหวัดค่ะ ซื้อตอนที่ย้ายไปทำงานต่างจังหวัด และตอนนั้นบริษัทมีสวัสดิการค่าเช่าบ้านให้ แต่เนื่องจากแม่ไม่สบาย จึงต้องย้ายกลับมากรุงเทพ ฯ เพื่อดูแลคอยพาไปหาหมอ บ้านหลังนี้จึงปิดไว้ไม่มีคนอยู่ แต่ก็ยังคงผ่อนปกติอยู่ โดยการซื้อชื่อเป็นชื่อ 3 คน คือ เรา พี่สาว และพี่เขย แต่การผ่อนเป็นลักษณะการหักบัญชีอัตโนมัติของเรา เนื่องจากเงินเดือนเข้าไทยพานิชย์ โดยยอดที่ชำระต่อเดือนอยู่ที่ 19,400 บาท /เดือน ผ่อนมา 7-8 ปีแล้ว จากยอดกู้ 2,800,000 ปัจจุบันเหลือยอดอยู่ที่ประมาณ 2,200,000 ซึ่งจริง ๆ ก่อนหน้า เราอยาก refinance เพื่อมาปิดหนี้ แต่เนื่องจากเรามีเรื่องการชำระช้าตอนที่เรามีปัญหาย้ายกลับกรุงเทพ ทำให้เรา refinance ไม่ได้ ซึ่งเราก็อดทนผ่อน กะว่า หากปิดหนี้กสิกรใบสุดท้าย จะ refinance เผื่อหายใจได้สะดวกขึ้น เพราะทุกวันนี้เหลือเงินประมาณเดือนละ หมื่นกว่าบาท
หลังจากทราบว่า บ้านโดนขายทอดตลาดไปแล้ว เราจึงพยายามติดต่อบังคับคดี จังหวัด เนื่องจากไม่ทราบว่า มีการขายทอดตลาดไปตั้งแต่เมื่อไหร่ และเราทำอย่างไรได้บ้าง เพราะ นี่เราก็เตรียมจะปิดหนี้อยู่แล้ว ซึ่งทางบังคับคดีบอกเราว่า ทำอะไรไม่ได้แล้ว เนื่องจากทางผู้ซื้อทรัพย์มีการวางเงิน ครบแล้ว ตามที่ประมูลไป (โดยประมูลไป 100,000 บาท พร้อมหนี้บ้านที่เหลืออยู่ของเรา) ให้เราไปติดต่อ คนที่ซื้อทรัพย์เอาเอง
>>>เราจึงติดต่อผู้ซื้อทรัพย์ ทางผุ้ซื้อทรัพย์ ตกลงขายคืนให้เรา โดยให้เรา จ่ายเงินให้เค้า 200,000 บาท ภายใน 30 วัน โดยให้เรามัดจำไป 20,000 จากนั้น เค้าจะทำหนังสือมอบอำนาจที่ดินไว้ให้ แต่เราต้องไปทำเรื่อง และจ่ายค่าโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินเองทั้งหมด ยอดอยู่ที่ประมาณ 270,000 บาท (ซึ่งมอบอำนาจจะหมดอายุเมื่อพี่เค้าเสียชีวิต ซึ่งปัจจุบัน พี่เค้าก็อายุค่อนข้างเยอะแล้ว และด้วยสถานการณ์โรคระบาดแบบนี้) ส่วนเรื่องยอดหนี้บ้านที่เหลืออยุ่ให้เราไปติดต่อไทยพานิชย์เอง ว่าเราสามารถที่จะ ขอให้สัญญาผ่อนต่อเนื่องได้เลยหรือไม่ โดยที่เราไม่ต้องหาเงิน 2.2 ล้านมาเพื่อปิดหนี้
>>> เราจึงติดต่อ ธนาคารไทยพานิชย์ เพื่อเจรจา โดยโทรเข้า call center ซึ่งก็มีเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับมา เป็นฝ่ายกฏหมายของไทยพานิชย์ แจ้งว่า 1. เราต้องไปหาคนมา refinance หรือปิดหนี้ 2.2 ล้าน และต้องทำสัญญาใหม่เท่านั้น ซึ่งเราก็แจ้งไปตามตรงว่า
1.1 เราไม่สามารถหาใครมากู้ได้ เนื่องจากพี่เขยเราเส้นเลือดหัวใจตีบฉับพลัน และเพิ่งผ่าตัดไป พี่สาวเราใช้บัตรเครดิตรูดไปยอดค่อนข้างสูง และคงไม่สามารถปิดบัตรได้
1.2 พี่สาวกับพี่เขย เพิ่งกู้ซื้อบ้านของตัวเองไปเมื่อ 3 ปีที่แล้ว จากรายได้ปัจจุบัน สถานการณ์แบบนี้ statement แค่ยอด 1 ล้านก็ไม่น่าจะกู้ผ่าน
จากเหตุผลข้างต้น เราจึงตัดใจว่า เราน่าจะต้องปล่อยวาง และยอมทิ้งบ้านหลังนี้ไป จึงสอบถามทางไทยพานิชย์ใหม่ว่า เนื่องจากปัจจุบันทรัพย์เป็นของผู้อื่นแล้ว เราสามารถขอพักชำระหนี้ โดยขอจ่ายเฉพาะ ดอกเบี้ยได้หรือไม่ เพราะเราเองก็ได้รับผลกระทบจากโควิด และเราเองก็อยากเริ่มต้นใหม่แล้ว ทางไทยพานิชย์สามารถช่วยเหลืออะไรเราบ้างได้หรือไม่
2. ไทยพานิชย์แจ้งเราว่า ไม่สามารถดำเนินการพักชำระหนี้ให้เราได้ และแนะนำให้เราทิ้งเงินมัดจำที่เราจ่ายให้ผุ้ซื้อทรัพย์ไป 20,000 ที่ไม่สามารถพักชำระให้ได้เนื่องจากทรัพย์เป็นชื่อผุ้อื่นแล้ว ตามคำสั่งบังคับคดี แต่เราเป็นลูกหนี้ติดจำนองไทยพานิชย์ เรามีหน้าที่ต้องชำระหนี้ หากเราไม่ชำระ ทางไทยพานิชย์จะส่งฟ้องเรา และคนที่กู้ร่วมกับเราทั้งหมด ?????? หากจะทำได้ต้องให้ผุ้ซื้อทรัพย์เราไปมาเซ็นต์ยินยอม ซึ่งทางไทยพานิชย์ช่วยคุยแล้ว ทางผุ้ซื้อทรัพย์ไม่ยอมมาเซ็นต์ จึงแนะนำให้เราทำเรื่องยกเลิกการหักเงินเดือน และไม่ต้องชำระ ปล่อยให้เป็นหนี้เสีย ไทยพานิชย์ส่งฟ้อง เรา พี่สาว พี่เขย จากนั้นค่อยไปเจรจาขอจ่ายเฉพาะดอกที่ศาล ?????? เพราะปัจจุบันเราติด Black List อยู่แล้ว ถ้าจะเป็นหนี้เสียเพิ่ม ก็ไม่ได้ส่งผลอะไร ????? แต่แค่พี่สาว กับพี่เขยของเรา จะติด Black list ไปด้วย แค่นั้น ?????
3. ตอนที่เราซื้อบ้าน เรามีทำประกันวงเงินกู้บ้านไว้ด้วย จึงปรึกษาเพิ่มเติมไปว่า เราสามารถยกเลิกได้หรือไม่ เพราะน่าจะเหลือเงินเวียนคืนนิดหน่อยพอให้เราได้เป็นทุนบ้าน (โทรสอบถามทาง call center แจ้งว่า หากเวียนคืนตอนนี้ เราจะได้เงินคือประมาณ 1 แสน) แต่หลังจากทำเรื่อง ทั้งทางฝ่ายกฏหมายและประกันไทยพานิชย์ FWD แจ้งเราว่า หากต้องการเวียนคืน ต้องมีเอกสารปิดหนี้ 2.2 ล้านแนบเท่านั้น จึงจะเวียนคืนเงินให้เราได้ แต่หากต้องการเวียนคืนเอาเงินมาจ่ายเงินต้นยอดหนี้ 2.2 ล้านสามารถทำได้ และเคยทำมา ????
ตอนนี้เราสับสนมาก ว่า เราที่เจตนาต้องการเริ่มต้นใหม่ และด้วยสถานการณ์แบบนี้ เราสามารถทำอะไรได้บ้างมั้ยคะ นอกจากต้องยอม ๆ ไปตามที่ไทยพานิชย์บอก ไทยพานิชย์บอกเราว่า นี่คือพยายามช่วยเหลือเรามากที่สุดแล้ว ???? และไม่เคยมีเคสแบบเรามาก่อน ????? หรือเราสามารถขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานใดได้บ้างคะ เพราะทางไทยพานิชย์บอกว่า เราต้องจ่ายไปเรื่อย ๆ อย่างน้อย 6 เดือน เพราะทางศาลเปิดโอกาสให้ผู้ซื้อทรัพย์ต้องมาดำเนินการกับธนาคารเจ้ของทรัพย์ภายใน 3 เดือน และสามารถทำเรื่องขอขยายระยะเวลาไปอีก 3 เดือนค่ะ
ขอขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ
รบกวนปรึกษา บ้านโดนขายทอดตลาด เราต้องชำระค่าบ้านอีกนานเท่าไหร่ สามารถขอชำระเฉพาะดอกเบี้ยได้มั้ยคะ
ขอท้าวความนิดนึงค่ะ ว่า บ้านหลังนี้เป็นทรัพย์ที่อยู่ต่างจังหวัดค่ะ ซื้อตอนที่ย้ายไปทำงานต่างจังหวัด และตอนนั้นบริษัทมีสวัสดิการค่าเช่าบ้านให้ แต่เนื่องจากแม่ไม่สบาย จึงต้องย้ายกลับมากรุงเทพ ฯ เพื่อดูแลคอยพาไปหาหมอ บ้านหลังนี้จึงปิดไว้ไม่มีคนอยู่ แต่ก็ยังคงผ่อนปกติอยู่ โดยการซื้อชื่อเป็นชื่อ 3 คน คือ เรา พี่สาว และพี่เขย แต่การผ่อนเป็นลักษณะการหักบัญชีอัตโนมัติของเรา เนื่องจากเงินเดือนเข้าไทยพานิชย์ โดยยอดที่ชำระต่อเดือนอยู่ที่ 19,400 บาท /เดือน ผ่อนมา 7-8 ปีแล้ว จากยอดกู้ 2,800,000 ปัจจุบันเหลือยอดอยู่ที่ประมาณ 2,200,000 ซึ่งจริง ๆ ก่อนหน้า เราอยาก refinance เพื่อมาปิดหนี้ แต่เนื่องจากเรามีเรื่องการชำระช้าตอนที่เรามีปัญหาย้ายกลับกรุงเทพ ทำให้เรา refinance ไม่ได้ ซึ่งเราก็อดทนผ่อน กะว่า หากปิดหนี้กสิกรใบสุดท้าย จะ refinance เผื่อหายใจได้สะดวกขึ้น เพราะทุกวันนี้เหลือเงินประมาณเดือนละ หมื่นกว่าบาท
หลังจากทราบว่า บ้านโดนขายทอดตลาดไปแล้ว เราจึงพยายามติดต่อบังคับคดี จังหวัด เนื่องจากไม่ทราบว่า มีการขายทอดตลาดไปตั้งแต่เมื่อไหร่ และเราทำอย่างไรได้บ้าง เพราะ นี่เราก็เตรียมจะปิดหนี้อยู่แล้ว ซึ่งทางบังคับคดีบอกเราว่า ทำอะไรไม่ได้แล้ว เนื่องจากทางผู้ซื้อทรัพย์มีการวางเงิน ครบแล้ว ตามที่ประมูลไป (โดยประมูลไป 100,000 บาท พร้อมหนี้บ้านที่เหลืออยู่ของเรา) ให้เราไปติดต่อ คนที่ซื้อทรัพย์เอาเอง
>>>เราจึงติดต่อผู้ซื้อทรัพย์ ทางผุ้ซื้อทรัพย์ ตกลงขายคืนให้เรา โดยให้เรา จ่ายเงินให้เค้า 200,000 บาท ภายใน 30 วัน โดยให้เรามัดจำไป 20,000 จากนั้น เค้าจะทำหนังสือมอบอำนาจที่ดินไว้ให้ แต่เราต้องไปทำเรื่อง และจ่ายค่าโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินเองทั้งหมด ยอดอยู่ที่ประมาณ 270,000 บาท (ซึ่งมอบอำนาจจะหมดอายุเมื่อพี่เค้าเสียชีวิต ซึ่งปัจจุบัน พี่เค้าก็อายุค่อนข้างเยอะแล้ว และด้วยสถานการณ์โรคระบาดแบบนี้) ส่วนเรื่องยอดหนี้บ้านที่เหลืออยุ่ให้เราไปติดต่อไทยพานิชย์เอง ว่าเราสามารถที่จะ ขอให้สัญญาผ่อนต่อเนื่องได้เลยหรือไม่ โดยที่เราไม่ต้องหาเงิน 2.2 ล้านมาเพื่อปิดหนี้
>>> เราจึงติดต่อ ธนาคารไทยพานิชย์ เพื่อเจรจา โดยโทรเข้า call center ซึ่งก็มีเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับมา เป็นฝ่ายกฏหมายของไทยพานิชย์ แจ้งว่า 1. เราต้องไปหาคนมา refinance หรือปิดหนี้ 2.2 ล้าน และต้องทำสัญญาใหม่เท่านั้น ซึ่งเราก็แจ้งไปตามตรงว่า
1.1 เราไม่สามารถหาใครมากู้ได้ เนื่องจากพี่เขยเราเส้นเลือดหัวใจตีบฉับพลัน และเพิ่งผ่าตัดไป พี่สาวเราใช้บัตรเครดิตรูดไปยอดค่อนข้างสูง และคงไม่สามารถปิดบัตรได้
1.2 พี่สาวกับพี่เขย เพิ่งกู้ซื้อบ้านของตัวเองไปเมื่อ 3 ปีที่แล้ว จากรายได้ปัจจุบัน สถานการณ์แบบนี้ statement แค่ยอด 1 ล้านก็ไม่น่าจะกู้ผ่าน
จากเหตุผลข้างต้น เราจึงตัดใจว่า เราน่าจะต้องปล่อยวาง และยอมทิ้งบ้านหลังนี้ไป จึงสอบถามทางไทยพานิชย์ใหม่ว่า เนื่องจากปัจจุบันทรัพย์เป็นของผู้อื่นแล้ว เราสามารถขอพักชำระหนี้ โดยขอจ่ายเฉพาะ ดอกเบี้ยได้หรือไม่ เพราะเราเองก็ได้รับผลกระทบจากโควิด และเราเองก็อยากเริ่มต้นใหม่แล้ว ทางไทยพานิชย์สามารถช่วยเหลืออะไรเราบ้างได้หรือไม่
2. ไทยพานิชย์แจ้งเราว่า ไม่สามารถดำเนินการพักชำระหนี้ให้เราได้ และแนะนำให้เราทิ้งเงินมัดจำที่เราจ่ายให้ผุ้ซื้อทรัพย์ไป 20,000 ที่ไม่สามารถพักชำระให้ได้เนื่องจากทรัพย์เป็นชื่อผุ้อื่นแล้ว ตามคำสั่งบังคับคดี แต่เราเป็นลูกหนี้ติดจำนองไทยพานิชย์ เรามีหน้าที่ต้องชำระหนี้ หากเราไม่ชำระ ทางไทยพานิชย์จะส่งฟ้องเรา และคนที่กู้ร่วมกับเราทั้งหมด ?????? หากจะทำได้ต้องให้ผุ้ซื้อทรัพย์เราไปมาเซ็นต์ยินยอม ซึ่งทางไทยพานิชย์ช่วยคุยแล้ว ทางผุ้ซื้อทรัพย์ไม่ยอมมาเซ็นต์ จึงแนะนำให้เราทำเรื่องยกเลิกการหักเงินเดือน และไม่ต้องชำระ ปล่อยให้เป็นหนี้เสีย ไทยพานิชย์ส่งฟ้อง เรา พี่สาว พี่เขย จากนั้นค่อยไปเจรจาขอจ่ายเฉพาะดอกที่ศาล ?????? เพราะปัจจุบันเราติด Black List อยู่แล้ว ถ้าจะเป็นหนี้เสียเพิ่ม ก็ไม่ได้ส่งผลอะไร ????? แต่แค่พี่สาว กับพี่เขยของเรา จะติด Black list ไปด้วย แค่นั้น ?????
3. ตอนที่เราซื้อบ้าน เรามีทำประกันวงเงินกู้บ้านไว้ด้วย จึงปรึกษาเพิ่มเติมไปว่า เราสามารถยกเลิกได้หรือไม่ เพราะน่าจะเหลือเงินเวียนคืนนิดหน่อยพอให้เราได้เป็นทุนบ้าน (โทรสอบถามทาง call center แจ้งว่า หากเวียนคืนตอนนี้ เราจะได้เงินคือประมาณ 1 แสน) แต่หลังจากทำเรื่อง ทั้งทางฝ่ายกฏหมายและประกันไทยพานิชย์ FWD แจ้งเราว่า หากต้องการเวียนคืน ต้องมีเอกสารปิดหนี้ 2.2 ล้านแนบเท่านั้น จึงจะเวียนคืนเงินให้เราได้ แต่หากต้องการเวียนคืนเอาเงินมาจ่ายเงินต้นยอดหนี้ 2.2 ล้านสามารถทำได้ และเคยทำมา ????
ตอนนี้เราสับสนมาก ว่า เราที่เจตนาต้องการเริ่มต้นใหม่ และด้วยสถานการณ์แบบนี้ เราสามารถทำอะไรได้บ้างมั้ยคะ นอกจากต้องยอม ๆ ไปตามที่ไทยพานิชย์บอก ไทยพานิชย์บอกเราว่า นี่คือพยายามช่วยเหลือเรามากที่สุดแล้ว ???? และไม่เคยมีเคสแบบเรามาก่อน ????? หรือเราสามารถขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานใดได้บ้างคะ เพราะทางไทยพานิชย์บอกว่า เราต้องจ่ายไปเรื่อย ๆ อย่างน้อย 6 เดือน เพราะทางศาลเปิดโอกาสให้ผู้ซื้อทรัพย์ต้องมาดำเนินการกับธนาคารเจ้ของทรัพย์ภายใน 3 เดือน และสามารถทำเรื่องขอขยายระยะเวลาไปอีก 3 เดือนค่ะ
ขอขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ