นิด้าโพล เผยผลสำรวจโควิดรอบ 3 คนกลัวโรค-ไม่พอใจการทำงาน รบ.มากขึ้น ร้อยละ 62 รอฉีดวัคซีนฟรีจากรัฐ
https://www.matichon.co.th/covid19/thai-covid19/news_2752101
เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “
นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “
COVID-19 รอบ 3” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 17-19 และ 27-28 พฤษภาคม 2564 จากประชาชนที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา และอาชีพทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,312 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 รอบ 3
การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “
นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่างด้วยวิธีแบบง่าย (Simple Random Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่นที่ร้อยละ 97.0
จากการสำรวจ เมื่อถามถึง
ความกลัวของประชาชนว่าจะติดเชื้อไวรัส COVID-19 จากการแพร่ระบาดในขณะนี้ พบว่า
ร้อยละ 32.09 ระบุว่า มีความกลัวมาก เพราะเชื้อไวรัส COVID-19 มีการแพร่กระจายอย่างรวดเร็วมาก จำนวนผู้ติดเชื้อมีเพิ่มมากขึ้นทุกวัน ผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคประจำตัวมีความเสี่ยงสูงที่จะติดเชื้อง่าย
ร้อยละ 37.96 ระบุว่า ค่อนข้างมีความกลัว เพราะผู้ติดเชื้อไวรัส COVID-19 มีจำนวนมากกว่ารอบที่แล้ว จำเป็นต้องเดินทางไปทำงานต้องเจอกับผู้คนจำนวนมาก และอยู่ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
ร้อยละ 17.00 ระบุว่า ไม่ค่อยมีความกลัว เพราะประชาชนส่วนใหญ่ดูแลและป้องกันตนเองดี ไม่ไปพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง และได้ทำการจองการฉีดวัคซีนเรียบร้อยแล้ว
และร้อยละ 12.95 ระบุว่า ไม่มีความกลัวเลย เพราะไม่ได้ออกไปไหนอยู่แต่ที่พักอาศัย ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 และประชาชนบางส่วนได้รับวัคซีนป้องกันแล้ว
และเมื่อเปรียบเทียบกับผลการสำรวจ COVID-19 รอบใหม่ เดือนกุมภาพันธ์ 2564 พบว่า
ผู้ที่ระบุว่าไม่ค่อยมีความกลัว และไม่มีความกลัวเลย มีสัดส่วนลดลง
ขณะที่ผู้ที่ระบุว่า มีความกลัวมาก มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น
ด้าน ความพึงพอใจของประชาชนต่อการดำเนินการของรัฐบาล ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน-พฤษภาคม 2564 ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 รอบ 3 พบว่า
ร้อยละ 12.20 ระบุว่า พอใจมาก เพราะรัฐบาลตั้งใจทำงานและดูแลประชาชนอย่างเต็มที่ และมีนโยบายที่ดีเพื่อช่วยเหลือประชาชน
ร้อยละ 33.31 ระบุว่า ค่อนข้างพอใจ เพราะเข้าใจในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ว่าเป็นทั่วโลก มีการจัดหาวัคซีนมาให้กับประชาชน และรัฐบาลพยายามทำงานเต็มที่แล้ว ร้อยละ 30.49 ระบุว่า ไม่ค่อยพอใจ เพราะมีมาตรการการป้องกันเชื้อไวรัส COVID-19 ที่ล่าช้า การสื่อสารกับประชาชนได้ไม่ดีทำให้ประชาชนส่วนมากยังไม่เข้าใจมาตรการต่างๆ และการจัดหาวัคซีนมีความล่าช้ามาก
ร้อยละ 22.56 ระบุว่า ไม่พอใจเลย เพราะการให้ข้อมูลไม่ครบถ้วนสร้างความสับสนให้กับประชาชน มาตรการการป้องกันไม่เข้มงวดเท่ากับรอบก่อน การบริหารจัดการวัคซีนมีความล่าช้า และไม่สามารถเลือกวัคซีนเองได้ และร้อยละ 1.44 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
และเมื่อเปรียบเทียบกับผลการสำรวจ COVID-19 รอบใหม่ เดือนกุมภาพันธ์ 2564 พบว่า ผู้ที่ระบุว่า พอใจมาก และค่อนข้างพอใจ มีสัดส่วนลดลง ซึ่งในขณะที่ผู้ที่ระบุว่า ไม่ค่อยพอใจ และไม่พอใจเลย มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น
สำหรับ การตัดสินใจของประชาชนเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัส COVID-19 พบว่า
ส่วนใหญ่ ร้อยละ 62.04 ระบุว่า จะรับบริการฉีดวัคซีนฟรีจากรัฐบาล
รองลงมา ร้อยละ 17.99 ระบุว่า จะไม่ฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัส COVID-19
ร้อยละ 15.93 ระบุว่า จะยอมเสียเงินเองในการฉีดวัคซีนตามโรงพยาบาลเอกชนที่ได้รับการอนุญาตจากรัฐ
ร้อยละ 3.73 ระบุว่า ยังไม่ตัดสินใจ
และร้อยละ 0.31 ระบุว่า จะไปฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัส COVID-19 ในต่างประเทศ
และเมื่อเปรียบเทียบกับผลการสำรวจ COVID-19 รอบใหม่ เดือนกุมภาพันธ์ 2564 พบว่า
ผู้ที่ระบุว่า จะรับบริการฉีดวัคซีนฟรีจากรัฐบาล และจะไม่ฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัส COVID-19 มีสัดส่วนลดลง
ซึ่งในขณะที่ผู้ที่ระบุว่า จะยอมเสียเงินเอง ในการฉีดวัคซีนตามโรงพยาบาลเอกชนที่ได้รับการอนุญาตจากรัฐ มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น
ท้ายที่สุด เมื่อถามถึงยี่ห้อวัคซีนที่ประชาชนต้องการหากต้องฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัส COVID-19 พบว่า
ส่วนใหญ่ ร้อยละ 30.71 ระบุว่า ยังไม่ตัดสินใจ
รองลงมา ร้อยละ 20.58 ระบุว่า แอสตร้าเซนเนก้า
ร้อยละ 19.05 ระบุว่า ซิโนแวค
ร้อยละ 14.56 ระบุว่า ไฟเซอร์
ร้อยละ 4.57 ระบุว่า โมเดอร์นา
ร้อยละ 3.13 ระบุว่า จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ร้อยละ 0.46 ระบุว่า สปุตนิก วี
และร้อยละ 6.94 ระบุว่า ยังไงก็จะไม่ฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัส COVID-19
'สุทิน' พอใจภาพรวมอภิปรายงบฯ65 ย้ำจุดยืนฝ่ายค้านคว่ำร่าง
https://www.dailynews.co.th/politics/846985
“สุทิน” พอใจภาพรวมอภิปรายงบฯ65 ย้ำจุดยืนฝ่ายค้านคว่ำร่าง ซัด “อาคม” จำนนรับจนมุมเก็บรายได้ลด-กู้เต็มเพดาน ดักคอรบ.อย่าใช้วิธีซิกแซกแต่งบัญชีแอบกู้ข้างนอกผ่านพ.ร.ก.กู้เงิน
เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. ที่รัฐสภา นาย
สุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงภาพรวมการประชุมสภาฯเมื่อวานนี้ (31 พ.ค.) เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 วงเงิน 3.1 ล้านล้านบาทวาระแรกว่า พรรคฝ่ายค้านใช้อภิปรายใช้เวลาตามสัดส่วนที่วางแผนไว้ 7 ชั่วโมง ตามที่คาดการณ์ไว้ 3 วันเฉลี่ยวันละ 7 ชั่วโมง เนื่องจากฝ่ายค้านมีเวลาอภิปรายทั้งหมด 22 ชั่วโมง เบื้องต้นพอใจในเนื้อหาสาระภาพรวมของฝ่ายค้านทั้งหมดและไม่มีอะไรซับซ้อน เห็นภาพชัดว่ารัฐบาลประเมินสถานการณ์ผิดพลาดทั้งเรื่องเศรษฐกิจและวิกฤติโควิด-19 ขณะเดียวกัน ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่ไม่มีการประท้วงหรือไม่มีการขัดจังหวะ ทุกฝ่ายทำงานด้วยความราบรื่นใช้เวลาอย่างมีคุณค่าและ มั่นใจว่าวันสุดท้ายบรรยากาศจะเป็นไปด้วยดี
นาย
สุทิน กล่าวว่า วันนี้พรรคฝ่ายค้านจะพุ่งเป้าอภิปรายในกระทรวงสาธารณสุข โดยนพ.
ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส. น่าน พรรคเพื่อไทย และกระทรวงกลาโหมโดยนาย
ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส. มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ยืนยันว่าสมาชิกพรรคร่วมฝ่านค้านทุกคนเตรียมตัวมาอย่างดี ส่วนการอภิปรายของ
พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมนั้น ถือว่าเป็นการจำนน ไม่ได้ชี้แจงอะไรโยนให้รัฐมนตรีตอบแทน อ่านเพียงเนื้อหาในญัตติ ซึ่งนาย
อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง ยอมรับว่า การจัดงบประมาณครั้งนี้จนมุม คือ รัฐจัดเก็บรายได้ลดลง กู้เงินไม่ได้แล้วเพราะเกินเพดาน แต่ที่ไม่ยอมรับคือ การลดงบผิดที่ผิดทาง ซึ่งฝ่ายค้านเห็นถึงสัญญาณอันตราย ยืนยันว่า ไม่รับร่างพ.ร.บ.งบประมาณฉบับดังกล่าว พร้อมทั้งมองว่า อย่าใช้วิธีซิกแซกแต่งบัญชีแอบมากู้ข้างนอกผ่านพ.ร.ก.เงินกู้ 5 แสนล้านบาท เพราะเป็นวิธีที่ผิดไม่ผ่านการตรวจสอบตั้งแต่ต้น ย้ำว่าเราจะไม่ยอมขอถามว่าเหตุใดไม่ออกเป็นพ.ร.บ.เพื่อให้สภาพิจารณาตามขั้นตอน หากแบบนี้เสียหายเป็นช่องโห่วช่องว่างมาก.
JJNY : นิด้าโพลเผยร้อยละ62รอวัคซีนฟรี│สุทินพอใจภาพรวมอภิปรายงบฯ65│ศบค.ตราดแนะแต่งชุดนร.เรียนออนไลน์│ธปท.เล็งปรับเป้าศก.
https://www.matichon.co.th/covid19/thai-covid19/news_2752101
เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “COVID-19 รอบ 3” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 17-19 และ 27-28 พฤษภาคม 2564 จากประชาชนที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา และอาชีพทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,312 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 รอบ 3
การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่างด้วยวิธีแบบง่าย (Simple Random Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่นที่ร้อยละ 97.0
จากการสำรวจ เมื่อถามถึงความกลัวของประชาชนว่าจะติดเชื้อไวรัส COVID-19 จากการแพร่ระบาดในขณะนี้ พบว่า
ร้อยละ 32.09 ระบุว่า มีความกลัวมาก เพราะเชื้อไวรัส COVID-19 มีการแพร่กระจายอย่างรวดเร็วมาก จำนวนผู้ติดเชื้อมีเพิ่มมากขึ้นทุกวัน ผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคประจำตัวมีความเสี่ยงสูงที่จะติดเชื้อง่าย
ร้อยละ 37.96 ระบุว่า ค่อนข้างมีความกลัว เพราะผู้ติดเชื้อไวรัส COVID-19 มีจำนวนมากกว่ารอบที่แล้ว จำเป็นต้องเดินทางไปทำงานต้องเจอกับผู้คนจำนวนมาก และอยู่ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
ร้อยละ 17.00 ระบุว่า ไม่ค่อยมีความกลัว เพราะประชาชนส่วนใหญ่ดูแลและป้องกันตนเองดี ไม่ไปพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง และได้ทำการจองการฉีดวัคซีนเรียบร้อยแล้ว
และร้อยละ 12.95 ระบุว่า ไม่มีความกลัวเลย เพราะไม่ได้ออกไปไหนอยู่แต่ที่พักอาศัย ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 และประชาชนบางส่วนได้รับวัคซีนป้องกันแล้ว
และเมื่อเปรียบเทียบกับผลการสำรวจ COVID-19 รอบใหม่ เดือนกุมภาพันธ์ 2564 พบว่า
ผู้ที่ระบุว่าไม่ค่อยมีความกลัว และไม่มีความกลัวเลย มีสัดส่วนลดลง
ขณะที่ผู้ที่ระบุว่า มีความกลัวมาก มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น
ด้าน ความพึงพอใจของประชาชนต่อการดำเนินการของรัฐบาล ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน-พฤษภาคม 2564 ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 รอบ 3 พบว่า
ร้อยละ 12.20 ระบุว่า พอใจมาก เพราะรัฐบาลตั้งใจทำงานและดูแลประชาชนอย่างเต็มที่ และมีนโยบายที่ดีเพื่อช่วยเหลือประชาชน
ร้อยละ 33.31 ระบุว่า ค่อนข้างพอใจ เพราะเข้าใจในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ว่าเป็นทั่วโลก มีการจัดหาวัคซีนมาให้กับประชาชน และรัฐบาลพยายามทำงานเต็มที่แล้ว ร้อยละ 30.49 ระบุว่า ไม่ค่อยพอใจ เพราะมีมาตรการการป้องกันเชื้อไวรัส COVID-19 ที่ล่าช้า การสื่อสารกับประชาชนได้ไม่ดีทำให้ประชาชนส่วนมากยังไม่เข้าใจมาตรการต่างๆ และการจัดหาวัคซีนมีความล่าช้ามาก
ร้อยละ 22.56 ระบุว่า ไม่พอใจเลย เพราะการให้ข้อมูลไม่ครบถ้วนสร้างความสับสนให้กับประชาชน มาตรการการป้องกันไม่เข้มงวดเท่ากับรอบก่อน การบริหารจัดการวัคซีนมีความล่าช้า และไม่สามารถเลือกวัคซีนเองได้ และร้อยละ 1.44 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
และเมื่อเปรียบเทียบกับผลการสำรวจ COVID-19 รอบใหม่ เดือนกุมภาพันธ์ 2564 พบว่า ผู้ที่ระบุว่า พอใจมาก และค่อนข้างพอใจ มีสัดส่วนลดลง ซึ่งในขณะที่ผู้ที่ระบุว่า ไม่ค่อยพอใจ และไม่พอใจเลย มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น
สำหรับ การตัดสินใจของประชาชนเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัส COVID-19 พบว่า
ส่วนใหญ่ ร้อยละ 62.04 ระบุว่า จะรับบริการฉีดวัคซีนฟรีจากรัฐบาล
รองลงมา ร้อยละ 17.99 ระบุว่า จะไม่ฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัส COVID-19
ร้อยละ 15.93 ระบุว่า จะยอมเสียเงินเองในการฉีดวัคซีนตามโรงพยาบาลเอกชนที่ได้รับการอนุญาตจากรัฐ
ร้อยละ 3.73 ระบุว่า ยังไม่ตัดสินใจ
และร้อยละ 0.31 ระบุว่า จะไปฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัส COVID-19 ในต่างประเทศ
และเมื่อเปรียบเทียบกับผลการสำรวจ COVID-19 รอบใหม่ เดือนกุมภาพันธ์ 2564 พบว่า
ผู้ที่ระบุว่า จะรับบริการฉีดวัคซีนฟรีจากรัฐบาล และจะไม่ฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัส COVID-19 มีสัดส่วนลดลง
ซึ่งในขณะที่ผู้ที่ระบุว่า จะยอมเสียเงินเอง ในการฉีดวัคซีนตามโรงพยาบาลเอกชนที่ได้รับการอนุญาตจากรัฐ มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น
ท้ายที่สุด เมื่อถามถึงยี่ห้อวัคซีนที่ประชาชนต้องการหากต้องฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัส COVID-19 พบว่า
ส่วนใหญ่ ร้อยละ 30.71 ระบุว่า ยังไม่ตัดสินใจ
รองลงมา ร้อยละ 20.58 ระบุว่า แอสตร้าเซนเนก้า
ร้อยละ 19.05 ระบุว่า ซิโนแวค
ร้อยละ 14.56 ระบุว่า ไฟเซอร์
ร้อยละ 4.57 ระบุว่า โมเดอร์นา
ร้อยละ 3.13 ระบุว่า จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ร้อยละ 0.46 ระบุว่า สปุตนิก วี
และร้อยละ 6.94 ระบุว่า ยังไงก็จะไม่ฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัส COVID-19
'สุทิน' พอใจภาพรวมอภิปรายงบฯ65 ย้ำจุดยืนฝ่ายค้านคว่ำร่าง
https://www.dailynews.co.th/politics/846985
“สุทิน” พอใจภาพรวมอภิปรายงบฯ65 ย้ำจุดยืนฝ่ายค้านคว่ำร่าง ซัด “อาคม” จำนนรับจนมุมเก็บรายได้ลด-กู้เต็มเพดาน ดักคอรบ.อย่าใช้วิธีซิกแซกแต่งบัญชีแอบกู้ข้างนอกผ่านพ.ร.ก.กู้เงิน
เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. ที่รัฐสภา นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงภาพรวมการประชุมสภาฯเมื่อวานนี้ (31 พ.ค.) เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 วงเงิน 3.1 ล้านล้านบาทวาระแรกว่า พรรคฝ่ายค้านใช้อภิปรายใช้เวลาตามสัดส่วนที่วางแผนไว้ 7 ชั่วโมง ตามที่คาดการณ์ไว้ 3 วันเฉลี่ยวันละ 7 ชั่วโมง เนื่องจากฝ่ายค้านมีเวลาอภิปรายทั้งหมด 22 ชั่วโมง เบื้องต้นพอใจในเนื้อหาสาระภาพรวมของฝ่ายค้านทั้งหมดและไม่มีอะไรซับซ้อน เห็นภาพชัดว่ารัฐบาลประเมินสถานการณ์ผิดพลาดทั้งเรื่องเศรษฐกิจและวิกฤติโควิด-19 ขณะเดียวกัน ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่ไม่มีการประท้วงหรือไม่มีการขัดจังหวะ ทุกฝ่ายทำงานด้วยความราบรื่นใช้เวลาอย่างมีคุณค่าและ มั่นใจว่าวันสุดท้ายบรรยากาศจะเป็นไปด้วยดี
นายสุทิน กล่าวว่า วันนี้พรรคฝ่ายค้านจะพุ่งเป้าอภิปรายในกระทรวงสาธารณสุข โดยนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส. น่าน พรรคเพื่อไทย และกระทรวงกลาโหมโดยนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส. มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ยืนยันว่าสมาชิกพรรคร่วมฝ่านค้านทุกคนเตรียมตัวมาอย่างดี ส่วนการอภิปรายของ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมนั้น ถือว่าเป็นการจำนน ไม่ได้ชี้แจงอะไรโยนให้รัฐมนตรีตอบแทน อ่านเพียงเนื้อหาในญัตติ ซึ่งนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง ยอมรับว่า การจัดงบประมาณครั้งนี้จนมุม คือ รัฐจัดเก็บรายได้ลดลง กู้เงินไม่ได้แล้วเพราะเกินเพดาน แต่ที่ไม่ยอมรับคือ การลดงบผิดที่ผิดทาง ซึ่งฝ่ายค้านเห็นถึงสัญญาณอันตราย ยืนยันว่า ไม่รับร่างพ.ร.บ.งบประมาณฉบับดังกล่าว พร้อมทั้งมองว่า อย่าใช้วิธีซิกแซกแต่งบัญชีแอบมากู้ข้างนอกผ่านพ.ร.ก.เงินกู้ 5 แสนล้านบาท เพราะเป็นวิธีที่ผิดไม่ผ่านการตรวจสอบตั้งแต่ต้น ย้ำว่าเราจะไม่ยอมขอถามว่าเหตุใดไม่ออกเป็นพ.ร.บ.เพื่อให้สภาพิจารณาตามขั้นตอน หากแบบนี้เสียหายเป็นช่องโห่วช่องว่างมาก.