เคลียร์ทุกข้อสงสัย เหตุใดตัวแทนของ “ลูกค้า” 317 ห้อง ถึงต้องกราบ วิงวอน บมจ.ศุภาลัย นานเกือบ 3 ชั่วโมง!!!!

หมายเหตุ - ภาคต่อจาก https://pantip.com/topic/40692913
 Big surprise!! ศุภาลัยสร้างคอนโด high rise Supalai Loft ระยะประชิด ติด Supalai Veranda สถานีภาษีเจริญ เจ้าของร่วมรู้ยัง?




จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 29/05/64 ที่ตัวแทนและกลุ่มลูกค้าศุภาลัยเวอเรนด้า สถานีภาษีเจริญ จำนวน 20 คน ได้รวมตัวกันเข้าไปยื่นจดหมายตอบกลับมาตรการเยียวยาที่ บมจ.ศุภาลัย ออกมาเมื่อวันที่ 25/05/64 https://drive.google.com/file/d/1VFZ1hAaq8UuQtvNTfPv0wQ99Iy0mxmO7/view?usp=drivesdk
และได้มีการ Live สด ผ่าน เพจ 2 เพจ สามารถดูเหตุการณ์ย้อนหลัง 3 link ด้านล่างค่ะ
https://fb.watch/5NqsDPozXZ
https://fb.watch/5NvtsP6toi
https://fb.watch/5NqEz_GU0Q/
 
หลังจากนั้น พบว่ามีสื่อโซเชียลต่างๆ ได้นำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ ไปเขียนเป็นข่าว ซึ่งอาจส่งผลทำให้ผู้อ่านหรือผู้ที่ติดตามข่าวเกิดความเข้าใจผิด หรือเกิดความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องครบถ้วน ทางทีมงานจึงขอสรุปประเด็นต่างๆ ที่เกิดขึ้นดังนี้


เหตุใด ทำไมต้องกราบ?
การกราบเกิดขึ้น 
เพราะที่ผ่านมาทางฝ่ายเราได้พยายามประสานงานพูดคุยและเจรจากับศุภาลัยตามกระบวนการอย่างที่ควรจะเป็นมาโดยตลอด 
นับตั้งแต่การเข้าสอบถามที่สำนักงานขายโครงการเป็นรายบุคคลตั้งแต่กลางเดือน มีนาคม 2564 ไปจนถึงการยื่นหนังสือสอบถามมาตรการเยียวยาชดเชยเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2564 และการประชุมผ่าน ZOOM เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2564 ทางกลุ่มได้ยื่นข้อเสนอมาตรการเยียวยาให้ศุภาลัย ทั้งหมด 6 ข้อ 


และทางศุภาลัยใช้เวลา 1 เดือนในการพิจารณาจนออกมาเป็นหนังสือที่ศุภาลัยส่งตอบกลับมาเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2564 เวลา 17.01 น. ผ่านทางอีเมล์กลางของกลุ่มฯ
https://drive.google.com/file/d/1VFZ1hAaq8UuQtvNTfPv0wQ99Iy0mxmO7/view?usp=drivesdk

ซึ่งมาตรการที่ออกมา ยังคงไม่สมเหตุสมผลและไม่มีความยุติธรรมต่อลูกค้า โดยที่ผ่านมาเราพยายามสื่อสารไปยังศุภาลัยทุกช่องทางเท่าที่ทำได้ว่า ขอให้ออกมาตรการเยียวยาชดเชยที่สมเหตุสมผลและยุติธรรมมาตลอดทุกครั้ง แต่ก็ได้รับการตอบรับจากศุภาลัยน้อยมาก อีกทั้งทางศุภาลัยยังยืนยันผ่านทางทุกช่องทางว่ามาตรการเยียวยาชดเชยของศุภาลัยที่ออกมาเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2564 นี้เป็นมาตรการที่ทางศุภาลัยพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนดีแล้ว และจะไม่มีมาตรการใดๆ เพิ่มเติมอีก ซึ่งเห็นได้ชัดว่ามาตรการนั้นเป็นที่สิ้นสุดแล้ว ทางทีมงานจึงพิจารณาแล้วว่าไม่เหลือวิธีการอื่นใดในการเจรจาอีกนอกจากการกราบวิงวอนขอให้ทางศุภาลัยพิจารณาข้อเสนอของทางกลุ่มอีกครั้ง ตามจดหมายเปิดผนึกฉบับที่ 2 ตอบกลับมาตรการเยียวยาฯ ของศุภาลัยที่เราได้ยื่นไปในเหตุการณ์เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2564 โดยมีรายชื่อแนบท้ายลูกค้าจำนวน 317 ห้อง จาก 1810 ห้อง คิดเป็น 17.51% ของจำนวนห้องทั้งหมด


1. ในวันที่ 29/05/64 ตัวแทนและลูกค้า มีการรวมตัวกันประมาณ 20 ท่าน เพื่อยื่นจดหมาย มอบพวงมาลัย และดอกไม้ให้แก่ทาง ตัวแทนของ บมจ.ศุภาลัย ที่สำนักงานขาย ซึ่งวันนั้นโชคดีมาก มีพนักงานของ ศุภาลัย สำนักงานใหญ่ เดินทางมาที่สำนักงานขายด้วยถึง 4 คน ซึ่งปกติไม่เคยมีพนักงานของของ ศุภาลัย สำนักงานใหญ่ มาอยู่ที่สำนักงานขายแบบนี้มาก่อน สิ่งที่เกิดขึ้นคือ พนักงานของ ศุภาลัย เชิญให้กลุ่มลูกค้า หรือตัวแทน เข้าไปยื่นจดหมายในสำนักงานขาย แต่ด้วยความกังวลในสถานะการณ์โควิทที่กำลังระบาดอยู่ในขณะนี้ ทางกลุ่มลูกค้าจึงขอเชิญให้ทาง พนักงานของบมจ.ศุภาลัย ออกมารับจดหมายที่หน้าประตู Sales Office แทน แต่ได้รับการปฏิเสธ กลุ่มลูกค้าได้ยืนรออยู่ประมาณ 5 นาทีก็ยังคงไม่มีพนักงานของ บมจ. ศุภาลัย เดินออกมาจากประตู สำนักงานขายโครงการ


2. ผ่านไป 5 นาที ตัวแทนกลุ่มลูกค้าจึงเริ่มอ่านจดหมายตอบกลับมาตรการเยียวยา ขณะที่อ่านจดหมาย ก็ยังไม่มีพนักงานของ บมจ.ศุภาลัย ท่านไหน ให้เกียรติลูกค้า ออกมารับฟัง หากแต่ยืนยันที่จะอยู่ภายในสำนักงานขาย และเมื่อตัวแทนอ่านจดหมายเสร็จ จึงได้คุกเข่าลงเพื่อเตรียมยื่นหนังสือตอบกลับให้ โดยตัวแทนกลุ่มกล่าวว่า “ทางเราขอวิงวอนให้ศุภาลัยตอบสนองต่อมาตรการเยียวยาชดเชยที่สมเหตุสมผลและยุติธรรมกับพวกเรา”  ก่อนที่จะก้มลงกราบวิงวอนต่อศุภาลัยตามที่ได้กล่าวถึงไว้ข้างต้นแล้ว โดยร้องขอให้ พนักงานของ บมจ.ศุภาลัย ออกมารับจดหมาย แต่ก็ยังคงไม่ได้รับการตอบรับใดๆ ทางตัวแทนจึงก้มลงกราบ 


3. พนักงานของ บมจ.ศุภาลัย ต้องการให้ทางลูกค้าเข้าไปยื่นจดหมายข้างในสำนักงานขายเท่านั้นโดยอ้างถึงความกังวล
ที่จะเกิดวุ่นวายจากลูกค้าของตัวเอง


4. พนักงานของ บมจ.ศุภาลัย ได้มีการใช้เครื่องขยายเสียงในการอ่านจดหมายมาตรการป้องกัน และเยียวยาฯ ซึ่งทาง บมจ. ศุภาลัย ได้ส่งให้ทางกลุ่มฯ และลูกค้าทั้งหมดแล้วตั้งแต่วันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ.2564 ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น เพราะเนื้อหาและสาระสำคัญทั้งหมดในจดหมายดังกล่าวนั้น ทางกลุ่มฯและลูกค้าที่เป็นสมาชิกกลุ่มฯ ได้รับทราบและมีความเข้าใจตรงกันแล้ว และไม่เห็นด้วย จึงได้ลงมติกลุ่มฯ และออกเป็นหนังสือตอบกลับมาตรการเยียวยาฯ ที่ทางกลุ่มตั้งใจจะนำไปยื่นให้ พร้อมการกราบวิงวอนอยู่แล้ว หากแต่ทางพนักงานของศุภาลัยก็ยังคงดึงดันที่จะนำมาอ่านอีกครั้งจนจบ และยังคงยืนยันเรียกร้องให้ลูกค้าส่งตัวแทนเข้าไปยื่นหนังสือภายในสำนักงานขาย


5. ทางศุภาลัยแจ้งว่ายินดีจะออกมารับจดหมายหากทางลูกค้าส่งมอบหนังสือด้วยวิธีการปกติ 
ภายหลังจากการเจรจาที่ยืดเยื้อของทั้งสองฝ่าย จนในที่สุดทางตัวแทนกลุ่มฯ ได้ยกเลิกการหมอบกราบเปลี่ยนมานั่งรอเพื่อให้ทางศุภาลัยออกมารับจดหมายได้ตามที่แจ้ง แต่ก็ยังคงไม่ได้รับการตอบสนองใดๆ จากทางศุภาลัยจนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเข้าไปเกลี่ยกล่อมอยู่นาน และเมื่อทางกลุ่มตัวแทนลูกค้าลุกขึ้นยืนตามคำเรียกร้องของทางพนักงานของศุภาลัย ทางศุภาลัยกลับเปลี่ยนคำพูดให้ทางลูกค้าเข้าไปยื่นจดหมายภายในสำนักงานขายอีกครั้ง ทางลูกค้าจึงไม่ยินยอม เนื่องจากได้ทำตามคำเรียกร้องให้ส่งมอบหนังสือด้วยวิธีปกติแล้ว
ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงต้องกลับเข้าไปเจรเจากับฝ่ายศุภาลัยอีกครั้ง จนฝ่ายศุภาลัยยินยอมออกมารับเอกสารที่ปากประตูสำนักงานขายในท้ายที่สุด 
สิริรวมพฤติกรรมเพิกเฉยของทางศุภาลัยในวันนี้เป็นเวลาประมาณ 3 ชั่วโมง 30 นาที


เหตุใดลูกค้าจึงมองว่า “มาตรการเยียวยา” ที่ทาง บมจ.ศุภาลัย ออกมาเมื่อวันที่ 24/05/64 นั้น “ไม่สมเหตุสมผลและไม่มีความยุติธรรม” ?
https://drive.google.com/file/d/1VFZ1hAaq8UuQtvNTfPv0wQ99Iy0mxmO7/view?usp=drivesdk

1. มาตรการเยียวยาที่แจ้งมานั้น (อ้างอิง กรณีที่ 1 สำหรับลูกค้าโครงการศุภาลัย เวอเรนด้า สถานีภาษีเจริญทั้งหมดในโครงการ จำนวน 7 ข้อ หน้า 1-4 ในจดหมายของ บมจ.ศุภาลัย) มีเพียงข้อที่ 1 และ ข้อที่ 7 เท่านั้น ที่ถือเป็นมาตรการเยียวยาจากทาง บมจ.ศุภาลัย และเป็น 1 ใน 6 ข้อเรียกร้องที่ทางกลุ่มลูกค้า ได้ยื่นข้อเสนอไป เมื่อวันที่ 23/04/64 ซึ่ง กลุ่มลูกค้าต้องขอบคุณ ทางผู้บริหาร บมจ.ศุภาลัย ที่ตอบรับข้อเสนอมาตรการเยียวยาในเรื่องของการขยายระยะเวลาในการรับประกันตึก และ รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการดูแลสระว่ายน้ำ และส่วนกลางอื่นๆ ที่ระบุมาในจดหมาย แต่!!! “มาตรการ ข้อที่ 2-6 นั้น ไม่สามารถเรียกว่าเป็นมาตรการเยียวยาได้” เนื่องจากเป็นสิ่งที่ทาง บมจ.ศุภาลัย จะต้องกระทำอยู่แล้วตามกฏหมาย  EIA หากจะสร้างโครงการศุภาลัย ลอฟท์ สถานีภาษีเจริญ


2. มาตรการให้ย้ายตำแหน่งห้องชุด หรือยกเลิกสัญญาจะซื้อจะขายห้องชุด (อ้างอิง กรณีที่ 2 สำหรับลูกค้าโครงการศุภาลัย เวอเรนด้า สถานีภาษีเจริญที่มีห้องชุดอยู่ในโซนที่กำหนด ตามรายละเอียด ในเอกสารแนบท้าย จำนวน 367 ห้อง จาก 1,800 ห้อง)  

ข้อนี้บอกเลยว่า เฉพาะห้องชุดที่ทาง บมจ.ศุภาลัย กำหนดมาแล้ว ว่าเป็น “ห้องชุดที่ได้รับผลกระทบโดยตรง” เท่านั้นที่สามารถได้รับมาตรการเยียวยาข้อนี้ได้ จึงเกิดเป็นคำถามว่าทาง บมจ.ศุภาลัย เอาอะไรมาเป็นตัวชี้วัดว่าห้องไหนได้รับผลกระทบ หรือไม่ได้รับผลกระทบ? เพราะเสียงจากการก่อสร้างสามารถดังไปไกลถึงโครงการข้างเคียงได้ ตามคำบอกเล่าของลูกบ้านในโครงการข้างเคียง เมื่อวันประชุม EIA ครั้งที่ 1 วันที่ 24/04/64  นั่นหมายความว่า การก่อสร้างโครงการศุภาลัยลอฟท์ สถานีภาษีเจริญ ทุกห้องในโครงการเวอเรนด้า สถานีภาษีเจริญ จะได้รับผลกระทบจากปัญหาด้านเสียง ฝุ่น แรงสั่นสะเทือนอย่างแน่นอนด้วยระยะที่ใกล้กันขนาดนี้ แล้วเหตุใด? ห้องชุดในโซนอื่นๆ ถึงไม่ได้รับ มาตรการเยียวยาในข้อนี้

2.1 มาตรการการเปลี่ยนห้อง (อ้างอิง กรณีที่ 2 ข้อ 1-2 หน้า 4 ในจดหมายของ บมจ.ศุภาลัย) เรื่องการเปลี่ยนห้องมีมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ลูกค้าของ บมจ.ศุภาลัยสามารถเปลี่ยนห้องได้ และการเปลี่ยนห้องจะต้องใช้โปรโมชั่นและราคาปัจจุบัน จึง “ไม่ใช่การเยียวยาแต่อย่างใด” เป็นเพียงการใส่ข้อมูลเพิ่มเข้ามาให้ดูเหมือนเป็นสิ่งที่คิดขึ้นมาเพื่อให้การเยียวยาลูกค้าเท่านั้น 

2.2 มาตรการยกเลิกสัญญาจะซื้อจะขายห้องชุด (อ้างอิงกรณีที่ 2 ข้อ 3 หน้า 4 ในจดหมายของ บมจ.ศุภาลัย) “ทางบมจ.ศุภาลัยจะพิจารณาคืนเงินที่ลูกค้าที่ชำระมาแล้วทั้งหมดเท่านั้น” นับว่าเป็นมาตรการเยียวยาที่ไม่ยุติธรรมต่อลูกค้าเลย เนื่องจากลูกค้าที่มาซื้อห้องชุดไว้นั้น ล้วนมีความตั้งใจที่จะโอนกรรมสิทธิ์อยู่แล้วหากไม่ได้รับผลกระทบจากการสร้างโครงการศุภาลัยลอฟท์ สถานีภาษีเจริญ และหากจะต้องยกเลิกสัญญาด้วยเหตุผลเช่นนี้ ลูกค้าสมควรได้รับเงินชดเชยค่าเสียเวลา เนื่องจากทาง บมจ. ศุภาลัย ได้เอาเงินดาวน์ของลูกค้าไปใช้หมุนเวียนในธุรกิจเป็นเวลานานถึง 4 ปี (ตั้งแต่ปี 2560-2564)


ในส่วนของคำกล่าวอ้างที่ว่า หากเป็นเจ้าอื่นมาทำโครงการในที่ดินแปลงเดียวกันนี้ เขาสามารถออกแบบโครงการให้ได้รับผลกระทบต่อโครงการเวอเรนด้าได้มากกว่านี้โดยที่ไม่สามารถเรียกร้องการเยียวยาหรือชดเชยใดๆ ได้เลยนั้น ก็เป็นคำกล่าวอ้างที่ไม่ถูกต้องนัก
เนื่องจากในการขออนุญาตก่อสร้างอาคารสูงใดๆ นั้นจะต้องผ่านกระบวนการสอบถามความคิดเห็นและ
การประเมินผลกระทบต่อพื้นที่โดยรอบ (เรียกว่า กระบวนการ EIA) ซึ่งหากฝ่ายที่ได้รับผลกระทบยังคงไม่ได้รับการเยียวยาชดเชยนั้นก็สามารถที่จะเรียกร้องได้โดยไม่ได้เกี่ยวข้องว่าใครจะมาทำโครงการดังกล่าวทั้งสิ้น

(มีต่อด้านล่าง...)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่