กำลังจะเลิกกับแฟน.. แต่ของเกือบทุกอย่างอยู่กับแฟน เนื่องจากโควิดที่ผ่านมาทำไห้ต้องย้าย เพราะไม่อยากจ่ายค่าบ้านเพิ่ม!

ยาวหน่อย รบกวนช่วยอ่านสักนิดน๊าาา

ใช้คำพูด หรือ ผิดตรงไหน ขออภัย ณ ตรงนี้!

เริ่มเล่าก่อนนะค่ะ คือเรากับแฟนเจอกันที่ทำงาน หลังจากคุยๆ กันมาสักพัก เราก็เริ่มคุยกันว่าจะย้ายมาอยู่ด้วยกัน หลังจากที่ย้ายมาอยู่ด้วยกันก็ปกติดีทุกอย่างนะคะ อาจมีทะเลาะกันบ้างตามประสาแฟนกัน แต่ก็ดีกันตลอด ระยะเวลาที่คบกันก็ 2 ปีกว่า จะเข้าปีที่ 3 ค่ะ

เรื่องมันเกิดตอนโควิด-19 เริ่มระบาดหนักนะคะ ที่ทำงานต้องทำการเลิกจ้าง ซึ้งตอนนั้นค่าใช้จ่ายเราสองคนมันเยอะคะ ค่าบ้าน ค่าบัตร ค่ารถ ค่ากินค่าอยู่ ตอนนั้นเงินเดือนเราก็ไม่แย่นะคะ 10,000+ ประมาณนี้ค่ะ แต่แฟนไม่ได้ทำงานแล้ว ณ ตอนนั้น เราเริ่มมาปรึกษากันว่าจะเอาไง ตอนแรกก็สู้นะคะ คิดว่าสถานะการณ์จะดีขึ้นแต่ก็ไม่ไหวค่ะ มีแต่รายจ่าย ไม่มีรายได้ สรุปก็เลยตกลงไปอยู่บ้านแฟน เป็น ตจว. ที่ภาคใต้ตอนที่เราทำงานเราอยู่ ภก. ทำงานโรงแรมค่ะ ตอนที่กลับไปอยู่บ้านแฟน แฟนบอกจะกลับไปตัดยางหารายได้เพิ่ม

ซึ่งพอเราตกลงกันได้ก็ขนของกลับค่ะ ของที่ตอนนั้นขนกลับก็มีพวก ทีวี ตู้เย็น เครื่องซักผ้า โต๊ะ ที่นอน โต๊ะจุกจิก พวกนั้นนะคะ ซึ่งเราซื้อเข้าบ้านเองทั้งหมดเลย ภูมิใจมาก คือไม่ได้ขอเงินพ่อแม่เลย อายุเราตอนนั้นก็ 24 ย่าง 25 นะคะ ของก็ถือว่าเยอะ เพราะเราคิดว่าอยู่ด้วยกันทุกวันจนอยากจะสร้างเป็นครอบครัวของตัวเองค่ะ ตอนเราย้ายมาอยู่กับแฟนเป็นห้องเช่านะคะ ราคาประมาณ 4500+ ยังไม่รวมค่าน้ำ ค่าไฟ

พื้นฐานเราเป็นคน จังหวัด ภก. เลย แต่ของที่ขนกลับบ้านแฟนเพราะคิดจะเอากลับไปใช้ที่นูนด้วย
ตอนที่กลับไปใหม่ก็ดีค่ะ เรากลับไปที่บ้านแฟนที่ ตจว. เดือนพฤษภาปี 63 แต่พอเข้าเดือนที่ 3 ที่ 4 มันเริ่มมีความอึดอัดใจนะคะ คนที่เคยอยู่บ้านแฟนบ้างคนคงเข้าใจ ว่าอยู่บ้านคนอื่นที่ไม่ใช่บ้างตัวเองเป็นยังไง บ้างคนอาจดี แต่ของเรา เราว่ามันดูอึดอัดนะคะ เราก็ทนอยู่มานะ รักแฟนด้วย พยายามปรับตัวเยอะเลย จากที่ไม่เคยเก็บยางก็หัด ทำกับข้าวไม่เป็นก็หัดทำ ช่วยทุกอย่างที่พอจะช่วยได้หน้าที่หลักๆ ก็ หุ้งข้าว ทำกับข้าว ซักผ้า ทำไห้เกือบทุกอย่างเลย แต่เราเป็นคนนิสัยเสียชอบตื่นสาย ตื่นตอน 9:30-10:00 ประมาณนี้ ก็อยู่กันมายาวๆ จนเกือบจะครบปีค่ะ ตอนนั้นถ้านับ ก็คบกันได้ 4 ปีกว่าๆ

ทางที่ทำงานก็เรียกตัวกลับไห้ไปฉีดวัคซีนนะคะ แต่ยังไม่ได้กลับไปทำงาน เราลงมาที่ ภก. ช่วงต้นเดือนเมษานะคะ ลงมาคนเดียวนะ เพราะแฟนบอกจะไม่ทำงานโรงแรมแล้วเราก็โอเค ก่อนลงมาก็คุยกันดิบดีว่าๅเนี้ยเราจะหางานทำนะถ้าเธอไม่มีเราส่งไห้ ถ้าเราไม่มีเธอก็ส่งไห้ค่ะ ช่วยทุกอย่างเลย ไม่ได้ว่าเราดีเลิศนะ แต่ทุกครั้งที่มีปัณหาอ่ะ เราช่วยซัพพอร์ทแฟนเราทุกอย่าง ระหว่างรอเข็ม2 ก็หางานพาทไทม์ทำพลางๆ รายได้ดีโอเคเลย แต่พอโควิดรอบ3 เข้า เข้าก็ไม่ไห้ทำอีกหรอบเดิม เรามาอยู่ ภก. ได้ประมาณ เดือนกว่าแฟนที่ตอนแรกคุยกันดิบดีเริ่มดีแตก โวยวายว่าเราลงไปนานเมื่อไหร่จะกลับขึ้นมา ตอนนั้นเราไม่มีงานทำก็จริง แต่เราก็ช่วยงานแม่เรานะ

เรื่องมันเริ่มหนักขึ้นเมื่อแฟนเราเริ่มยื่นคำขาดว่า จะเลือกกชับไปหาเค้าหรือจะเลือกอยู่ที่ ภก. ตอนนั้นเราบอกเลือกอยู่ที่นี้ เพราะจะหางานทำ อยู่ที่นูนเราช่วยเก็บยาง แต่บ้างทีมันก็ไม่ใช่เราเรียนมาแบบนี้ เลือกทำงานแบบนี้ แต่อฟนอยากไห้เราไปตัดยางด้วย ซึ้งตอนนั้นเราเริ่มไม่โอเคล่ะ

แฟนเราก็เริ่มโวยวาย ว่าถ้าไม่กลับมา ก็ไม่ต้องกลับ เขาบอกว่าไห้จบ ซึ่งเราคิดว่าคงหมายถึงขอเลิก เราก็ถามว่า แล้วของเราล่ะ ของที่ขนขึ้นไปนะคะ ทางแฟนเราก็บอกว่าจะทุบทิ้งเผาไห้หมด ตอนนั้นเราเสียใจมากกกกกก คือของที่เราหามาด้วยน้ำพักน้ำแรงเราเองอ่ะ ทำไมเขาถึงทำกับเราแบบนี้ เราก็บอกไปว่าเราขอเวลาก่อนนะ แล้วจะขึ้นไป เพราะแม่เราขอไห้ช่วยงานก่อน เราก็บอกแฟนเราไป ซึ่งตอนแรกเขาก็โอเค ระหว่าฃนี้เขาจะค่อยถามตลอดว่าจะขึ้นม่วันไหนรออยู่อะไรงี้ เราก็บอกว่ารอเจ้านายแม่สั่งหินมาก่อน พอเสร็จจะขึ้นไป ผ่านไปอาทิตย์1 แฟนเราคงเริ่มไม่โอเคโวยวายว่าช้า ปล่อยไห้เขารอนาน เราก็บอกเหตุผลไปแล้วที่ว่าต้องช่วยแม่ก่อน เขาก็ไม่ฟัง แล้วบอกว่า ถ้าไม่ขึ้นมา ก็ไม่ต้องมาแล้ว ใช้ำพูดรุนแรกมากกกก

ตอนนั้นเราไม่โอเคล่ะ อยากเลิกล่ะ ตลอดเวลา1 อาทิตย์ยังเลิกไม่ขาดนะเหมือนยื้อกันเอาไว้ พอวันนี้มาถึงเรารู้สึกทนไม่ไหวล่ะ เราบอกแล้วว่าช่วยแม่ ทำไมเหมือนไม่เข้าใจกัน ระหว่างที่อยู่ ภก. เราไม่เคยออกไปเที่ยวเลย ยกเว้นเวลาไปซื้อกับข้าวกับแม่ เอาจริงๆ ถามทุกคนว่าระหว่างแฟนกับแม่เราจะเลือกอะไร แน่นอนเราเลือกแม่ แต่เราเสียดายของที่เราขนกลับไปในตอกแรก เพราะเรารู้ถ้าเขาพูดแบบนั้น ถ้าเราขึ้นไปเขาจะไม่ไห้ของกชับมาแน่

ที่นี้มาที่คำถามเรานะคะ พอจะมีทางไหนบ้างที่จะเอาของกลับคืนมาได้บ้าง อาจจะได้ไม่หมด แต่ขอเป็นของที่สำคัญๆ ก็ได้ ตอนนี้จนปัญญามาก ไม่คิดว่าจะมาถึงจุดนี้ ตอนนี้เครียดเล็กน้อย

เราเข้าใจนะตอนที่ขนขึ้นไปตอนแรกนะคิดน้อย ไม่คิดถึงตอนเลิกกัน แต่เราก็คิดว่ายังคุยๆ กันได้ แต่ตอนนี้ไม่รู้จะทำยังไง

ด่าได้ในความโง่ของงเรา แต่อย่าแรกมาก ช่วงนี้เราใจบาง
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 6
“ ทีวี ตู้เย็น เครื่องซักผ้า โต๊ะ ที่นอน โต๊ะจุกจิก”

ถ้าคิดให้สบายใจ ของพวกนี้ คุณก็ใช้มาสี่ปีแล้ว สภาพก็เริ่มเสื่อมไปตามกาลแล้ว
จริงอยู่ ... ที่มันมีคุณค่าทางใจ เพราะคุณหาซื้อมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของคุณ

แต่ลองมองอีกมุม
ใจคุณตอนนี้น่ะ สำคัญกว่านะคะ  มัวเสียดายก็ทุกข์ใจ
แถมถ้าดิ้นรนไปเอาคืนมา ก็ไม่รู้จะเจอปัญหาอะไร จากแฟนเก่าขี้โมโหผู้ไม่ยอมฟังเหตุผลใดๆอีก

ตัดขาดกันไปเลย ... ไม่ต้องไปเสียเวลาคิดถึง

เดี๋ยวภูเก็ตเปิดรับนักท่องเที่ยวได้ ทุกอย่างก็จะดีขึ้น คุณจะมีงานทำ

ตอนนี้ ลองดูๆ แค็ตตาล็อก ทีวี / ตู้เย็น / เครื่องซักผ้า รุ่นใหม่ๆ ได้เลย
คงจะมีโปรโมชั่น มาเอาใจลูกค้า กระตุ้นยอดขายเยอะแยะ

คิดบวกนะคะ ทำใจให้สบาย
อย่าลืมว่า อะไรที่ไม่จำเป็น ก็ทิ้งไป
อย่าเอามาทำให้มันเป็นเสมือนโซ่ตรวน ผูกข้อเท้าเราให้ไปไหนมาไหนลำบาก ไม่คล่องตัวเปล่าๆ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่