Alone

กระทู้สนทนา

.



                  ...มันช่างยากช่างเย็นเหลือเกินที่ต้องใช้ชีวิตลำพัง อีกคืนที่ฉันนั่งคุยกับความเหงา ทั้งท้องฟ้าช่างดูมืดมน เหมือนคนที่ใจว่างเปล่า ฟ้าไม่มีดาวเหมือนที่แล้วมา...

                   เสียงเพลงเปิดจากยูทูปในโทรศัพท์มือถือดังเบา ๆ แข่งกับเสียงฝนที่โปรยปรายซู่ซ่ากระหน่ำลงมาไม่ขาดสาย มันช่างตกได้จังหวะพอดิบพอดีกับความรู้สึกของเธอ จะมีสักกี่ครั้งที่ฝนมันตกสวยงามแบบนี้ มีเพียงสายฝนที่หล่นมาสู่พื้นดินด้วยความแรงและเร็วเท่านั้น ไม่มีเสียงฟ้าร้องเลย ถ้ามีป่านนี้เธอปิดไฟนอนคลุมโปงไปตั้งนานแล้ว

                     ละอองน้ำฝนเกาะตามบานกระจกหน้าต่างทำให้กระจกด้านในห้องกลายเป็นไอเกาะกุมไปทั่วแผ่น อากาศหนาวกำลังดี เธอนั่งฟังเพลงที่โต๊ะทำงาน นั่งเท้าคางฟังเพลงที่ชอบมาก เข้ากับบรรยากาศและความรู้สึกของเธอในตอนนี้เหลือเกิน มืออีกข้างกำลังใช้ช้อนคนโอวัลตินร้อนเรื่อย ๆ

                    อิ่มแล้วก็เก็บสักทีเหอะ ไปอาบน้ำได้แล้วจะมานอนอะไร อาบเสร็จแล้วปิดไฟนอนด้วย ง่วงโว้ย ! เสียงของเธอดังก้องในโสตประสาท ยิ้มให้ภาพที่ผุดขึ้นมาในหัวด้วยความคิดถึง ภาพเหตุการณ์ที่วุ่นวายหลายเดือนก่อน ส่ายหัวให้กับภาพนั้นเบา ๆ  ทำอะไรอยู่นะตอนนี้ อาบน้ำหรือยัง ทานข้าวหรือยัง ทานอิ่มไหม เป็นอย่างไรบ้าง

                  ...ไกล..แต่ไม่ไกลเกินคิดถึง ฉันจึง อยากส่งคำถามมาถามเธอ อู้...เธอเหงาเหมือนกันไหมในคืนนี้ รู้ไหมว่าคนทางนี้ จวนจะทนไม่ไหว อยากสบตากับเธอ อยากกอดเธอให้ใจใกล้ใจ แต่ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ ที่ใจคนไกลจะเห็นใจคนรอ...

                     เมื่อเพลงร้องมาถึงท่อนฮุก เธอก็ร้องตาม ร้องเสียงดังแค่ไหนก็ได้เพราะห้องเก็บเสียง ประกอบกับเสียงฝนที่ตกลงมาด้วย คนข้างห้องไม่มีทางได้ยินแน่นอน

                       เธอเหงาเหมือนกันไหมในคืนนี้ รู้ไหมว่าคนทางนี้ จวนจะทนไม่ไหว ร้องไปด้วยนึกถึงใบหน้าของใครบางคนไปด้วย มันเหงามันคิดถึงเหลือเกิน ร้องได้บ้างบางท่อน บางท่อนก็คลอเคลียตาม ทว่าฟังเพลงนี้ ณ ตอนนี้มันช่างไพเราะและมีความหมายกว่าทุก ๆ ครั้งที่ผ่านมามาก

                          เมื่อเพลงร้องจบไปแล้ว ก็กดเปิดซ้ำอีก เปิดซ้ำอยู่อย่างนั้นไม่มีเบื่อ วันนี้ทำไมบรรยากาศมันช่างเงียบเหงา ดูอ้างว้างเหลือเกิน เธอมองเห็นกระจกหน้าต่างมันเป็นไอน้ำ จึงใช้นิ้ววาดรูปหัวใจที่กระจก ตามด้วยข้อความคำว่า ‘คิดถึง’ ลงไป ปิดเพลงและยกโทรศัพท์มาถ่ายรูปเก็บไว้ จากนั้นก็กดเปิดเพลงนี้อีกครั้ง

                      ข้างนอกมืดและเงียบสงัดเพราะฝนตก แม้จะมีไฟส่องทางก็ตาม มันยังรู้สึกเงียบและเย็นยะเยือก อาจจะเป็นเพราะฝนตกนั่นเอง รถรานาน ๆ ทีจะวิ่งผ่านมา หมาสักตัวก็ไม่มี บรรยากาศเงียบมาก ยิ่งทำให้คนเหงาใจอยู่แล้ว เพิ่มความเหงาขึ้นเป็นเท่าตัว

                     ถอนหายใจแล้วหายใจเล่า พร้อมจิบโอวันตินร้อนไปด้วย มันช่วยให้ร่างกายอบอุ่นขึ้นมาได้ประมาณหนึ่ง มองดูนาฬิกาที่โชว์อยู่หัวมุมโทรศัพท์บอกเวลาสี่ทุ่ม เร็วมาก ! ใครว่าความทุกข์ความคิดถึงมันผ่านไปช้า นี่ก็ผ่านไปเร็วเหลือเกิน จะถึงเวลาเข้านอนอยู่แล้ว

                        ทำไมต้องแช่กินแล้วล้างเลยไม่ได้เหรอ เสื้อคลุมใส่มาแล้วจับใส่ไม้แขวนมันจะตายเหรอ ทำไมชอบพาดเหลือเกิน ชาติก่อนชื่อพาดเหรอชอบพาดเสื้อผ้านัก ยิ้มกลั้วหัวเราะให้กับภาพอดีตที่ผุดขึ้นมาในหัวอีก ถ้วยคงจะแช่เต็มอ่างแน่เลยแล้วใครจะล้างให้ เสื้อคลุมคงจะกองอยู่ในตะกร้าอ่ะดิ ไม่ก็พาดไปทั่วแน่เลย หัดทำเป็นนิสัยมันจะตายมั้ย นึกไปพลางยิ้มไป ความคิดถึงก่อตัวขึ้นมาอีกแล้ว มันเล่นงานเธอหนักหนาเหลือเกิน

                        ...แต่ทำยังไงก็ยังไม่ชินกับการที่ไม่มีเธอ ยิ่งดึกยิ่งเพ้อยิ่งคิดยิ่งใจหาย คำว่ารักยังเป็นของเธอ ยังรักไม่ว่าเมื่อไหร่ เธออย่าใจร้ายทิ้งกันไปนานนาน...

                       เสียงเพลงเดิมยังคงขับกล่อมอยู่อย่างนั้น รอบที่เท่าไหร่จำไม่ได้ รู้แต่ว่าเมื่อร้องจบก็กดเปิดซ้ำอีก วนไปเรื่อย ๆ สายตาพลันไปเห็นรูปหัวใจและข้อความ ‘คิดถึง’ ที่เขียนเอาไว้ ตอนนี้มันกำลังละลายหายไป เธอนึกเสียดายที่มันกำลังจะเลือนหายไป เขียนใหม่ก็ไม่ได้ ไอน้ำมันหมดแล้ว เธอใช้พื้นที่หมดแล้ว ไม่เป็นไรอย่างน้อยก็ยังเก็บภาพเอาไว้ทัน

                        22.50 นอนหรือยังนะ ลังเลว่าจะส่งรูปที่ถ่ายให้หรือเปล่า สุดท้ายแล้วเธอก็เก็บไว้ก่อนยังไม่ส่งให้ในตอนนี้ จากนั้นก็เปลี่ยนท่าเท้าคางใหม่ เป็นนอนหนุนแขนตัวเองบนโต๊ะทำงาน โต๊ะทำงานที่วางติดกับขอบหน้าต่าง นอนหนุนแขนฟังเพลงเดิม ๆ วนไปเรื่อย ๆ ยังไม่ง่วง ยังไม่อยากนอนตอนนี้

                      อยู่กับใครเหรอตอนนี้ ไปไหนกันมาบ้าง กับข้าวแถวนั้นอร่อยไหม ได้แค่ตั้งคำถามและจินตนาการเอาเอง สมองเลือกจินตนาการไปในทางที่ดีและมีความสุข นอนแล้วหรือ นอนตอนไหน ยังจะนอนตอนนี้ไม่ได้ลืมอะไรไปหรือเปล่า ทำไมลืม ! เมื่อจินตนาการไปในทางลบ ความรู้สึกก็ติดลบไปด้วย หน้างอโดยไม่รู้ตัว

                       สายฝนยังโปรยปรายลงมาไม่ขาดสาย ตอนนี้ผ่อนความแรงตกกระทบพื้นลงมาบ้าง ยังไม่หยุดดี เธอฟังเพลงเพลิน ๆ สายตาพลันเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่าง ยืนอยู่ที่ถนนท่ามกลางสายฝนที่กำลังตกลงมา นี่ฝนยังตกอยู่ใยไปยืนตากฝนอยู่ตรงนั้น

                       มองเห็นเป็นผู้ชาย จ้องมองดี ๆ เห็นเป็นผู้หญิงผมยาว เสื้อสีเขียวเข้มออกดำ หันข้างให้กับเธอ ดูเหมือนว่าผู้หญิงคนนั้นจะรับรู้ว่าเธอกำลังมองอยู่ บางจังหวะเหมือนหันมามองเธอด้วย ความรู้สึกมันช่างน่ากลัวพิลึก ไม่น่าไว้ใจเหลือเกิน ฝนตกขนาดนั้นคนฉลาดจะต้องหาที่หลบฝน ไม่ใช่มายืนตากฝนกลางถนนอยู่แบบนี้

                      เธอมองลงมาจากชั้นสามของตึก เพ่งพินิจมองคนตรงหน้า แสงไฟสลัว ๆ ของตึกและถนนพอทำให้เห็นว่ามีคนยืนอยู่ท่ามกลางสายฝนตรงถนนหน้าตึกนั่น เธอผละสายตาจากหญิงคนนั้น หันมาให้ความสนใจเพลงที่เปิดฟังอยู่อีกครั้ง

                        ความเงียบสงัดเข้ามาเกาะกุมหัวใจ ฝนหยุดตกสนิทในเวลาห้าทุ่มครึ่ง บรู๊ว... บรู๊ว บรู๋ววววว อยู่ ๆ ก็มีเสียงหมาหอนดังขึ้น ความกลัวเข้ามาแทนที่ความเหงา ดูนาฬิกาอีกครั้งห้าทุ่มสี่สิบ แค่เสียงหมาหอนสามารถทำลายล้างโสตประสาทของเธอมาก ๆ มันไม่ได้หอนแค่ตัวเดียว มันหอนกันเป็นทีมและยาวนาน บ้าเอ้ยแค่เสียงหมาหอนก็ทำให้ขาแข็งไม่กล้าลุกกันเลยหรือ

                    เธอไม่กล้าที่จะลุกขึ้นจากโต๊ะ ภายในใจกำลังกลัวมาก แต่ทำไมไม่กล้าลุก มันลุกไม่ขึ้น ขามันแข็ง กลัวก็กลัวแต่ทำไมร่างกายยังไม่ยอมลุกขึ้นอีก แค่เสียงหมาหอนน่า ไม่ต้องกลัว ! ไม่ต้องกลัว ! เมื่อไม่กล้าลุกก็ปลอบใจตนเองให้หายกลัวเสียก่อน

                         พอหมาหอนไปหอนมาสักพัก เหมือนได้ยินเสียงคนร้องไห้ เสียงร้องไห้ปนไปกับเสียงหอนของหมา เสียงนี้มาอีกแล้ว มันช่างเป็นเสียงที่โหยหวนเย็นต่อความรู้สึกเหลือเกิน มันไม่น่าใช่เสียงร้องไห้ของคน

                         ขณะหมากำลังหอน เธอมองเห็นผู้หญิงคนนั้นอีกแล้ว ยังไม่ไปอีกหรือ ฝนหยุดตกแล้ว ในเวลาดึกดื่นแบบนี้ หมาหอนแบบนี้จะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ นอกจาก ผะ...ผะ...ผี !

                     ผีหลอก ! เหมือนเธอคนนั้นรู้ความคิดของเธอ รู้สึกว่าหล่อนจะแสยะยิ้ม อะไรไม่รู้ทำให้เธอสังเกตลงต่ำ ๆ ที่ขา หล่อนไม่มีขามีเพียงตัวท่อนบนท่อนล่างกลมกลืนไปกับความมืดของความว่างเปล่าในอากาศ

                      พรึบ ! เธอดึงม่านมาปิดหน้าต่างเอาไว้ คราวนี้ขาของเธอมันดันมีเรี่ยวแรง สามารถยันตัวลุกออกจากเก้าอี้ได้ เธอปิดไฟกระโดดขึ้นเตียงนอนดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมศีรษะเอาไว้   ไม่ได้อยากนึกถึงใบหน้านั้น แต่ มันดันชัดเจนในสมองของเธอเหลือเกิน หลับตาไม่ลง หลับตาลงยังคงเห็นแต่หน้าเธอคนนั้น

                       “นอนยัง คิดถึง พรุ่งนี้กลับแล้วนะ... “
      
                        ไม่ได้สนใจข้อความที่เด้งขึ้นมาเลย ไม่ได้พิศวาสเหมือนเช่นทุกครั้ง เสียงหมาหอนรับกันเป็นทอด ๆ ทำลายความเหงาความว้าเหว่ของเธอหายไปจนหมด มีเพียงความกลัวที่เข้ามาแทนที่ทุกอณูขุมขน

จบ...
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่