สวัสดีค่ะ กลับมาอีกครั้ง หลังจากเขียนกระทู้ล่าสุดก็เมื่อ 2-3ปี ก่อน เนื่องด้วย ไม่ค่อยมีเวลา ^^

ก่อนอื่นต้องเกริ่นก่อนว่าเราเป็นคนไทยหรือชาวต่างชาติที่อาศัยและทำงานอยู่ในมาเลเซีย วันนี้แค่แวะมาแชร์ขั้นตอนเกี่ยวกับการลงทะเบียนสมัครใจรับ วัคซีน Astrazeneca เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันป้องกันโรคระบาด Covid-19

ตามที่ข่าวไทยได้เสนอสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดในมาเลเซียไปแล้วบ้างนั้น ต้องยอมรับว่าที่นี่มีการระบาดอย่างหนักจริงๆ ทั้งๆที่ทางรัฐบาลเค้ามีมาตรการ หรือ SOP ต่างๆที่เข้มงวดอย่างมาก และตอนนี้ก็ล็อคดาว ครั้งที่ 3 แล้ว ซึ่งสาเหตุนึงอาจจะเนื่องจากทางรัฐมีการตรวจเชิงรุกมากๆและตรวจฟรี ประมาณว่ายิ่งตรวจก็จะเจอเรื่อยๆ แถวคอนโดที่ จขกท พัก จะมีรถของ รพ หรือ third party เร่เชิญชวนให้ swap test ถึงที่ นอกจากนั้นมีทั้งแบบ drive thru และบริการตรวจที่บ้าน เป็นตัน 

ทางรัฐบาลมาที่นี่มีแผนจัดซื้อวัคซีน Pfizer เป็นอันดับแรก แต่ด้วยเนื่องปัจจัยหลายๆอย่าง ทำให้ได้รับวัคซีนอย่างจำกัด และรองลงมาคือ Astrazeneca 

ที่นี่ก็จะมี App MySejahtera หรือคล้ายๆกับ App หมอชนะ ที่ไทยเราค่ะ ซึ่งใน App เราก็สามารถลงทะเบียนสมัครใจรับวัคซีน "ฟรี" ได้ทุกเมื่อ ที่สำคัญไม่มีเงื่อนไขที่จำกัดอะไรเลยยย ใครลงก่อนคนนั้นก็มีสิทธิ์ได้ก่อน และ สิทธิได้ทั้งชาวมาเลเซียและ***ชาวต่างชาติ*** 

หากลงผ่าน App MySejahtera :
ขั้นตอน : ลงทะเบียนตั้งไว้ พอถึงเวลาได้กำหนดการฉีด ทาง App ก็จะแจ้งกำหนดการ 
ข้อดี : เรามีโอกาศได้ Pfizer ค่อนข้างสูงมากๆ
ข้อเสีย : 1.หลังจากลงทะเบียนสำเร็จแล้วเราไม่สามารถรู้ว่า จะได้ช้าหรือเร็วหรือเมื่อไหร่ ขึ้นอยู่กับจำนวนวัคซีนที่ได้แต่ละรอบ หรือ หากคนที่มีสิทธิ์ก่อนเราสละสิทธิ์เราก็จะได้แทน 2.ตัววัคซีนอาจจะได้ Astrazeneca แทน หากโดนจังหวะ Pfizer หมดสตอค 

ทั้งนี้ทั้งนั้น พอถึงเวลาเราสามารถตัดสินใจ ยกเลิก ได้ โดยไม่มีเงื่อนไขอะไรมาก เพราะตามชื่อเลยค่ะ *สมัครใจ*

แต่ในขณะเดียวกันทางรัฐบาลจะมีประกาศ*แยก*เรื่อยๆสำหรับการลงทะเบียนสมัครใจรับวัคซีน Astrazeneca เช่นกัน
ขั้นตอน : ลงทะเบียนในเว็บแยกมี่รัฐบาลกำหนดไว้ ไม่มีอะไรยุ่งยาก กรอกข้อมูลส่วนตัว สถานที่และวันเดือนปีที่ต้องการรับ เป็นต้น 
ข้อดี : หลังจากลงทะเบียนสำเร็จแล้ว เราจะได้ Comfirmation Slot ในการฉีดภายใน 48 ชม จขกท ลงเที่ยงวันนี้ เช้าตรู่วันต่อมาได้รับการยืนยันการฉีด ซึ่งเร็วเกินคาดมากๆ และที่สำคัญเมื่อถึงเวลาเปิดลงทะเบียน App ไม่ล่มจ้า ^^ 
ข้อเสีย : ยังไม่พบข้อเสียอะไรจากการลงทะเบียน

รวมๆที่ชอบมากๆ คือ มาเลเซียเค้าไม่แบ่งแยกชนชาติ ให้โอกาสรับวัคซีนใก้กับทั้งชาวประเทศเค้าและชาวต่างชาติ เพราะโรคระบาดจริงๆมันไม่ได้เลือกว่าชาติไหนจะติดหรือไม่ติด และชอบเว็บไซต์ที่รับลงทะเบียนมี 4 ภาษา อาทิเช่น ภาษามลายู อังกฤษ จีน และฮินดี 

สำหรับรอบนี้เปิดลงทะเบียนเพื่อสมัครใจรับวัคซีน Astrazeneca ให้กับคนทีมีอายุ 60 ปี ขึ้นไปก่อน หากมีสลอตเหลือก็จะเปิดให้กับคนที่มีอายุ 60 ปี ลงมา สรุปมีเหลือรองรับได้ 286,xxx คน ไม่ถึงชั่วโมงสลอตเต็ม และ จนกท ก็เป็น หนึ่งในนั้น  

พูดถึงเรื่องความปลอดภัยของวัคซีน Astrazeneca จนกท ก็ไม่มีความรู้เฉพาะทางด้านนี้ แต่เหตุผลที่ตัดสินใจรับ คือ เชื่อมั่นในข้อมูลของรัฐบาล เชื่อมั่นในตัวเองว่ามีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงพอที่จะรับวัคซีนตัวนี้ได้ บวกกับ จขกทอาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยง คือ Kuala Lumpur  และด้วยเนื่องติดตามข่าวแล้วเห็นว่าอัตรการที่เสียชีวิตน้อยมากๆ ถามว่าที่นี่มีเสียชีวิตเพราะวัคซีนตัวนี้ไหม ตอบเลยว่า *มี* แต่เราก็ต้องดูปัจจัยหลายๆอย่างๆด้วย เช่น อายุ/โรคประจำตัว/ภูมิคุ้มกันของแต่ละคน เป็นต้น ไม่ใช่โทษวัคซีนอย่างเดียว เพราะคนที่ฉีดเป็นแสนๆคนก็ไม่มีผลอะไร นอกจากมีไข้ขึ้น เหนื่อย ฯลฯ 1-2 วันแรกหลังฉีด ซึ่ง จนกท คิดว่าอันนี้ปกติๆมาก เพราะวัคซีนตัวอื่นก็เป็นเหมือนกัน และอีกเหตุผลนึง คือ อยากบินกลับไทยมากๆ เลยคิดว่าถ้าเกิดเร็วๆนี้เค้าเปิดให้บินเข้า เราออาจะเข้าได้ง่ายหรือมีเงื่อนไขน้อยกว่าถ้าเทียบกับคนที่ไม่ได้ฉีด **อันนี้ก็เตรียมๆตัวไว้** และกระทู้นี้ไม่ได้แนะนำหรือบอกว่าดีหรือไม่ดียังไงนะค่ะ แค่แชร์ความคิดเห็นส่วนตัวที่ตัดสินใจรับ เผื่อใครลังเลที่จะรับหรือไม่รับ

การจัดการของรัฐบาลมาเลเซีย ทุกอย่างจะเปิดจะปิดอะไร หรือ SOP ต่างๆ ต้องฟังประกาศหรือไลฟ์สดจากนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรี/โฆษกของกระทรวงสาธารณสุข เท่านั้นแม่นยำและราบรื่นมากๆ ที่สำคัญมันสะท้อนการทำงานของรัฐบาลได้อย่างชัดเจน และข่าวทุกเรื่องที่นี่เหมือนเค้าเลี่ยงออกข่าวแง่ลบ ก็ดีนะ 

สุดท้ายแล้วถ้าอ่านแล้ว งงๆบ้าง จขกท ต้องขออภัยด้วยนะค่ะ จะพยายามเขียนให้ดีขึ้นต่อๆไป และอยากทราบอะไรเกี่ยวกับมาเลเซีย ไม่ว่าการทำงาน รายได้ รายจ่าย คุณภาพชีวิต ฯลฯ ของต่างชาติที่เข้ามาอาศัย ทำงานมาเลเซีย หรือ ลี้ภัย แชร์มาได้เลยค่ะ ยินดีจะแบ่งปันความรู้ค่ะ 

จขกท เริ่มเข้ามาทำงานปี 2015 จนถึงปัจจุบัน และคิดว่าคงไม่กลับไปทำงานที่ไทยละค่ะ ฮ่าๆ