**** แก้ไข มี 3 ตอนนะคับ 
ตอนที่ 2 >>> https://pantip.com/topic/40739744
ตอนจบ >>> https://pantip.com/topic/40749059


เมื่อฉันไปเดินแบบที่หิมาลัย    ABC (Annapurna Base Camp)
การเดินทางที่แสนยาวนาน หนาวสุด เหนื่อยสั--  แต่สนุกโครตๆ  ช่วงไหนที่เดินเหนื่อยๆ  
บอกกับตจัวเองว่า.... เอาหนะ! คิดซะว่ามาเดินแบบละกัน 555555
          2 ปีที่แล้ว ไปหิมาลัยมาฮะ เหนื่อยมากแต่ประทับใจสุดๆ ทุกวันนี้ยังคุยถึง ABC เพื่อนๆอยู่เลย
ผ่านมานาน ช่วงว่างๆแบบนี้ เลยขอรื้อความทรงจำเกี่ยวกับการไป Trekking ABC มาเล่าให้ฟังกันนะฮะ 
เป็นรีวิวเท่าที่จำได้   จริงๆเรื่องการเดินอย่างไง การเตรียมตัวแบบไหน หลายกระทู้คงรีวิวและแนะนำกันหมดแล้ว  
แต่สำหรับกระทู้นี้ เราจะเล่าจากสิ่งที่เราได้ไปสัมผัสมาด้วยตัวเอง 
มีหลายๆเรื่องอาจจะมีประโยชน์ต่อคนที่กำลังมีแพลนจะไป ( ใช่จ๊ะ ต้องหลังโควิดหมดก่อนนะ ถึงไปได้ 5555)
ฝากกดติดตาม เพจน้อยๆของเราด้วยฮะ https://web.facebook.com/calaminetrip  (คารามายทริป ไปให้หายคัน!)

***** ตอนที่ 2  มาแล้วว >>>   https://pantip.com/topic/40739744   (มี3 ตอนนะคับ  ตอน3 กำลังนั่งปั่นอยู่ฮะ^^)

*** หมายเหตุกันไว้ตรงนี้*** เนื่องจากไปมา2ปี ความจำอาจตกหล่น หากผิดพลาดประการใด ขออภัยด้วยนะฮะ
รูปโดยมาก เน้นคน นะฮะ ไปมาเหนื่อย กูขอถ่ายเยอะๆ 55555  วิวมีบ้างนิดหน่อย   ภาพทั้งหมดถ่ายจากมือถือล้วน! ^^

วางแผนและการเตรียมตัว 
1. หลักๆของเราคือเลือกวันว่างของเรา ปีนี้เราว่าง 2 ช่วง คือ กันยา และธันวา  
แต่กันยาช่วงหน้าฝน ซึ่งไม่สมควรเป็นอย่างยิ่งที่จะเดินป่า เพราะ ฝนตก ถนนลื่น เผลอๆอาจเจอน้ำป่า เราเลยเลือกช่วงธันวาแทน 
 
2. เราเลือกช่วงวันพ่อและคร่อมวันรัฐธรรมนูญและเสาร์อาทิตย์ด้วย เลยทำให้เรามีเวลาพอสำหรับทริปนี้   
จริงๆช่วงไฮซีซั่นที่เขาไปกันคือช่วง เมษาและตุลา แต่เราไม่ว่าง แต่คิดถูกแล้วที่มาเดือนธค. 
เพราะช่วงที่ถึง base camp  หิมะปกคลุม ขาวไปทั้งหิมาลัย สวยมากกก ถึงแม้จะหนาวทรมานไปหน่อย

3. ข้อดีขอการมาเดินช่วงนี้คือ นักท่องเที่ยวไม่เยอะ เราเจอคนไทยแค่คนเดียว ต่างชาติก็มีนิดหน่อย  
วิวข้างทางจะเป็นหิมะ สวยมาก  
ส่วนข้อเสียคือ หนาว แบบหนาว สลัดๆอะค่ะ 555555 อ้อ!!  ต้องลุ้นว่าหมอกจะบังวิวภูเขาไหม 
ซึ่งตอนเราขึ้น Poon Hill หมอกบังไปเกือบ 50%  (แต่ก็ยังพอเห็น)  ส่วนเมื่อถึง  Basecamp หมอกไม่บัง สวยเชียว^^ 
 
4.พอได้วันแล้ว เราก็มีหน้าที่หลอกลวงเพื่อนๆ เอ้ย ชวนเพื่อนๆมา จนได้มา 7คน แล้วความสนุกก็เริ่มต้นขึ้น^^  
เพราะต่างคนเริ่มต่างหาข้อมูล เอาแชร์กันในไลน์กลุ่ม เม้าท์กันสนุกสนาน 
ตั้งแต่รองเท้าเดินเขาไปจนถึงคอลรีนเม็ดฟู่ละลายน้ำดื่ม ยิ่งไกลวันยิ่งตื่นเต้น
   
5.อุปกรณ์เสื้อผ้า อันนี้เราแล้วแต่ดุจพินิจของแต่ละคน แต่เราถือคติที่ว่า “เหลือดีกว่าขาด”
เพราะฉนั้นเสื้อผ้า ชั้นนอกชั้นในเราจัดเต็ม แต่สิ่งที่พึ่งระวังคือ ถ้ามันเยอะเกิดไปเราต้องจ่ายค่าลูกหาบเพิ่ม  
เพราะฉะนั้นถ้ายอมจ่ายเพิ่มก็จัดเต็มไปเลยจ่ะ  
*** กระเป๋าใบใหญ่ ถ้าไม่มีไม่ต้องซื้อนะฮะ Agent มีให้ยืม คือเราเอากระเป๋าเดินทางธรรมดาไป แล้วอะไรที่นำไป Trekking ค่อยย้ายกระเป๋ามาที่กระเป๋าของ Agent   

6.การหา Agent  เราว่าน่าจะเหมือนกันทุกที่ เราเลือกจากคนที่เรารู้จักเคยไปมา เลยได้บริษัทนี้มา (ใครสนใจหลังไมค์มาถามได้ฮะ^^)
ราคาเราว่าน่านะพอๆกัน ขึ้นอยู่ว่าเรามีเวลากี่วัน  ส่วนตัวเรา มีเวลา11วันรวมวันเดินทางกลับ
หลักๆที่เรารีเควสไปคือ  พูนฮิลล์และABC  แต่!! อย่าหาทำ 555555 

7.พูนฮิลล์ กับ ABC ถ้าคุณมีเวลาน้อย อย่าเพิ่งไปพร้อมกันเหมือนเรา คนอื่นอาจไหว แต่เราเกือบไม่ไหว  
เรื่องของเรื่องคือการปรับร่างกายไม่ทัน พอวันที่ขึ้นไปพูนฮิลล์ คือเหนื่อยมากกก เพื่อนร้องไห้กลับอะ คิดดู 555555 แต่เราไมรู้ว่าด้วยอากาศที่หนาวหรือเปล่าว ไม่แน่ใจว่าคนที่ไปช่วงเมษาจะเหนื่อยเท่าเรามั้ย 
 ... แต่ถ้าคิดจะมาช่วงหน้าหนาว เราแนะนำว่าถ้ามีเวลาให้ปรับร่างกายอีกซักวันสองวัน น่าจะโอเค แต่ถามว่าเหนื่อย แต่ไหวมั้ย ก็ไหวอยู่นะ^^

8. พอรู้ว่าจะต้องไป หาเวลาออกำลังกายนะ เชื่อเราเถอะ^^

9. ตั๋วเครื่องบิน  ไลออนแอร์ 8000 การบินไทย 13000 เลือกเอาเลย



  
DAY1  จูบแรกที่ กาฐมาณฑุ 
เรากับเพื่อน2คน ถึงกาฐมาณฑุบ่ายๆ ซึ่งแยกกันมากับเพื่อน เพื่อนคนอื่นเดินทางมาถึงก่อนตั้งแต่เมื่อวาน พี่ไกค์เลยพาไป วัดที่มีลิงเยอะๆ^^ 
และเดินเล่นในตัวเมือง 
          มีรถมารอรับสนามบิน ครั้งแรกที่ถึง อากาศเย็นดีมากก ไม่อยากจะคิดถึงความหนาวเหน็บบนยอดดอย  รถพาเรามาโรงแรมแถวย่านทาเมล (Thamal)  น่าจะคล้ายๆข้าวสาร+จตุจักร 
ทุกคนมาร่วมกันที่ล๊อปปี้โรงแรม รับกระเป๋า*** กระเป๋าเดินป่าที่สำหรับใส่เสื้อผ้า อย่างที่บอกไปคือไม่ต้องซื้อมานะฮะ ที่นี้เขามีบริการให้ยืมจ๊ะ  
เพื่อนข้าพเจ้า ซื้อมาที่เมืองไทยใบหลายพันบาท สรุปไม่ได้ใช้ ใช้ของบ.ทัวร์แทน #อย่าหาทำ55555
          จากนั้นก็รับบรีฟว่าเราจะต้องเจออะไรกันบ้าง แล้วขึ้นเอากระเป๋าไปเก็บ ออกมาทานข้าว 
เรามานั่งกันที่ร้านอาหารไทย เปิดมาหลาย10ปีละ รสขาติเหมือนไทยเลย หลังจากทานข้าวเสด 
ก็พากันไปเดินซื้อของที่ขาดจากเมืองไทย ที่ย่านทาเมล

ย่านทาเมล  มีร้านค้าขายทุกอย่างเกี่ยวกับการเดินเขา และทุกอย่างเกี่ยวกับเนปาล 
เราเจอนักท่องที่ยวเดินกัน เต็มถนน ที่นี้มีทั้งนักท่องเที่ยวที่เดินเสร็จแล้ว และกำลังจะเดินทางเหมือนเรา เดินกันให้ควั่ก  
ส่วนใครจะแลกเงินก็สามารถหาแลกได้ที่นี้ ราคาไม่ต่างกันมาก  
อุปกรณ์เดินเขานั้นที่นี้มีหมด ทุกอย่าง  ทั้งของจริงและของปลอม แต่ของปลอมจะเยอะกว่า  
ต่อราคาได้กันตามสบายเลย  หลักจากซื้ออุปกรณ์จนครบ  ทุกคนก็แยกย้ายกลับไปนอน เตรียมบินไป Pokhara พรุ่งนี้เช้า  
แต่..เราและเพื่อน ขอนั่งดื่มชิมเบียร์เนปาล ดื่มด่ำบรรยากาศกาฐมาณฑุ ซักหน่อย  หน่อยของเราก็คนละ 3 ขวด 555555  

Day2 : มีเงินก็ไปไม่ได้  Kathmandu to Pokhara
ไกด์มารับเราตอนเช้า เพื่อไปสนามบิน พร้อมทีมลูกหาบ ซึ่งสรุปแล้วแก็งค์เราต้องจ้างลูกหาบเพิ่ม เพราะน้ำหนักระเป๋าเกิน 
(ทุกวันนี้ยังแซวกันอยู่ว่า เป็นเพราะทุกคนพกทิชชู่เปียกมากันหมด มันเลยหนัก 55555 )  
เราพอทราบว่า เครื่องบินลำเล็กเป็นแบบใบพลัด จึงทำใจระดับหนึ่งแล้ว 
รวมทั้งการบินไปเมือง Pokhara ว่าจะต้องดูลมฟ้าอากาศด้วย ถ้า ทรรศนวิสัย ไม่ดีก็ต้องรอไปเรื่อยๆ แต่ถ้าท้องฟ้าโปรง เป็นใจก็บินได้เลย ซึ่งเราโชคร้ายจ่ะ>< 
ขึ้นเครื่องไป ภาพที่คิดไว้ว่ามันเก่า มันน่ากลัว มันก็เป็นไปตามคิดเลยจ้า  แจกน้ำหนึ่งขวด แจกถั่ว1ห่อ 
จากนั้นนั่งให้เรียบร้อย พร้อมบิน!  เครื่องบินเคลื่อนตัวไปช้าๆ จนเราได้เห็นหิมาลัยบนเครื่องครั้งแรก 
 วินาทีแรกที่เห็นหิมาลัยบนเครื่องบิน ทุกคนตื่นเต้นกันมากกก ถ่ายรูปกันยกใหญ่ ตอนแรกกลัวเครื่องบินใบพลัด 
พอเห็นหิมาลัย ความกลัวหายหมด มัวแต่ถ่ายรูปกัน บินสักพักและก็ถึงสนามบิน Pokhara   
ที่จริงตามแพลนวันนี้ต้องเดินแล้ว แต่เมื่อไฟล์ดีเลย์ แพลนวันนี้เลยนั่งรถเพื่อไปที่พัก  
ระหว่างทางทุกคน่ตื่นเต้นกันมาก รถค่อยๆเข้าไปผ่านหลายหมู่บ้าน  จนในที่สุดก็ถึงที่พัก  
เราจัดการเก็บกระเป๋า  อาบน้ำ กินข้าวเย็น ไกด์จะมาบรีฟว่าพรุ่งนี้ต้องเจออะไรบ้าง (ซึ่งจะเป็นแบบนี้ทุกๆดินเนอร์) 
บอกเลยว่า อากาศที่นี้ หนาวมากกกกกกกกก  รีบอาบน้ำ  ดื่มเบียร์นิดหน่อย ก่อนแยกย้ายกันเข้านอน เจอกันพรุ่งนี้ ^^

Day 03: วันแรกยังซ่า 555555   Start our trek to Ghandruk
และแล้วก็ถึงวันแรกของการเดิน  ตอนแรกก็ตื่นเต้นกันมาก รีบจัดแจงอุปกรณ์ให้ครบ 
เดินไปถ่ายรูปกันไป แวะถ่ายรูปกันทุกจุด กำลังเห่อ 55555   
หลังจากอากาศที่หนาวๆพอเดินไปซักพักเริ่มร้อน ถอดออกทีละชิ้น  
เอาเสื้อแขนยาวมัดเอว  แล้วค่อยๆเดินไป  วันแรกยังทางยังไม่ค่อยชันมาก ค่อยๆเดินเพื่อปรับสภาพ

เราเดินผ่านหมูบ้าน ผ่านแม่น้ำ วันนี้เจอแต่ป่า ยังไม่ค่อยได้เจออะไรมากมาย เหนื่อยก็พัก หายเหนื่อยก็เดิน  
ก้มหน้าก้มตาเดินอย่างเดียวจ๊ะ  


จนถึงที่พักค่ำแล้ว เมื่อถึงที่พัก อากาศหนาวขึ้นไปอีก วันนี้หนาวจริงๆ แล้วบ้านหลังใหญ่ไม่พอนอน เราต้องมานอนเป็นเหมือนกระท่อม ที่กั้นฝาไว้ ซึ่งหนาวมากวันนี้ ไกค์บอกว่ารีบนอน เพราะตี3 จะต้องเดินขึ้นไป Poonhill    เพื่อให้ทันพระอาทิตย์ขึ้น  
** เพื่อนมาเล่าตอนออกมาจากที่นี้ เพื่อนที่นอนกับเราบอกว่า ตอนที่หลับ สะดุ้งเสียงเหมือนมีสัตว์เดินวนรอบๆกระท่อมที่เราพัก หลายรอบ  ซึ่งระหว่างที่เราเข้าพัก ไม่เห็นมีหมา หรือสัตว์อื่นๆอยู่เลย 


Day 4 Ponhill และน้ำตา   Ghandruk to Chhomrong

เราไม่รู้ว่าหลับไปตอนไหน แต่รู้ว่าหนาวมาก หนาวแบบหนาวอะ เข้าใจใช่มั้ย55555 
กว่าจะเตรียมตัว เตรียมชุด ได้เดินขึ้นก็ตี 4  ดาวยังเต็มท้องฟ้า ทางมืดมาก ไกค์พาเราเดินขึ้นไป คือเดินขึ้นอย่างเดียว 
ร่างกายเรายังปรับไม่ทัน ทำให้การเดินมันเหนื่อยมาก ทั้งเหนื่อย ทั้งหนาว ทั้งหายใจไม่ทัน  
เพื่อนเราที่มาด้วย ถึงขนาดร้องจะกลับบ้าน  เราต้องช่วยกันให้กำลังใจกัน ทั้งๆที่กูก็เหนื่อยเหมือนนั้นแหละ 5555555 


ใช้เวลาเดินขึ้น น่าจะชั่วโมงหนึ่ง เมื่อถึง Ponhill โชคดีที่ฟ้าเปิดมาหน่อย ถึงแม้จะเห็นภูเขาไม่ชัด เพราะเรามาหน้าหนาว  
แต่ที่เห็นก็สวยมากแล้ว สวยสมที่เดินทาง   เพื่อนที่ไม่ไหว ถึงกลับร้องไห้ออกมา 
เมื่อเห็นวิวภูเขาอยู่ตรงหน้า  ระว่างทาง!!!  ลำบากเหลือเกิน 
แต่พอมาถึงภาพที่เห็นตรงหน้า ภูเขาเต็มๆตา หายเหนื่อยกันไปเลย      
จากนั้นก็ถึงมหรรกรรมถ่ายรูป^^   ดื่มด่ำอยู่ Ponhill จนหน่ำใจ ก็ถึงเวลาเดินลง 
เพื่อทานข้าวเช้า และเดินทางต่อ  
[img]https://f.ptcdn.info/625/073/000/qtpy3pvqnY4ejKK