JJNY : เจ้าของโรงแรมข้าวสารโอด│หมอศิริราชอัดเลิกปิดข้อมูลเสียชีวิต│อดีต‘ขุนคลัง’ชวนจับตากู้เงิน│ก.ก.จัดอภิปรายงบกว่า20คน

เจ้าของโรงแรม ข้าวสาร โอดเหลือเงินก้อนสุดท้าย 2 ปี ไร้คนมาพัก ขายทรัพย์สินแทบหมด
https://www.matichon.co.th/social/news_2742663
 
 
เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม สมาชิกเว็บไซต์พันทิบ ได้ตั้งกระทู้ลงในเว็บไซต์ ว่า “ทำอย่างไรเหลือเงินสดก้อนสุดท้ายแล้ว” โดยยังเล่าว่า
 
“ผมทำธุรกิจโรงแรมขนาด 25 ห้องแถวๆ ถ.ข้าวสาร ตอนนี้เปิดก็เหมือนปิดไม่มีคนพักมา 2 ปีแล้วเหลือพนักงาน 2 คนคอยเฝ้าและทำความสะอาดเล็กๆน้อย
 
จนมาถึงตอนนี้ผมหมดเงินที่มีและที่คิดว่าจะหาได้มาหมดแล้วจนปัญญา จะปิดเต็มรูปแบบก็ติดที่เป็นที่เช่า กับหน่วยงานรัฐ ทำให้ไม่สามารถปิดได้
 
ไม่รู้จะเป็นไงอยากจะตายก็ตายไม่ได้เพราะสิ่งที่ลงทุนไปก็จะละลายเป็นศูนย์ มีภาระผูกพันธ์กับคนข้างหลัง เพราะเงินลงทุนก็มาจากต้นทุนเดิมที่บ้านทิ้งไว้ให้ คือตอนก่อนหน้าก็คิดว่ายังไหวจำนำทุกสิ่งอย่างของมีค่าไปหมดแล้ว ก็ไม่รู้จะเป็นไง รถยนต์ที่ขายได้ขายไปหมดแล้วตอนนี้ขับรถกระบะเก่าๆ คันหนึ่งอยู่
 
ขอเล่าเพิ่มเติมผมมีส่วนที่เป็นหนี้สินทั้งหมด 6-7 ล้านบาท ทรัพย์สินในรูปอสังหาริมทรัพย์รวมประมาณ 60 ล้านบาท (แต่มันไม่ใช่เงินสดบางส่วนเป็นกรรมสิทธิการเช่า ประกาศขายสิทธิและก็ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง และที่ดินเปล่ายังไม่มีใครสนใจ) รายจ่ายต่อเดือนก็รวมได้ 1-1.25 แสน/เดือน (ค่าเช่า,ค่าน้ำไฟ, พนักงานและที่สำคัญค่าดอกเบี้ยธนาคารและนอกระบบ) รายรับ ผมมีจากค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์ซึ่งไม่เกี่ยวกับโรงแรมประมาณ 0.75 แสนบาท/เดือน คือเฉลี่ยติดลบ ประมาณ 7-8 หมื่นบาท อันนี้ยังมี fix cost รายปีเช่น ค่าตรวจบัญชี ค่าประกัน ค่าภาษี และอื่นๆ
 
เอาเป็นตอนนี้จนปัญญามาถึงปลายทาง มันเหมือนโดนขึงคอกับไม้ในแต่ละเดือนก็เหมือนโดนขันเชือกให้มันแน่นรัดคอไปเรื่อยๆ จนผมคิดว่าปลายทางแล้ว ส่วนหนึ่งก็คิดไปเรื่อยหนีไปบวชทิ้งปัญหา แต่พอมาคิดก็ไม่ได้เพราะคนรู้ปัญหาก็ผมคนเดียวยังตัดใจไม่ได้ ตอบไม่ได้ทำอย่างไรอึดอัด ผมเชื่อว่าหลายคนคงเป็นแบบผม แล้วแต่ความหนักเบาของปัญหา
 
จะถามว่าไปบนให้ช่วยขายที่ก็บนบานศาลกล่าวมาหมด ถือศีลสวดมนต์นั่งสมาธิก็ทำมาครบ ถามว่าจัดการเรื่องธุรกิจ ผมก็ทำเต็มที่ (ในความเห็นผม) ในโอกาสที่ทำได้แล้ว ที่จริงกระทู้ผม มันคงคล้ายๆคนอื่น ทุกข์คล้ายๆกันบางทีเรามองคนอื่นทุกข์มากกว่าด้วยซ้ำแต่สำหรับผมมันเกินไปแล้วจริงๆ
 
ปัจจุบันอายุ 54 ปีเหนื่อยที่จะสู้ต่อ ไม่มีเงินเก็บ”
 
โดยในกระทู้ดังกล่าว มีคนเข้ามาคอมเมนต์แสดงความคิดเห็น ให้กำลังใจกับเจ้าของกระทู้จำนวนไม่น้อย และยังให้คำแนะนำต่างๆ เพื่อหาทางออกให้กับเจ้าของกระทู้รายดังกล่าว อาทิ ให้ลองคุยกับธนาคารดู และเปลี่ยนหนี้นอกระบบให้เข้าไปอยู่ในแบงก์ ผ่อนชำระหนี้ไป หรือขายทรัพย์สินที่มี
บางรายได้แนะนำให้เปิดบริการห้องอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า 24 ชั่วโมง หรือเปิดซักรีดด้วย เพื่อผ่อนปรนสถานการณ์ บ้างก็มองว่าควรจะเปิดให้เช่าพักแบบราย 10-15 วัน
 

 
"หมอศิริราช"เดือด! อัดเลิกปิดข้อมูลภาพรวมการเสียชีวิตจากโควิดต่ำกว่าเป็นจริง
https://www.thansettakij.com/content/covid_19/481395?FB=

หมอนิธิพัฒน์สุดทนออกโรงอัดแพทย์ที่จงใจปิดข้อมูลภาพรวมการเสียชีวิตจากโควิดต่ำกว่าเป็นจริง พร้อมติดแฮชแท็กเอาแพทย์ของนักการเมืองคืนไปส่งแพทย์ของประชาชนคืนมา
 
รายงานข่าวระบุว่า รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว (นิธิพัฒน์ เจียรกุล) โดยมีข้อความว่า 
 
    อ่านข่าวแล้วไม่สบายใจ ผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ในต่างจังหวัดคงมีอีกหลายรายเช่นรายนี้ ที่ผู้บริหารซึ่งรับผิดชอบให้ข่าวว่าเสียชีวิตจากเหตุอื่น ที่จริงหมอพวกนี้ถือว่าจงใจปกปิดข้อมูลทำให้ภาพรวมการเสียชีวิตจากโควิดต่ำกว่าความเป็นจริง ส่งผลให้ภาคความมั่นคงและภาคประชาชนไม่เห็นความสำคัญของปัญหาที่แท้จริง และไม่กวดขันเข้มงวดเพื่อช่วยลดการสูญเสียของการระบาดในวงกว้าง 
 
    ปัจจุบันแพทย์รุ่นใหม่โดยเฉพาะอายุรแพทย์ จะถูกสอนและเน้นย้ำความสำคัญการลงรหัสโรค การสรุปรายงานผู้ป่วย และการลงสาเหตุการเสียชีวิต ดังตัวอย่างที่ผู้ป่วยเป็นปอดอักเสบโควิดใช้เครื่องช่วยหายใจเป็นเวลานานจนตรวจไม่พบเชื้อโควิดแล้ว ต่อมาเกิดปอดติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนและเสียชีวิต การสรุปสาเหตุการตายต้องเป็นโรคโควิด-19 โดยมีปอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียเป็นภาวะแทรกซ้อน เข้าใจว่าพวกนี้ชอบซุกขยะใต้พรม ตกแต่งตัวเลขในความรับผิดชอบให้ดูสวยงามเข้าไว้ คิดแล้วเศร้าใจแทนประชาชนไทย แต่ยังไงก็ไม่ขอเปลี่ยนประเทศ เพราะมันเป็นหนึ่งในสิ่งสำคัญของรักของหวงของผมไปแล้ว
 
    ภาคการแพทย์น่าจะเป็นข้าราชการประจำกลุ่มหลังๆ ที่ถูกข้าราชการเมืองเข้าแทรกจนค่อยๆ สูญเสียอัตลักษณ์ด้านคุณธรรมจริยธรรม ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการการเมืองที่มาถูกช่องทางโดยการเลือกตั้ง หรือที่มาทางลัดโดยการตั้งกันเอง (ลากตั้ง) ล้วนไว้วางใจไม่ได้ทั้งนั้น 
 
    #เอาแพทย์ของนักการเมืองคืนไปส่งแพทย์ของประชาชนคืนมา
 
    #ภาครัฐโปรดสื่อสารความจริงกับประชาชน
 
    ทั้งนี้  โพสดังกล่าวมาจากกรณีที่เกิดขึ้นในอำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ  โดยเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลศรีสะเกษ พร้อมด้วยหน่วยกู้ภัยสว่างจิตต์ศรีสะเกษธรรมสถาน นำร่างผู้เสียชีวิตด้วยโรคปอดติดเชื้อจากแบคทีเรีย มาทำการฌาปนกิจด้วยความเร่งด่วน เนื่องจากผู้เสียชีวิตรายนี้เป็นผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 (Covid-19) มาก่อน แต่ได้รับการรักษาหายแล้ว ผลตรวจโควิด-19 เป็นลบ โดยมีญาติมาร่วมในพิธีประมาณ 10 คน เจ้าหน้าที่ ที่นำร่างของผู้เสียชีวิตมาทำพิธีฌาปนกิจ ต้องใส่ชุดอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) อย่างรัดกุม เพื่อเป็นการไม่ประมาทป้องกันการติดเชื้อ ซึ่งผู้เสียชีวิตรายนี้ไม่นับรวมจำนวนผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ของจังหวัดศรีสะเกษ
 
    กรณีดังกล่าวนพ.ชลวิทย์ หลาวทอง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศรีสะเกษ ได้ออกประกาศระบุว่า ผู้เสียชีวิตรายนี้ เป็นผู้ป่วยโควิด-19 รายที่ 70 ของศรีสะเกษ เป็นชายไทย อายุ 61 ปี ภูมิลำเนาอยู่ในอำเภอเมืองศรีสะเกษ ติดเชื้อโควิด-19 จากผู้ป่วยรายที่ 22 เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลศรีสะเกษ ตั้งแต่วันที่ 22 เม.ย. 2564 ผลการรักษาหายจากโควิด-19 แล้ว (ผลตรวจเป็นลบ) แต่เนื่องจากผู้ป่วยรายนี้ยังมีอาการปอดติดเชื้อจาก
แบคทีเรีย จึงทำให้เสียชีวิตวันที่ 22 พ.ค. 2564 ที่โรงพยาบาลศรีสะเกษ เพื่อเป็นการไม่ประมาทจึงได้ป้องกันเหมือนกับผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ด้วย
 
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=3665747513530905&id=100002870789106
 


อดีต ‘ขุนคลัง’ ชวนจับตา พ.ร.ก. กู้เงิน 5 แสนล้าน กุญแจสู่บุฟเฟต์สภา หวั่นตกหนักลูกหลาน
https://www.matichon.co.th/economy/news_2742882
 
อดีต ‘ขุนคลัง’ ชวนจับตา พ.ร.ก. กู้เงิน 5 แสนล้าน กุญแจสู่บุฟเฟต์สภา หวั่นตกหนักลูกหลาน ถ้ากู้มาล้มละลาย
 
เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Thirachai Phuvanatnaranubala – – ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล แสดงความคิดเห็นต่อ พ.ร.ก.กู้เงินเพิ่มเติม 5 แสนล้านบาท ว่า
  
“อย่าให้ พ.ร.ก. เป็นกุญแจสู่ บุฟเฟต์แคบิเนต!”
  
ข่าวว่อน “รอฟังวันนี้! ครม. แถลงความชัดเจน ‘พ.ร.ก. กู้เงิน 7 แสนล้าน’ หลังโดนกระซวก” ประชาชนใจจดจ่อ!
เมื่อวานนี้ 25 พ.ค. นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีคลัง แถลงชี้แจง พ.ร.ก. 5 แสนล้านบาท
แต่ปรากฏว่า ชี้แจงแบบด้วน ห้วน!
  
แค่เพียงอธิบายวัตถุประสงค์ 3 แผนงาน และเงินกู้จะช่วยให้ จีดีพี ปี 64 และปี 65 ขยายตัวเพิ่มขึ้นอีก 1.5%
น่าเสียดาย ไม่ได้แถลงว่า
  
1. หลักการรวบอำนาจการใช้จ่ายของรัฐ ให้ออกไปจากองคาพยพกำกับตรวจสอบปกติ นั้น นอกจากใช้จ่ายคล่องมือแล้ว มีประโยชน์อื่นใดแก่ชาติ หรือไม่ อย่างไร?
2. สามแผนงานของท่าน มีความเร่งด่วนจนไม่สามารถออกกฎหมายในรูปพระราชบัญญัติ ตรงไหน?
3. วงเงินฟื้นฟู 1.7 แสนล้าน ท่านมีเผื่อไว้ให้ สส. พรรคใดบ้าง? เผื่อไว้ให้รัฐมนตรีกระทรวงใดบ้าง? เผื่อไว้ปิดปาก สส. หรือไม่?
 
ผมคัดโครงการใหญ่ ที่ ครม. พลเอกประยุทธ์อนุมัติ ใน พ.ร.ก. 1 ล้านล้าน มาให้ผู้อ่านรับทราบ จะเห็นได้ว่า มีโครงการของส่วนราชการมากมาย!
 
ทำไมส่วนราชการจึงกระตือรือล้น จะทำโครงการใน พ.ร.ก. 1 ล้านล้าน แทนที่จะเสนอตามงบประมาณปกติ?
เป็นเพราะถ้าเดินถนนปกติ ถ้าถูกตรวจสอบ อาจถูกดำเนินคดี ไม่เหมือนเดินถนน พ.ร.ก. หรือไม่?
ในเว็บไซต์สภาพัฒน์ 5 โครงการฟื้นฟูใหญ่สุด ที่ดำเนินการโดยหน่วยงานของรัฐ คือ
 
< อันดับหนึ่ง สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม จำนวนเงิน 10,629,600,000 บาท (หนึ่งหมื่นหกร้อยล้านเศษ)
= โครงการยกระดับเศรษฐกิจและสังคมรายตำบลแบบบูรณาการ (1 ตำบล 1 มหาวิทยาลัย)!!!
(*ครม. คงเกรงใจรัฐมนตรีนี้มาก เพราะงานเร่งด่วนแบบนี้ จะใช้ถึงแสนล้านก็ได้ ตั้งมหาวิทยาลัยทุกสี่แยก)
 
< อันดับสอง สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำนวนเงิน 9,805,707,480 บาท (เก้าพันแปดร้อยล้านเศษ)
= โครงการ 1 ตำบล 1 กลุ่มเกษตรทฤษฎีใหม่!!!
(*พรรคที่คุมกระทรวงนี้ คงมีบารมีใน ครม. น่าเสียดาย ทฤษฎีใหม่แต่ใช้เงินแค่เก้าพันล้าน)
 
< อันดับสาม กรมการปกครอง จำนวนเงิน 2,701,876,000 บาท (สองพันเจ็ดร้อยล้านเศษ)
= โครงการพัฒนาตำบลแบบบูรณาการ (Tambon Smart Team)!!!
(*กระทรวงนี้ คงจะเกรงใจคนรุ่นใหม่ สมารท์ตำบนตำบอน ปกติต้องใช้เงินนับหมื่นๆ ล้าน)
 
< อันดับสี่ กรมส่งเสริมสหกรณ์ จำนวนเงิน 1,693,500,700 บาท (หนึ่งพันหกร้อยล้านเศษ)
= โครงการปรับโครงสร้างการผลิต การรวบรวม และการแปรรูปของสถาบันเกษตรกรรองรับผลผลิตทางการเกษตร!!!
(*โครงการนี้ใช้เงินนิดเดียว ไม่ถึงระดับหมื่นล้าน ไม่สมกับชื่อโครงการ ที่ตั้งได้ลึกซึ้ง)
 
< อันดับห้า กรมการข้าว จำนวนเงิน 1,601,430,400 บาท (หนึ่งพันหกร้อยล้านเศษ)
= โครงการเพิ่มศักยภาพและปรับปรุงเครื่องจักรอุปกรณ์ปรับปรุงสภาพเมล็ดพันธุ์ของศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าว ของกรมการข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์!!!
(*นี่ก็คงเกรงใจคนรุ่นใหม่มาก เพราะแค่ชื่อที่ข้ามชาตินี้ไปชาติหน้าอย่างนี้ ก็ทำโครงการได้เป็นแสนๆ ล้านแล้ว)
  
นี่แค่ 5 อันดับแรก และยังมีโครงการของส่วนราชการอื่นๆ อีกมากมาย รวมถึงโครงการของแต่ละจังหวัด ดูได้ในเว็บไซต์สภาพัฒน์
ในเมื่อ พ.ร.ก. 1 ล้านล้าน เป็นที่นิยมมากอย่างนี้ ก็คาดได้ว่า พ.ร.ก. 5 แสนล้าน จะมีลูกค้าแน่นขนัดไม่แพ้กัน
 
ผมจึงขอเชิญให้พลเอกประยุทธ์ ในฐานะนั่งหัวโต๊ะ ครม. ที่เป็นผู้อนุมัติโครงการเหล่านี้ โปรดให้มีการชี้แจงว่า
  
ก) โครงการเหล่านี้ ที่ต้องใช้จ่ายให้สะดวก ลื่นไหล จนต้องใช้ช่องทางด่วนพิเศษ ที่ท่านออกแบบไว้ใน พ.ร.ก. นั้น มีความจำเป็นเร่งด่วน แท้จริง อย่างไร?
ข) มีส่วนราชการที่ฉวยโอกาส ใช้ช่องทางพิเศษใน พ.ร.ก. เพื่อหลบการตรวจสอบในช่องทางปกติ หรือไม่?
ค) มีอะไรเป็นหลักประกันว่า โครงการเหล่านี้ตอบสนองความต้องการของท้องถิ่นอย่างแท้จริง พิสูจน์ไว้ หรือไม่ อย่างไร?
นี่เอง ที่ผมวิจารณ์ว่า ในวาระครบรอบวันเกิด 7 ปีของ คสช. พลเอกประยุทธ์ให้ของขวัญแก่คนรุ่นใหม่ เป็นหลักการคลังในอนาคต ใส่กล่องผูกโบสีดำ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่