"มามี้ เดี๋ยวจะให้ภูมิช่วย เรียกด้วยนะ ภูมิมีเรียนออนไลน์อีกแป๊บเดียว"
แม่นันจะได้ยินประโยคน่ารักนี้จากพี่ภูมิทุกวันอังคารค่ะ เด็กๆจะรู้ว่าวันนี้เป็นวันทำขนมผักกาด ก็จะแบ่งงานกันทำ
สมัยโควิดยังไม่มา เด็กๆไปเรียนก็จะช่วยได้ไม่เต็มที่ แม่นันก็จะถ่วงเวลาทำช้าๆ เพื่อรอพี่ภูมิกลับมาช่วย (โดยเฉพาะขั้นตอนสุดท้าย)
พี่ภูมิถือเป็นมือขวาของแม่นันเลยค่ะ ตั้งแต่กระบวนการนวดจนถึงยกขนมออกจากซึ้ง
มามี้แค่มีหน้าที่ปรุง และตักใส่แพ็คเท่านั้นยังยืนจนขาแข็งเลยค่ะ
ถ้ารอบไหนออเดอร์เยอะ ต้องใช้สองซึ้งใหญ่ๆ (นักเรียนที่เคยมาเรียนที่บ้านจะเห็นค่ะ ว่าหย่ายยขนาดไหน)
คุณพ่อและน้องภามก็จะถูกแม่นันมอบหมายให้มา่ช่วยนวดขนมด้วย สองหนุ่มนี้นวดเก่งเช่นกันค่ะ
แต่กระบวนการสุดท้ายพี่ภูมิก็จะอาสาเองทุกครั้งค่ะ "เดี๋ยวได้เวลาแล้วภูมิมายกขึ้นให้เองนะ) ซึ่งแม่นันก็จะรู้สึกสบายใจถ้าพี่ภูมิเป็นคนทำให้
(แอบกระซิบให้พี่ภูมิได้ยิน) เพราะเค้าจะมีเทคนิคในการยกซึ้งขึ้นลง แถมหน้าขนมไม่เคยเสีย
อ่างผสมที่แม่นันใช้นี่เบอร์ใหญ่สุดนะคะ แต่พอลูกเป็นคนนวดนี่อ่างดูเล็กลงถนัดตา เค้านวดแป๊บเดียวก็เสร็จค่ะ
แต่ถ้าวันไหนหนุ่มๆไม่อยู่ แม่นันต้องนวดเอง จะล้ามาก กำลังวังชาไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว ต้องขอบคุณลูกๆและสามี
ลูกเคยพูดอยู่ประโยคหนึ่ง
"มามี้ไม่ต้องทำขนมผักกาดแล้วก็ได้นะ เหนื่อยเปล่าๆ ...เดี๋ยวภูมิก็ทำงานมีเงินเดือนให้มี้แล้ว"
น้องภามก็เคยพูดประโยคเดียวกัน "มามี้ มิง จ่อ ก็ ฮ่อ นา" (มามี้ไม่ต้องทำแล้วก็ได้)
"ที่มามี้ยังทำอยู่..เพราะมี้อยากรักษาความเป็นดั้งเดิมให้คงไว้ จนกว่ามามี้จะไม่ไหวน่ะ"
"เด็กรุ่นใหม่อย่างภูมิยังชอบเลย แล้วลูกลองคิดดูสิ บรรพบุรุษรุ่นอากง อาม่าที่ยังมีชีวิตอยู่ ถ้าเค้าได้กิน ไช้เถ่าก้วยรสชาติเดียวกับที่เค้าเคยเป็นคนทำ
แต่ตอนนี้เค้าทำไม่ไหวแล้ว .... เค้าจะดีใจและคิดถึงขนาดไหน"
แม่นันอธิบายให้ลูกฟังได้ เพราะตัวเองเคยโ่หยหาและคิดถึงขนมผักกาดรสมือแม่ จนเป็นแรงบันดาลให้ทำมาจนถึงทุกวันนี้.....
ขนมผักกาด (ไช้เถ่าก้วย) ต้นตระกูล โชคดีลูกๆมีบุญได้รู้จักไช้เถ่าก้วยของอาม่า