สิ่งที่ผมจะเล่าสู่กันฟังนี้ แค่อยากเล่าจะมีคนฟังหรือเปล่าไม่รู้ ก็แค่อยากเล่าเท่านั้น
บอกก่อนว่าผมไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญ สิ่งที่นำมาเล่าสู่กันฟังได้จากการสังเกต
ใครที่เชียวชาญหลงเข้ามาอ่าน เห็นว่าข้อความไหนไม่ถูกต้อง ท้วงติงได้ครับ
ถ้าเห็นว่าควรเพิ่มตรงไหน เพิ่มได้เลยครับ
การศึกษาทางด้านเทคนิค เครื่องมืออินดิเคเตอร์มีให้ใช้มากมาย
ถ้าสังเกตจะเห็นว่า หลายๆอินดิเคเตอร์นั้น สูตรจะใช้ค่าเฉลี่ย (mav) มาคำนวณด้วย
ยกตัวอย่าง macd จะนำค่าเฉลี่ย 2 เส้นมาลบกัน
บางคนอาจจะใช้เทคนิคจุดเข้าซื้อ เมื่อเส้นค่าเฉลี่ย exponential (EMA) 10 ตัด EMA 25 วัน
แทนที่จะมาคอยดูเส้น 10 ว่าตัด เส้น 25 ขึ้นไปแล้วหรือยัง เส้น 10 สูงกว่า 25 หรือยัง
ก็เข้าไปปรับที่ MACD ให้เส้นแรกเป็น EMA 10 เส้นที่ 2 เป็น EMA 25
ค่า MACD เป็นบวกคือ เส้น 10 อยู่เหนือ เส้น 25
มาดูระยะเวลา( time frame TF )ในการดูกราฟเทคนิค
มีให้ดูตั่งแต่รายนาที 0 1 2 3 4 5 ....30 60 120 นาที day week quarter month year
คงแล้วแต่ว่าลงทุน(เล่น) สั้น หรือ ยาวแค่ไหน
บางคนชอบสั้น บางคนชอบยาว
จะสั้นหรือยาว ไม่ใช่ปัญหา แต่อยู่ที่ลีลา และจังหวะ
tf สั้น จะขึ้นก่อนลงก่อน tf ยาว ขึ้นทีหลังลงทีหลัง
ถ้าหุ้น sideway แคบๆ หรือ sideway down
tf สั้นจะเสี่ยงสูง กำไรก็น้อย เพราะราคายังไปไม่ถึงไหนจบรอบแล้ว โอกาสขาดทุนมีสูง
ถ้าตลาด side way up tf สั้น จะทำกำไรได้มากรอบ บางรอบใหญ่ บางรอบเล็ก อาจมีขาดทุนบ้าง
อาจจะขายไปแล้ว ต้องกลับมาซื้อราคาสูงขึ้นเพื่อไปขายสูงกว่า
ลงทุน tf สั้น ต้องเทรดหลายหรอบ เสียค่าคอมมาก
ลงทุนใช้ tf ยาวกว่า ก็จะซื้อช้ากว่า ขายช้ากว่า tf ยิ่งยาวยิ่งซื้อข้า ยิ่งขายช้า ไม่ต้องเทรดหลายรอบ
ถ้ารอบที่หุ้นขึ้นไม่นาน tf ยาวเกินไป อาจทำให้ขาดทุนได้เช่นกัน
หุ้นพื้นฐานดีหรือไม่ เวลาตลาดขาลง หรือ เกิดวิกฤต จะลงด้วย มากหรือน้อยแล้วแต่
เทคนิคที่ดี จะทำให้ได้กำไร มากกว่าขาดทุน และไม่ทำให้ติดดอย
ปล. การคัดลอสโดยใช้จุดสต็อปลอส ว่าหุ้นที่ถืออยู่ลงกี่เปอร์เซ็นต์ ให้สต็อปลอส
โดยที่ไม่รู้แนวโน้มของหุ้นว่า อยู่ในช่วง sideway down หรือ sideway up
ผมว่าไม่ใช่วิธีที่ดีสำหรับการลงทุน เพราะในช่วง sideway up คุณอาจะเจอมันเด้งใส่หน้า แล้วหนีคุณไปไกล
ช่วง sideway down ก็เช่นกัน แต่เด้งใส่หน้าแล้ว อาจทำโลว์ใหม่
เล่าสู่กันฟังเรื่องเทคนิค
บอกก่อนว่าผมไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญ สิ่งที่นำมาเล่าสู่กันฟังได้จากการสังเกต
ใครที่เชียวชาญหลงเข้ามาอ่าน เห็นว่าข้อความไหนไม่ถูกต้อง ท้วงติงได้ครับ
ถ้าเห็นว่าควรเพิ่มตรงไหน เพิ่มได้เลยครับ
การศึกษาทางด้านเทคนิค เครื่องมืออินดิเคเตอร์มีให้ใช้มากมาย
ถ้าสังเกตจะเห็นว่า หลายๆอินดิเคเตอร์นั้น สูตรจะใช้ค่าเฉลี่ย (mav) มาคำนวณด้วย
ยกตัวอย่าง macd จะนำค่าเฉลี่ย 2 เส้นมาลบกัน
บางคนอาจจะใช้เทคนิคจุดเข้าซื้อ เมื่อเส้นค่าเฉลี่ย exponential (EMA) 10 ตัด EMA 25 วัน
แทนที่จะมาคอยดูเส้น 10 ว่าตัด เส้น 25 ขึ้นไปแล้วหรือยัง เส้น 10 สูงกว่า 25 หรือยัง
ก็เข้าไปปรับที่ MACD ให้เส้นแรกเป็น EMA 10 เส้นที่ 2 เป็น EMA 25
ค่า MACD เป็นบวกคือ เส้น 10 อยู่เหนือ เส้น 25
มาดูระยะเวลา( time frame TF )ในการดูกราฟเทคนิค
มีให้ดูตั่งแต่รายนาที 0 1 2 3 4 5 ....30 60 120 นาที day week quarter month year
คงแล้วแต่ว่าลงทุน(เล่น) สั้น หรือ ยาวแค่ไหน
บางคนชอบสั้น บางคนชอบยาว
จะสั้นหรือยาว ไม่ใช่ปัญหา แต่อยู่ที่ลีลา และจังหวะ
tf สั้น จะขึ้นก่อนลงก่อน tf ยาว ขึ้นทีหลังลงทีหลัง
ถ้าหุ้น sideway แคบๆ หรือ sideway down
tf สั้นจะเสี่ยงสูง กำไรก็น้อย เพราะราคายังไปไม่ถึงไหนจบรอบแล้ว โอกาสขาดทุนมีสูง
ถ้าตลาด side way up tf สั้น จะทำกำไรได้มากรอบ บางรอบใหญ่ บางรอบเล็ก อาจมีขาดทุนบ้าง
อาจจะขายไปแล้ว ต้องกลับมาซื้อราคาสูงขึ้นเพื่อไปขายสูงกว่า
ลงทุน tf สั้น ต้องเทรดหลายหรอบ เสียค่าคอมมาก
ลงทุนใช้ tf ยาวกว่า ก็จะซื้อช้ากว่า ขายช้ากว่า tf ยิ่งยาวยิ่งซื้อข้า ยิ่งขายช้า ไม่ต้องเทรดหลายรอบ
ถ้ารอบที่หุ้นขึ้นไม่นาน tf ยาวเกินไป อาจทำให้ขาดทุนได้เช่นกัน
หุ้นพื้นฐานดีหรือไม่ เวลาตลาดขาลง หรือ เกิดวิกฤต จะลงด้วย มากหรือน้อยแล้วแต่
เทคนิคที่ดี จะทำให้ได้กำไร มากกว่าขาดทุน และไม่ทำให้ติดดอย
ปล. การคัดลอสโดยใช้จุดสต็อปลอส ว่าหุ้นที่ถืออยู่ลงกี่เปอร์เซ็นต์ ให้สต็อปลอส
โดยที่ไม่รู้แนวโน้มของหุ้นว่า อยู่ในช่วง sideway down หรือ sideway up
ผมว่าไม่ใช่วิธีที่ดีสำหรับการลงทุน เพราะในช่วง sideway up คุณอาจะเจอมันเด้งใส่หน้า แล้วหนีคุณไปไกล
ช่วง sideway down ก็เช่นกัน แต่เด้งใส่หน้าแล้ว อาจทำโลว์ใหม่